“ท่านใหม่” ขุดบ่อล่อปลาหรือเปล่าไม่รู้! แค่เตือน “กวิ้น” โดดลงเฉย เล่นใหญ่ถึง “พ่อ” ในความหมายที่ส่อหมิ่นเบื้องสูง “ดร.เกษียร” มาแบบลุ่มลึก ว่ากันตามอุดมคติแล้ว ประชาธิปไตยเป็นสังคมที่ไม่มี "พ่อ" สื่อถึงอะไรครับจารย์
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (25 พ.ค. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ข้อความระบุว่า
“จากกรณีที่ ม.จ.จุลเจิม ยุคล หรือ ท่านใหม่ ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุถึงกรณี เพนกวิน โดยขอเตือนไว้หากไม่อยากติดคุกแล้วจะไม่ได้ออกมาอีก ก็ไม่ควรเล่นสองแง่ สองง่าม เพราะเพนกวินยังมีการโพสต์โจมตีสถาบัน ทั้งพาดพิง หมิ่นสถาบันอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ได้รับการปล่อยตัว ซึ่งตัวท่านใหม่มีเจตนาเตือนด้วยรักและหวังดี เพราะไม่มีใครจะล้มสถาบันได้
ล่าสุด ทางด้านเพนกวิน ได้โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ โต้กลับด้วยใช้คำพูดไม่สุภาพนัก ระบุว่า “กฎหมายที่พ่อมึ_ใช้ปิดปากคน บังคับให้คนบอกรักอะนะ เออ ไหนๆ ก็โดนเมนชั่นถึงแล้ว ฝากถามพ่อมึ_หน่อยละกัน ไหนเคยบอกไม่ให้ใช้กฎหมายมาตรานี้แล้วทำไมกลับมาใช้ล่ะจ๊ะ พูดแล้วคืนคำหรอ” และยังทวีตอีกว่า ไปบอกให้พ่อมึ_ รู้หน้าที่
โดยการกล่าวถึงคำว่า พ่อ นายอัษฏางค์ ยมนาค ได้อธิบายไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า เจตนาของเพนกวินนั้น ย่อมชัดเจนว่า หมายถึงอะไร นี่จึงเป็นหลักฐานผิดเงื่อนไขศาล ที่พาดพิงถึงสถาบันฯ
ต่อมาได้มีคอมเมนต์จากก๊วน 3 นิ้ว เข้ามาพูดถึงท่านใหม่ด้วยถ้อยคำหยาบคาย ลามปามถึงราชสกุลด้วย เช่น จุลเจิม เคยอ่าน 10 ข้อเรียกร้องแล้วรึยังก่อน มาป่าวประกาศอินั่นล้มเจ้า ไอ้นี่ล้มเจ้า
อย่างไรก็ตาม พบว่า พวกแกนนำและลูกก๊วน 3 นิ้ว จะไม่พอใจเวลามีใครกล่าวเตือน หรือนำข้อมูลจริงมาพูด จะมีการโพสต์ด่าทอ ให้ลูกก๊วนมาถล่ม แล้วมักจะอ้างว่ามีเสรีภาพจะพูดอะไรก็ได้ แต่เมื่ออีกฝ่ายพูดบ้าง กลุ่มนี้จะรับไม่ได้ และโจมตีทันที
อ่านต่อได้ที่ลิงก์ : https://truthforyou.co/49709/anm=
ก่อนหน้านี้ นายพริษฐ์ หรือ เพนกวิน แกนนำกลุ่มราษฎร เคยโพสต์จาบจ้วงสถาบันเช่นกัน ขณะตอบโต้ทวิตเตอร์รายหนึ่ง ที่โพสต์ข้อความว่า
“นี่ขนาดอุทิศตน ให้ประวัติศาสตร์แล้วเหรอกวิ้น 7 ปีนี่ต้องเรียนจบแล้วมั้ย เอาเวลาสรรหาถ้อยคำนี่ไปเรียนให้จบเถอะ”
เพนกวิน ทวีตข้อความตอบกลับว่า “คือถ้าพ่อมึ…ไม่จับกูเข้าคุก กูก็เรียนจบแล้วอ่ะจ่ะ ดร็อปเพราะเข้าคุกมาสองเทอมแล้ว”
สำหรับโพสต์เฟซบุ๊กของ ม.จ.จุลเจิม ยุคล หรือ ท่านใหม่ สาระสำคัญระบุว่า “อย่าเล่น สองแง่ สองง่าม ตีวัวกระทบคราด พวกเราไม่โง่ แม้แต่ท่านผู้พิพากษา ที่จะแปลเจตนารมณ์ ที่เขียนไม่ออก ระวัง คราวนี้จะเข้าคุกมิได้ออก เปลี่ยนใจ เปลี่ยนพฤติกรรมเสียใหม่ ยังหนุ่มสาว กันทั้งนั้น ประเทศชาติยังต้องการพวกคุณ กลับไปเรียนให้จบ แล้วมาช่วยกันแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ไม่ใช่สถาบันกันดีกว่า อายุยังน้อยๆ กัน ผมเตือนด้วยความรัก และหวังดี ไม่มีใครสามารถล้มสถาบันได้ มีแต่เปลืองตัวกันเปล่าๆ”
อ่านต่อได้ที่ลิงก์ : https://truthforyou.co/49660/?anm
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เฟซบุ๊ก Kasian Tejapira ของ ศ.ดร.เกษียร เตชะพีระ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความ พร้อมภาพประกอบ ระบุว่า
“ว่ากันตามอุดมคติแล้ว ประชาธิปไตยเป็นสังคมที่ไม่มี “พ่อ”......
ฐานคิดของสังคมประชาธิปไตยเริ่มต้นจากปัจเจกบุคคลที่เสรีและเท่าเทียมกันทั้งทางสิทธิและอำนาจ ไม่มีใครมีความสัมพันธ์ทางอำนาจอย่างสูงต่ำเหลื่อมล้ำเหนือกว่าใคร จึงไม่มีปัจเจกบุคคลใดสามารถติ๊งต่างทึกทักสมมุตินามตามท้องเรื่องเป็น “ญาติผู้ใหญ่/ญาติผู้น้อย” หรือ “พ่อ/ลูก” ของใครได้
ทุกคนเป็นปัจเจกบุคคลเสรีเท่ากัน หนึ่งคนหนึ่งเสียง นั่นคือแก่นแท้รากฐานของประชาธิปไตย
- ซึ่ง “ไม่ไทย” อย่างยิ่งเพราะขัดแย้งตรงข้ามกับ “ความเป็นไทย” แบบอนุรักษนิยมอุปถัมภ์
- แต่ก็ “ไทย” อย่างยิ่งหากมองจากมุม “ความเป็นไทย” แบบเสรีเสมอภาคนิยมของรัฐบุรุษอาวุโส ปรีดี พนมยงค์, คุณกุหลาบ สายประดิษฐ์, จิตร ภูมิศักดิ์, เสกสรรค์ ประเสริฐกุล”
แน่นอน, เห็นได้ชัดว่า ระหว่าง “เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์ กับ นักวิชาการ นักคิด นักเคลื่อนไหว รวมถึงนักการเมือง ที่อยู่เบื้องหลังการต่อสู้ “ปฏิรูปสถาบัน” มีจุดต่างอย่างเห็นได้ชัดคือ ความระมัดระวัง การใช้สมอง และความรู้ ในการตอบโต้กับคนที่เห็นต่าง หรือ คนที่เป็นฝ่ายตรงข้าม ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ม็อบ หรือ แสดงความเห็นผ่านสื่อออนไลน์ “เพนกวิน” ปราศรัยทุกครั้งสุ่มเสี่ยงทุกครั้ง โพสต์ทุกครั้ง ก็สุ่มเสี่ยงทุกครั้ง แถมทิ้งพยานหลักฐานเอาไว้เพียบ
อย่าง กรณีโพสต์ทวิตเตอร์ ตอบโต้ผู้เห็นต่าง และตอบโต้ “ท่านใหม่” ดังกล่าวข้างต้น ไม่ต้องใช้การตีความอะไร ก็รู้อยู่แล้วว่า หมายถึงอะไร
เช่น “กฎหมายที่พ่อมึ_ใช้ปิดปากคน บังคับให้คนบอกรักอะนะ เออไหนๆ ก็โดนเมนชั่นถึงแล้ว ฝากถามพ่อมึ_หน่อยละกัน ไหนเคยบอกไม่ให้ใช้กฎหมายมาตรานี้แล้วทำไมกลับมาใช้ล่ะจ๊ะ...” มีทั้งกล่าวหาให้ร้าย มีทั้งบ่งชี้ถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ เคยบอกว่า ที่ไม่บังคับใช้ ม.112 เพราะพระมหากรุณาธิคุณ
แต่เอาล่ะ ถ้ายกประเด็นนั้นเอาไว้ก่อน คำพูดของ “เพนกวิน” ก็ถือว่า เป็นเด็กก้าวร้าว ไม่มีสัมมาคารวะ เหมือนไม่เคยถูกอบรมสั่งสอนมาก่อน เหมือนโตมาตามธรรมชาติ ไร้การขัดเกลา แม้ว่า ยังเรียนในระดับปริญญาตรีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ถ้า “ประชาธิปไตย” ที่พวกเขาเรียกร้องทำให้นึกถึง “เพนกวิน” อนาคตประเทศที่ฝากไว้กับคนรุ่นใหม่ ทำให้นึกถึง “เพนกวิน” สำนึกรับผิดชอบต่อสังคม ทำให้นึกถึง “เพนกวิน” ฯลฯ ชักไม่แน่ใจว่า คนไทยยอมรับได้หรือไม่
ส่วน โพสต์อาจารย์เกษียร ไม่ว่าจะอธิบาย หรือ สื่อเรื่องอะไร ในข้อกล่าวอ้างทั้งหมด แต่ที่เป็นวิทยาศาสตร์ และเป็นรากเหง้าสังคมไทย ทุกคนมี “พ่อ” และคำว่า “พ่อ” ยิ่งใหญ่เหนือกว่าทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตคนคนหนึ่ง
ส่วนคนที่เกิดจากกระบอกไม้ไผ่ และโตมาพร้อมกับจิตวิญญาณและอุดมการณ์ “ประชาธิปไตย” ก็ช่างเถอะ ขอให้เจริญในแบบที่เป็นก็แล้วกัน!