อย่างนี้ต้องแฉ! “เพจดัง” จับผิด “คณะก้าวหน้า” ปลุก “ศพอากง” ขึ้นมาเล่นการเมืองเอาแต่ได้ ไม่พูดความจริงอีกด้าน และคนที่ปกปิด “รำลึก 9 ปี” หนีไม่พ้น ให้ร้าย ม.112 เป็นคนฆ่า จี้ยกเลิก “เครื่องมือการเมือง-อย่าให้ไปฆ่าใครอีก”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (9 พ.ค. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH แชร์ลิงก์ : https://truthforyou.co/47069/?anm ระบุว่า
“ไม่หยาบจริง ทำไม่ได้!! “คณะก้าวหน้า” ปลุกศพอากง สามกีบช่วยโหม แต่กลับไม่พูดความจริงอีกด้าน และคนที่อากง “พยายามปกปิด”
จากกรณีเมื่อวันที่ 8 พ.ค. 64 ทาง เพจคณะก้าวหน้า โพสต์ เรื่อง 9 ปีการจากไปของชายชรา “ม.112” ฆ่า “อากง” หรือ “นายอำพล ตั้งนพกุล” ชายวัย 62 ปี โดยการหยิบคดีอากง ที่กลุ่มผู้ชุมนุมยังนำมาโหนต่อเนื่อง แม้ว่าจะไม่เคยได้ทราบความจริงอีกมุมหนึ่ง
โดย เพจคณะก้าวหน้า ได้ยกเรื่องอากง คือ แพะ และต้องถูก เชือดด้วยคดีความผิด ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยยังได้พยายามชี้เป้าไปที่ ม.112 คือ กฎหมายที่ “ฆ่าอากง” และปลุกปั่นให้ กลุ่มคนที่ไม่เคยศึกษาความจริงทั้ง 2 ด้าน เกิดการคล้อยตาม และไม่พอใจกฎหมาย ม.112 นั่นเอง
ซึ่งหากย้อนกลับไป เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 63 เพจชื่อดัง ปราชญ์ สามสี ได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพของอานนท์ และเรื่องราวในคดีอากงซึ่งถูกดำเนินคดีมาตรา 112 ก่อนหน้านี้ โดยมีข้อมูลที่หลายคนอาจยังไม่เคยรับรู้มาก่อนเกี่ยวกับคดี และความเป็นอานนท์ในอีกด้านหนึ่ง โดยมีรายละเอียดว่า
เรื่องของ อานนท์ นำภา เวลานี้กระฉ่อนมาก เรื่องที่ไปบู๊กับเพจหนึ่งช่วงนี้ แต่ข้าพเจ้าก็เฝ้าสังเกตการณ์อยู่แต่ก็ไม่ได้มีความเห็นอะไรในคดีนั้นหรอกนะ …แต่คิดว่า จริงๆ มันมีอีกหลายเรื่องที่ อึนนไม่ค่อย รอบคอบเท่าไร… แต่ก็นั้นแล …ไปคุยกันในศาล รวบรวมหลักฐานกันดีๆ นะทั้งสองฝ่าย
แต่ ขอ เมาท์ เรื่องของ อานนท์ นำภา หน่อย เรื่อง คดีอากง SMS หากใครจำได้ ก็จะรู้ว่า คดีนี้ อากง ถูกจับข้อหา ไป sms หมิ่นในหลวง แล้วส่งให้ มาร์ค อดีตนายกฯ
แหม่งๆ เหมือน จงใจ ส่งไปเพื่อให้ถูกจับ เป็นข่าว เกี่ยวกับมาตรา 112 นั้นแหล่ะ
จริงๆ ครั้งนั้น SMS มีการส่งหลายครั้งนะ เลยโดนไปหลายกระทง กระทงละสองปี SMS ส่งไป เป็นสิบเลยมั้ง ถึงโดนเป็นยี่สิบปี (ในข่าวระบุว่า สี่ครั้ง) ข้อเท็จจริงที่หลายคนไม่ทราบ คือ ลูกหลานของอากง เป็นเสื้อแดงฮาร์ดคอร์…
อากงเป็นมะเร็ง ที่ไม่ใช่ในระยะเริ่มต้น (หนักอยู่แต่ไม่มีเงินรักษา) มือถือเก่าๆ ที่เป็นหลักฐาน ก็เป็นของอากง ซิม ของอากง นั้นแหล่ะ และอากงอ่านหนังสือไม่ออก
อีกทั้งทนายอานนท์ เวลานั้นยังเป็น ผู้ชุมนุมคนเสื้อแดง ในการต่อต้านกฎหมาย มาตรา 112 เสียเองด้วยซ้ำ ตอนนั้น อานนท์เสนอตัวเองเป็นทนายให้อากง แล้วดันไปให้ อากง รับสารภาพ
ความแหม่งๆ อีกคือ ดันไปให้อากงสารภาพ โดยอ้างว่าจะให้ผ่อนหนักเป็นเบา ผลคือ …โทษลดจริง แต่ โดนเป็นสิบปี !
อากงไม่รู้ความ อ่านหนังสือก็ไม่ออก ไม่รู้หรอกว่า โทษหนักเบาเท่าไหน
อากง อาจจะรู้ว่า ใครส่ง SMS แต่ก็พูดไม่ได้ (เพราะอาจจะเป็นลูกหลานคนหนึ่ง ที่เป็นแดงฮาร์ดคอร์) หลังจากที่ติดคุก อากง ป่วยเนื่องจากผลของโรคมะเร็ง แต่ อานนท์ นำภา ก็ไม่เคย ยื่นช่วยเหลือ ขอให้อากง ออกมารักษาในโรงพยาบาลราชทัณฑ์
อากง เสียชีวิต เลยถูก อานนท์ เอาใช้ประท้วงอยู่ว่า 112 ฆ่าคนตาย ทั้งๆ ที่คนที่ควรจะช่วย คือ อานนท์ นำภา นั้นแล
เรื่องพวกนี้ คดีมันจบไปแล้ว จำเลยเสียชีวิตไปแล้ว แต่ข้อกังขานี้ยังมีอยู่
ปล. สมัยนี้ อานนท์ นำภา …เริ่มโก้หรู จิบเหล้า เคล้าไปป์ ยาเส้นฝรั่งและซิก้า”
ทั้งนี้ เพจเฟซบุ๊ก คณะก้าวหน้า - Progressive Movement
โพสต์วานนี้ (8 พ.ค.) เวลา 00:36 น. หัวข้อ [ 9 ปีการจากไปของชายชรา “ม.112” ฆ่า “อากง” ]
โดยระบุว่า “กลับบ้านเรานะ ตอนนี้เขาปล่อยตัวลื้อแล้ว” ป้าอุ๊ รสมาลิน ตั้งนพกุล กล่าวกับร่างของสามี ในวันที่เธอเดินทางมารับศพเขา
ข่าวเศร้าของวันนี้ เมื่อ 9 ปีที่แล้ว นั่นก็คือ การเสียชีวิตของ “อากง” หรือ อำพล ตั้งนพกุล ชายวัย 62 ปี ผู้ที่ต้องตกเป็นจำเลยคดีหมิ่นเบื้องสูง หรือ คดี “ม.112” จากการส่งข้อความ หรือ SMS มีเนื้อหาจาบจ้วงสถาบันกษัตริย์ไปยังมือถือของ สมเกียรติ ครองวัฒนสุข เลขานุการส่วนตัวของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงเดือนพฤษภาคม 2553 โดยต่อมา ศาลอาญามีคำพิพากษาจำคุกรวม 20 ปี
คำพิพากษา “คดีอากง” นำมาซึ่งความคลางแคลงและข้อสงสัยสารพัด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการส่ง SMS ด้วยโทรศัพท์รุ่นเก่าราคาถูก ซึ่งชายชรายืนยันว่า “ทำไม่เป็น” ทั้งยังเบอร์โทรศัพท์ของเลขานุการส่วนตัวนายกรัฐมนตรีนั้น คนจนๆ ไม่ได้มีชื่อเสียงอย่างเขาจะไปหามาได้จากไหน อีกทั้งยังไม่นับเรื่องการที่ถูกยัดเยียดให้เป็นพวก “เสื้อแดงฮาร์ดคอร์” อยู่ร่วม “ขบวนการล้มเจ้า” ทั้งที่ตัวแกเองแทบจะไม่เคยเคลื่อนไหวทางการเมืองเลย
“คดีอากง” เกิดขึ้นในปี 2553 ช่วงที่มีการสลายชุมนุมคนเสื้อแดง ในรัฐบาลของอภิสิทธิ์ โดยใช้ทหารเข้ามาดูแลจัดการสถานการณ์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นั้นกว่า 100 ศพ และบาดเจ็บกว่า 2,000 คน และความชอบธรรมอย่างหนึ่งที่ใช้อ้างในการจัดการม็อบนั่นก็คือ มีพวก “ฮาร์ดคอร์” ที่มีแนวคิดล้มล้างสถาบันกษัตริย์
.
ความตายที่เกิดขึ้นกลางเมือง จากข้อกล่าวอ้างเรื่องสถาบันกษัตริย์นี้ จึงไม่แปลกหากจะมีใครเคียดแค้นชิงชัง และมองว่า สถาบันกษัตริย์ได้กลายมาเป็นคู่ขัดแย้ง ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรจากที่รัฐบาลชุดปัจจุบันกำลังทำอยู่ คือ การดึงสถาบันกษัตริย์มาเป็นเกราะกำบังให้กับตนเอง หากก็แต่ว่า ณ วันนั้น ที่ต้องกลายเป็น “แพะ” และต้องถูก “เชือดไก่ให้ลิงดู” ด้วยคดีความผิด ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กลับเป็นชายชราอย่าง “อากง”
“อากง” ถูกตำรวจบุกจับกุมตัวเมื่อ 3 สิงหาคม 2553 มีการสู้คดีกันเรื่อยมา และแน่นอนว่า ส่วนใหญ่คดีนี้ศาลจะไม่ให้ประกันตัว
กระทั่ง 23 พฤศจิกายน 2554 ชนาธิป เหมือนพะวงศ์ ผู้พิพากษาศาลอาญา ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาศาล ว่า อากงมีความผิดจริงตาม ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยตัดสินจำคุกรวม 20 ปี ซึ่งคำพิพากษานี้ก็มีคำถามเกิดขึ้นต่อกระบวนการพิจารณาความอาญา ต่อที่ศาลระบุว่า “อากงไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า ตัวเองไม่ได้เป็นผู้ส่ง SMS”
.
8 พฤษภาคม 2555 หรือวันนี้เมื่อ 9 ปีที่แล้ว “อากง” เสียชีวิตหลังจากเข้ารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลราชฑัณฑ์ ด้วยอาการป่วยจากโรคมะเร็ง แต่กระนั้น นิยามที่สังคมกล่าวขวัญซึ่งชี้ให้เห็นถึงปัญหาของประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นั่นก็คือ “ม.112” ฆ่า “อากง”
..
ภายหลังการเสียชีวิตของสามี “ป้าอุ๊” ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องกรมราชทัณฑ์ ข้อหาละเลย ล่าช้า ประมาทเลินเล่อ ในการปฏิบัติหน้าที่จนเป็นเหตุให้สามีของเธอถึงแก่ความตาย เรียกร้องค่าเสียหาย ทั้งค่าปลงศพ ค่าเสียหายจากการไม่สามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุข ไม่มีบุคลากร การรักษาพยาบาล การเฝ้าระวังด้านสุขภาพผู้ต้องขังได้อย่างมีมาตรฐาน และค่าเสียหายจากการละเมิดเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย การคุมขังบุคคลโดยไม่ให้การรักษาพยาบาลที่มีประสิทธิภาพ รวมแล้วกว่า 2 ล้านบาท หากแต่สุดท้ายศาลแพ่งยกฟ้อง
การบังคับใช้ “คดี 112” จากกรณี “อากง” วันนั้นจนถึงวันนี้ ไม่มีทีท่าว่าจะลดน้อยถอยลง ตรงกันข้าม กลับยิ่งถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองอย่างเพิ่มจำนวนและทวีความเข้มข้นมากขึ้นด้วย
นี่คือเหตุผลว่า ทำไมต้อง “ยกเลิก 112” อย่าให้ “ม.112” ไปฆ่าใครอีก
#คณะก้าวหน้า #ยกเลิก 112 #อากง”
แน่นอน, แทบไม่ต้องสงสัยว่า การที่ “คณะก้าวหน้า” หยิบเอาเรื่องนี้มาย้อนรำลึก ก็เพื่อที่จะตอกย้ำให้เห็นถึงความโหดร้ายของ ป.อาญา ม.112 ที่เป็นเหตุให้ “อากง” เสียชีวิต และสมควรถูกยกเลิก
แต่สิ่ง “คณะก้าวหน้า” แทบไม่เห็นเป็นประเด็นก็คือ ใครเป็นคนส่ง SMS ซึ่ง อากงไม่ยอมบอกว่า เป็นใคร และถ้าบอก อากงก็คงจะรอดติดคุก ไม่มีอะไรยุ่งยากเลย ซึ่งกรณี ปราชญ์ สามสี ให้ข้อมูล ก็นับว่า น่าสนใจ
น่าสนใจไม่เพียงรู้ตัวคนส่ง SMS และรู้ด้วยว่า ขบวนการ “ล้มเจ้า” อย่างเข้มข้นและต้องการยกเลิก ม.112 มีมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว และไม่ใช่เรื่องถูกกล่าวหา แต่ว่าเป็นเรื่องจริง อันทำให้ด้านหนึ่ง แสดงให้เห็นว่า มีความจำเป็นต้องมี ม.112 ปกป้องสถาบัน
นี่ใช่หรือไม่ ที่คณะก้าวหน้าไม่ยอมพูดถึง และพยายามเด็ดยอดเฉพาะช่วงที่ อากง เสียชีวิตมาโจมตี
คณะก้าวหน้า อันประกอบด้วย นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นประธาน นายปิยบุตร แสงกนกกุล เป็นเลขาธิการ “ช่อ” พรรณิการ์ วานิช เป็นโฆษก
แล้วที่น่าสนใจอีกอย่าง ที่คณะก้าวหน้า จงใจ ระบุ ชื่อ นายชนาธิป เหมือนพะวงศ์ เป็นผู้พิพากษา คดี “อากง” อย่างชัดเจน จะด้วยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม หมายความว่าอย่างไร เห็นด้วยกับการ “บูลลี่” หรือ “ล่าแม่มด” หรือไม่
เพราะเป็นคนคนเดียวกัน กับที่ “สามกีบ” พากัน “บูลลี่” หรือ “ล่าแม่มด” ทั้งครอบครัว เนื่องจากไม่ให้ประกันตัวกลุ่มแกนนำม็อบสามกีบ
ยิ่งกว่านั้น การประท้วงที่หน้าศาลอาญา ยังมีการตะโกนด่า “ฆาตกร” ในคดีอากงด้วย
เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงเป็นความพยายามที่จะเชื่อมโยงให้เห็นเป็นเรื่องเดียวกันหรือไม่ กรณีอากง กรณีเรียกร้องปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ (ยกเลิก ม.112) กรณีม็อบ 3 นิ้วถูกจับ ถูกคุมขัง และไม่ได้ประกัน...
ก็ไม่รู้สินะ! ด้วยเหตุผลทางการเมือง อะไรก็โยงได้ทั้งนั้น ถ้าเกมมาเข้าทาง หรือว่า ไม่จริง!!!