โฆษก กมธ.ป.ป.ช.เชิญ “สมยศ-ไผ่ ดาวดิน” ให้ข้อมูลถูกตรวจโควิดยามวิกาล รับได้ข้อมูลแย้งราชทัณฑ์อื้อ จำกัดสิทธิผู้ต้องขังการเมืองไม่ยึดตามสากล ปูดไปศาลห้ามสวมกางเกงในใช้ปากกาดินสอจดสู้คดี จ่อเชิญอธิบดี เปรียบคุกแดนสนธยา ต้องรื้อระบบ
วันนี้ (12 พ.ค.) นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.ป.ป.ช.) กล่าวว่า กมธ.ป.ป.ช.ได้ประชุมพิจารณากรณีที่มีการร้องเรียนเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์เข้าไปตรวจโควิด-19 ผู้ต้องหาคดีการเมือง 7 คนยามวิกาล เนื่องจากเป็นที่สนใจของประชาชนว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสมหรือไม่ รวมถึงผู้ต้องหาก็มีความกังวลว่าตนเองจะไม่ได้รับความปลอดภัยในการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ โดยที่ผ่านมากมธ.ป.ป.ช.เชิญอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผบ.เรือนจำ รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงแล้ว และในวันนี้ได้เชิญ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข และนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ “ไผ่ ดาวดิน” มาให้ข้อมูล สิ่งที่ได้รับฟังแตกต่างจากที่ได้รับจากฝ่ายกรมราชทัณฑ์และเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ค่อนข้างเยอะ โดยทราบว่าผู้ต้องหาในคดีการเมืองบางคนถูกย้ายเรือนจำ ซึ่งคลาดเคลื่อนจากการปฏิบัติในกรณีทั่วไป เพราะการต้องขังมีการจับแยกกันไปที่เรือนจําพิเศษธนบุรี เพื่อไม่ให้ผู้ต้องหาคดีการเมืองอยู่ร่วมกัน กรมราชทัณฑ์ไม่ควรกระทำ จนผู้ต้องหาต้องร้องขอต่อศาลว่าเป็นการขังที่มิชอบ ศาลจึงสั่งให้ย้ายมาขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เหมือนกันทั้งหมด
นายธีรัจชัยกล่าวต่อว่า ส่วนการตรวจสอบวัดไข้นั้นพยายามมีการเจรจาแยกแดนผู้ต้องหาทางการเมืองออกจากกัน ทำให้เกิดข้อโต้แย้งตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ รวมถึงยามวิกาลมีเจ้าหน้าที่ชุดพยาบาลไม่มีการติดชื่อและดูค่อนข้างเข้มแข็งกว่าปกติเข้ามาทำให้เกรงว่าจะเกิดอันตรายได้ ทั้งนี้ กมธ.ป.ป.ช.จะไปสอบถามผู้ต้องขังในคดีการเมืองคนอื่นเพิ่มเติมอีก เช่น นายอานนท์ นําภา และนายภาณุพงศ์ จาดนอก หากวันที่ 17 พ.ค.ยังไม่ได้รับการประกันตัวออกมาทาง กมธ.ป.ป.ช.จะเข้าไปสอบถามถึงในเรือนจำ ส่วนคนอื่นที่ติดโควิด-19 ยังเดินทางมาไม่ได้ เมื่อพ้นการรักษาตัวเรียบร้อยแล้วก็จะเชิญมาอีกครั้ง
นายธีรัจชัยกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังได้สอบถามเรื่องการอยู่ในเรือนจำด้วย พบว่าการที่ออกจากเรือนจำจะต้องถูกตรวจสอบร่างกายมากกว่าปกติ โดยห้ามสวมใส่กางเกงใน รวมถึงไม่ให้นำปากกาดินสอเข้าไปจดบันทึกในระหว่างการเข้าไปพิจารณาคดีในศาล ปรากฏว่าการให้ปากกาดินสอนั้นเจ้าหน้าที่เรือนจำที่ปล่อยให้นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวินได้รับปากกาดินสอ ถูกย้ายไป 3 คน เรื่องนี้เป็นสิทธิทั่วไปที่ผู้ต้องขังสามารถทำได้หรือไม่ การที่ไปศาลต้องใช้ความจำอย่างเดียว ถ้าไม่ได้ดินสอปากกาไปจดเขาจะต่อสู้คดีอย่างไร รวมถึงการสื่อสารผ่านทนายความต้องผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ หากไฟดับก็ติดต่อกันไม่ได้ รวมถึงหนังสือที่ขออ่านก็ได้บ้างและไม่ได้บ้าง ทั้งที่ผู้ต้องขังยังไม่ได้รับการตัดสิน ถือว่าบริสุทธิ์อยู่ อีกทั้งการปรึกษาแนวทางต่อสู้คดีก็เป็นไปได้ยาก ตนเชื่อว่าหลักการที่จะดูแลผู้ต้องขังคดีการเมืองได้รับความเป็นธรรมจริงๆ ยังน้อยกว่ามาตรฐานสากลอยู่มาก ทำให้เจ้าหน้าที่จำกัดสิทธิผู้ต้องขังมากกว่าการให้สิทธิ
“ขอให้กรมราชทัณฑ์ตรวจสอบและทบทวนเพื่อให้เกิดมาตรฐาน ว่าคนที่เห็นต่างทางการเมืองไม่ใช่คนที่เลวร้าย ไม่ใช่อาชญากรยาเสพติด หรือฆ่าคนตายหลายคดีที่บางครั้งยังได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว แต่คนเหล่านี้กลับไม่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ประเทศเราควรทบทวนเรื่องนี้ ทาง กมธ.เสนอว่าเราจำเป็นต้องเชิญอธิบดีกรมราชทัณฑ์มาอีกครั้งเพื่อรับทราบประเด็นปัญหาหลังจากที่ กมธ.ได้สอบข้อเท็จจริงจากผู้ต้องขังในคดีนี้ครบทั้งหมดเพื่อนำไปสู่การแก้ไขต่อไป เพราะเรือนจำถือเป็นแดนสนธยา จึงต้องแก้ไขระบบเชิงโครงสร้างให้เกิดความเหมาะสม” นายธีรัจชัยกล่าว