“เพจทนายสามกีบ” เผยชื่อผู้พิพากษา ชี้เป้า “บูลลี่-ทัวร์ลง” กดดันปล่อย “อานนท์-ไมค์” ก่อนถึงวันไต่สวน แซวเจ็บ “เจี๊ยบ-ทราย” ไม่รอ “ทอน” ฟังไว้! ช่วยชีวิตคนคนหนึ่งยุคโควิดไม่ง่าย ใครทำตัวเป็น “ภาระ” ต้องอ่าน!
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (23 พ.ค. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ข้อความระบุว่า
“ป่าเถื่อน เอาแต่ใจ!? เพจทนายสามกีบ คุกคามผู้พิพากษา เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว ชี้เป้าให้ทัวร์ลง กดดันปล่อยแกนนำ ก่อนถึงวันไต่สวน
#เพจทนายสามกีบ #คุกคามผู้พิพากษา #เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว
ทั้งนี้สาระสำคัญใน https://truthforyou.co ระบุว่า
“หลังจากบัญชีทวิตเตอร์ TLHR / ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า ศาลอาญามีคำสั่งนัดไต่สวนคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวทนายอานนท์ (นำภา) และไมค์-ภาณุพงศ์ (จาดนอก) คดี #19 กันยาทวงอํานาจคืนราษฎร ในวันที่ 1 มิ.ย. 2564 เวลา 10.30 น.
ซึ่งในโพสต์ดังกล่าวได้มีการลงชื่อของผู้พิพากษาในวันนั้นไว้ด้วย โดยระบุชื่อ นายมุขเมธิน กลั่นนุรักษ์ เป็นผู้ลงนามคำสั่ง
จนต่อมาได้มีคอมเมนต์ของกองหนุนม็อบ 3 นิ้ว ว่ายื้อได้อีก เดี๋ยวก็ยื้ออีก พร้อมกดดันว่า ศาลต้องปล่อยเพื่อนเรา ซึ่งม็อบ 3 นิ้วและก๊วนเคยกระทำการคุกคามผู้พิพากษามาแล้วเมื่อครั้งที่ไม่ให้ประกันตัว เพนกวิน (พริษฐ์ ชิวารักษ์) มีการนำสีไปสาดที่หน้าศาล อีกทั้งยังโพสต์ข้อมูลส่วนตัวของครอบครัวผู้พิพากษาให้กลุ่มของตนเองไปโจมตีบนโซเชียลด้วย
นอกจากนี้ทวิตเตอร์ของเพนกวิน แกนนำ 3 นิ้ว ได้โพสต์ข้อความด้วยว่า “ศาลนัดไต่สวนประกันตัวไมค์ อานนท์วันที่ 1 มิถุนายน” ทำให้มีคอมเมนต์จากกลุ่มหนุนม็อบ 3 นิ้วเข้ามาแสดงความคิดเห็นต่อศาล และผู้พิพากษาที่จะลงนามในวันไต่สวนอย่างหยาบคาย
อย่างไรก็ตาม หากวันนั้นแกนนำทั้งนายอานนท์ และไมค์ไม่ได้รับการปล่อยตัว อาจจะเป็นไปได้ว่ากลุ่มม็อบ 3 นิ้วจะรวมตัวกันประท้วงหน้าศาล และออกมาประจานผู้พิพากษาอย่างที่เคยทำ ซึ่งการจะได้รับการปล่อยตัวนั้นต้องมีการยอมรับเงื่อนไขของศาล เหมือนกับที่ ไผ่ สมยศ เพนกวิน ได้เซ็นและรับปากศาลว่าจะไม่กระทำผิดซ้ำอีก จึงจะได้รับการปล่อยตัว”
ขณะเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก The METTAD โพสต์ข้อความกรณี “เจี๊ยบ ก้าวไกล” ฉีดวัคซีน ที่ต่อต้านร่วมกับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ มาตลอด พร้อมภาพ ระบุว่า
“ไม่รอธนาธรหน่อยเหรอ”
อย่างไรก็ตาม เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์กรณีเจี๊ยบ ก้าวไกล ฉีดวัคซีน เช่นกันว่า
“หลังจากเมื่อวันที่ 26 เม.ย. 64 นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล หรือ “เจี๊ยบ” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้โพสต์ข้อความระบุว่า สถานการณ์โควิด-19 ดูซีเรียสมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อรับผิดชอบต่อส่วนรวมจะเปลี่ยนใจไปรับวัคซีนตามสิทธิ์ ทั้งนี้จะไปฉีดวัคซีนภายหลังนายชวน หลีกภัย ผู้อาวุโสที่สุดของสภาฯ และในระหว่างที่สถานการณ์โควิดเริ่มติดเชื้อสูงขึ้น ต้องมีการปล่อยตัวนักโทษเพื่อลดความแออัดในเรือนจำ ซึ่งในนั้นรวมไปถึงพวกของแกนนำ 3 นิ้วที่เจ้าตัวเป็นห่วง ทั้งนี้ในเดือนที่ผ่านมา “เจี๊ยบ ก้าวไกล” มักจะโพสต์ข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด และโทษรัฐปล่อยปละและบริหารจัดการได้ไม่ดี
จนล่าสุดหลังฉีดวัคซีนโควิด เจ้าตัวโพสต์ภาพพร้อมระบุว่า “เมื่อวานบ่ายฉีดวัคซีนซิโนแวคตอนค่ำมีไข้หนาวสั่นกินพารา เข้านอนตื่นเช้าไข้ลด ตอนนี้ปกติดี ถ้าเลือกได้ไม่เคยอยากฉีดแต่อยากทำงานต่อก็จำเป็น” โดยมีคอมเมนต์เข้ามาบอกว่า สู้ๆ บางคนก็บอกว่า ปากว่าตาขยิบ บอกว่าไม่อยากฉีดแต่ก็ฉีด ทั้งนี้จะเห็นว่า พอ ส.ส.เจี๊ยบได้รับวัคซีน เจ้าตัวก็ไม่ได้เคลื่อนไหวโจมตีรัฐบาล และไม่มีคอมเมนต์จากกลุ่ม 3 นิ้วมาโจมตีด้วย ทั้งที่เจ้าตัวก็ฉีดวัคซีนซิโนแวค
อ่านต่อได้ที่ลิงก์ : https://truthforyou.co/49359/?anm
นอกจากนี้ เพจเฟซบุ๊ก “Infectious ง่ายนิดเดียว” ซึ่งรวบรวมความรู้เนื้อหาโรคติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา ปาราสิต เป็นต้น โพสต์ข้อความดังนี้
“รู้ไหม... รพ. 1
เค้าดีเลิศประเสริฐขนาดไหน
มาตรฐานวิชาชีพสูงมาก
ช่วยเหลือให้ปลอดภัยจนส่ง รพ.2 ได้
1) หมอ
ต้องใส่ท่อช่วยหายใจในยุคโควิด ไม่ง่ายเลย
ต้องใส่ PPE ฟังปอด ในสถานการณ์แบบนี้
สั่งการรักษา ให้ยา ให้สารน้ำ หัวหน้าทีม แทบไม่ได้พัก
กดดันนะ คนเป็นหมอ คนตรงหน้าหมดสติ
2) ทีมพยาบาล หลายตำแหน่ง
ต้องช่วยกันเปิดเส้นเลือดกัน ยุ่งวุ่นวายแย่เลย
เพราะคนไข้หมดสติ เส้นเลือดหายากแน่ๆ ส่งแล็บเยอะ เพียบ
บันทึกทางการพยาบาล
ต้องเตรียมยากระตุ้นหัวใจ ให้ทุก 2-3 นาทีทางเส้นเลือด
3) ทีมผู้ช่วยพยาบาล
ต้องลากเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจติดบนหน้าอก
หมอดูคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ต้องปั๊มหัวใจ CPR 10-15 นาที
1 และ 2 และ 3...15
วนไปๆๆๆๆ
มีคนบีบ ambubag เพื่อให้ออกซิเจนตลอด มีคนคอยดูดเสมหะ วัดชีพจร คลำชีพจร ประเมินคนไข้ นี่เก่งมากนะ
ทีมบุคลากรทางการแพทย์
รพ.1
CPR จนคนไข้ปลอดภัย
ROSC Return of spontaneous circulation ต้องใช้บุคลากรทางการแพทย์หลายคนในการช่วยชีวิต
คนคนหนึ่งที่อยู่ตรงหน้าหมดสติ ช่วยจนฟื้นคืนชีพได้ จนไป รพ .2 คำขอโทษ คำขอบคุณ พวกเราเคยชิน เพราะหน้าที่พวกเราอยู่แล้ว
ไม่ใช่กรณีแรกที่พวกเราถูกบูลลี่
ขอให้คุณแม่ปลอดภัยนะครับ
หายดีเมื่อไร
1) อยากลองให้มาเป็นจิตอาสาสัก 1 เวร 8 ชม. หรือ
2) ทำประโยชน์ให้ รพ.ที่คุณบูลลี่เค้าด้วยน้อ
3) ว่างมาก หรือช่วงว่างงาน ลองไปลงคอร์สเรียน basic life support นะครับ หรือว่างๆ ก็เปิดคลิปดูใน YouTube เยอะแยะ
4) พวกเราเบื่อแล้ว พอจบเหตุการณ์ มักมี การ์ดให้เลือก
“…ไหว้สวย รวยกระเช้า ตีหน้าเศร้า รู้เท่าไม่ถึงการณ์ พิการทางจิต กตัญญูเฉียบพลัน…”
ไม่อยากได้ข้อ 4 อยากได้ข้อ 1-3
ทั้งด่า ทั้งประจาน ทั้งอัดคลิปขนาดนั้น
พวกเราให้การรักษาแบบเสมอภาค เท่าเทียม ตามมาตรฐานวิชาชีพทุกคน ปรารถนาดีอยากให้ทุกคนรอดปลอดภัย
ให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์ รพ. 1.” (จากแนวหน้า)
แน่นอน, มีอย่างน้อย 3 ประเด็นที่น่าพูดถึง นับแต่ การเล่นเกมสกปรกของเพจ “สามกีบ” ที่เอาข้อมูลส่วนตัวผู้พิพากษามาลงประจาน ชี้เป้า “บูลลี่” ให้กับสาวก เอาทัวร์ลง ถือเป็นพฤติกรรมป่าเถื่อน เป็นการคุกคามผู้พิพากษา และฝ่าฝืนกฎหมาย แทนที่จะทำตามกฎหมาย ซึ่งการได้ประกันตัวของแกนนำ 3 นิ้วหลายคนก็เป็นตัวอย่างให้เห็นอยู่แล้ว
จึงสะท้อนให้เห็นอย่างไม่ต้องสงสัยว่า มีความ “จงใจ” ที่จะก่อกวนและปั่นป่วนให้เกิดความไม่สงบในสังคม โดยมีเป้าหมาย “ตีวัวกระทบคราด” เบื้องสูง ที่พวกสาม 3 นิ้วต้องการโจมตีนั่นเอง
เพราะถ้าทำตามกรอบของกฎหมาย และยอมรับเงื่อนไขการประกันตัวทุกอย่าง ศาลก็พร้อมใช้ดุลพินิจในการให้ประกันตัวอยู่แล้ว และไม่เกี่ยวกับเบื้องสูงอะไรทั้งสิ้น
ประเด็นที่สอง ผลจากการเล่นการเมืองมากจนเกินไป อาจทำให้หลงลืมไปว่า สักวันหนึ่งจะต้องกลืนน้ำลายตัวเอง จะต้องยอมรับในสิ่งที่ตัวเองโจมตี กล่าวหาว่าร้ายมาตลอด โดยเฉพาะเรื่องของ “วัคซีน” ที่เป็นทางเลือกเดียวในสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างรุนแรง ของ “โควิด-19” อยู่ในเวลานี้
เพราะไม่เช่นนั้น ไม่เพียงจะต้องเสี่ยงกับการติดเชื้อและเสี่ยงรุนแรงถึงเสียชีวิต ทั้งตัวเองและคนใกล้ชิด หากแต่ยังเป็นตัวแพร่เชื้อให้กับสังคมที่ยากยับยั้งได้ นี่คือ การทำตัวเป็น “ภาระ” ของสังคม
ประเด็นที่สาม มีบางเรื่องที่เราไม่เคยรับรู้มาก่อน นั่นคือ การช่วยชีวิตของคนคนหนึ่งของบุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุข ไม่ใช่เรื่องง่าย และมีหลายขั้นตอน ที่ต้องใช้ทักษะเฉพาะและความสามารถอย่างสูง รวมทั้งความอดทนอดกลั้นต่อเสียงก่นด่าจากคนในสังคมที่ไม่เข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นด้วย
คำถามคือ พอได้หรือยัง กับการทำตัวเป็น “ภาระ” ไม่ว่าจะเป็นการทำให้สังคมตื่นตระหนก ต่อต้านวัคซีน ซึ่งเป็นทางเดียวที่ช่วยผ่อนเบาของบุคลากรทางการแพทย์ อ่านโพสต์ของเพจเฟซบุ๊ก “Infectious ง่ายนิดเดียว” จบแล้ว คิดอะไรได้หรือไม่ ถ้ายังไม่รู้สึกรู้สาอะไร ก็ปล่อยตามบุญตามกรรมก็แล้วกัน