xs
xsm
sm
md
lg

ตัวการใหญ่! “ปวิน-เจี๊ยบ” ยุเล่นนอกเกม “อังคณา” จวก ลดศักดิ์ศรีมนุษย์-ละเมิดสิทธิฯ “อ.3 นิ้ว” หยาม “เอนก”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ นายปวิน (สุรชัย) ชัชวาลพงศ์พันธ์ และ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล หรือ “เจี๊ยบ นครปฐม” ขอบคุณภาพจากไทยโพสต์
เผยตัวตนแล้ว คนสอนสั่งยุยงเล่นนอกเกม “ปวิน-เจี๊ยบ” ไม่ทน อ้างเผด็จการทำตลอด “อังคณา” ปรามพวกล่าแม่มดผู้พิพากษา-ลูกชาย ลดทอนศักดิ์ศรีมนุษย์-ละเมิดสิทธิฯ “อ.3 นิ้ว” ไม่กลัวสอบจรรยาบรรณ หยามใส่ มธ. ลาม “รมต.เอนก”

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (1 พ.ค. 64) นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล หรือ เจ้าของฉายา “เจี๊ยบ นครปฐม” ของคนเสื้อแดง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์ว่า

“เห็นด้วยกับ อ.ปวิน และอดทนไม่ไปคอมเมนต์ตอบโต้บางคนมานานแล้ว”

ก่อนหน้านี้ เฟซบุ๊ก Pavin Chachavalpongpun ของ นายปวิน (สุรชัย) ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น และลี้ภัย ม.112 โพสต์ข้อความ ระบุว่า

“เรียกร้องให้ฝ่ายประชาธิปไตยเล่นในเกม ทั้งๆ ที่เผด็จการเล่นนอกเกมมาตลอด คนพูดต้องออกจากทุ่งลาเวนเดอร์ได้แล้ว”

ภาพ นางอังคณา นีละไพจิตร จากแฟ้ม
ขณะเดียวกัน นางอังคณา นีละไพจิตร อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า

“ไม่เห็นด้วย และต่อต้านการคุกคามผู้พิพากษาชนาธิป โดยการเผยแพร่ข้อมูลบุคคลในครอบครัว ซึ่งถือเป็นรูปแบบหนึ่งของการคุกคาม เหยียดหยาม และสร้างความเกลียดชัง

หากเราเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเคารพหลัก Presumtion of innocence เราก็ต้องไม่ตีตรา ประณามหยามเหยียด หรือคุกคามใครต่อใครเพียงเพราะเราไม่ชอบคนในครอบครัวเขา
#การตีตราและการลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากกรณีศาลอาญาไม่อนุญาตให้ประกันตัว นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน” พร้อมพวกอีก 6 คน ประกอบด้วย นายอานนท์ นําภา, นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์, นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ แอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์, น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง, นายชูเกียรติ แสงวงค์ หรือ จัสติน และ นายปริญญา ชีวินกุลปฐม หรือ พอร์ท วงไฟเย็น เมื่อวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา

จนกระทั่งมีความเคลื่อนไหวบนโซเชียลฯ โดยกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “ราษฎร” หรือ 3 นิ้ว ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับจำเลยทั้ง 7 คน เช่น ทวิตเตอร์เยาวชนปลดแอก@FreeYOUTHth ได้โพสต์ประวัติผู้พิพากษาที่ตัดสินไม่ให้ประกันตัวจำเลยทั้ง 7 คน ทั้งยังโพสต์รูปภาพบุตรชายของผู้พิพากษาท่านนี้ด้วย (จากไทยโพสต์)

นอกจากนี้ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยังโพสต์เฟซบุ๊กว่า

“ให้มันจบในคุกน่ะ ถูกต้องแล้ว

ไม่มีบทบัญญัติใดๆ ใน ป.วิ อาญา ที่ศาลจะพิจารณาให้ประกันตัวจากการอดข้าว การโกนหัวประท้วง หรือการเข้าชื่อกันของส.ส.หญิง”

ภาพ นายอนุสรณ์ อุณโณ จากแฟ้ม
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน จากกรณี นายดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้ทำหนังสือที่ อว 0100/72 ลงวันที่ 29 เมษายน 2564 ถึงอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขอให้ชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีการสอบจรรยาบรรณคณาจารย์ที่ปกป้อง-ยื่นขอประกันตัวกลุ่มนักศึกษาที่มีพฤติกรรมจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์

นายอนุสรณ์ อุณโณ คณบดีคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นักวิชาการแนวร่วมม็อบราษฎร (ม็อบ 3 นิ้ว) และร่วมประกันตัวผู้ต้องหาคดี 112 โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ว่า

“ด้วยความที่เป็นหนึ่งในผู้ถูกร้องเรียนให้สอบจรรยาบรรณ ผมจึงขอชี้แจงล่วงหน้าดังนี้

การใช้ตำแหน่งอาจารย์ในการประกันตัวนักศึกษาเป็นไปตามระเบียบที่กำหนดไว้ ไม่ได้เป็นการทำผิดกฎหมาย อีกทั้งยังเป็นไปตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัยว่าด้วยจรรยาบรรณอาจารย์ โดยเฉพาะการยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้องและเป็นที่พึ่งนักศึกษายามพวกเขาประสบปัญหา เพราะเป็นการช่วยเหลือพวกเขาในการใช้สิทธิผู้ต้องหาที่ได้รับการรับรองทั้งในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา รัฐธรรมนูญ และกติการะหว่างประเทศ

และยิ่งพวกเขาถูกปฏิเสธสิทธิดังกล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างขัดกับหลักกระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นข้อที่ว่าพวกเขาเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาว่าผิด หรือเงื่อนไขในการควบคุมตัวพวกเขาระหว่างการพิจารณาคดี ก็ยิ่งจำเป็นที่ผู้เป็นอาจารย์จะต้องให้ความช่วยเหลือพวกเขา ไม่เฉพาะแต่การใช้ตำแหน่งในการประกันตัว หากแต่ยังรวมถึงการรณรงค์เคลื่อนไหวในด้านอื่นด้วย

ภาพ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จากแฟ้ม
ในทางกลับกัน ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยยังไม่ได้ปกป้องสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของนักศึกษาอย่างหนักแน่นมั่นคงพอ มหาวิทยาลัยพร่ำบอกนักศึกษาว่า มีคุณูปการต่อประชาธิปไตย โดยอาศัยบุญเก่าหรือเรื่องเล่าในประวัติศาสตร์ ทว่า ในการเผชิญปัญหาความขัดแย้งการเมืองร่วมสมัย คนมีชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยจำนวนมากกลับเข้าร่วม หรือสนับสนุนฝ่ายทำลายประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่ในรูปกลุ่มเคลื่อนไหว คณะรัฐประหาร หรือรัฐบาลที่กลายร่างมา โดยมีรัฐมนตรีกระทรวงอุดมศึกษาฯ เป็นกรณีล่าสุด ไม่ว่าจะเป็นเพราะความที่เขาเคยอยู่ในมหาวิทยาลัย ความที่เขาเป็นผู้บังคับบัญชา หรือว่าเพื่อประโยชน์ของมหาวิทยาลัย แต่ก็ทำให้มหาวิทยาลัยกลายเป็นสถาบันที่พูดอย่างทำอย่างอย่างน่าอดสู

ฉะนั้น นอกจากจะไม่เต้นตาม “บัญชา” ของรัฐมนตรีกระทรวงอุดมศึกษาฯ ที่เล่นไปตามบทบาทที่ช่วยให้เขาได้ดิบได้ดี มหาวิทยาลัยจะต้องปกป้องสิทธิและเสรีภาพของนักศึกษาให้หนักแน่นมั่นคงมากกว่านี้ โดยเฉพาะในห้วงเวลาที่พวกเขา คือ “เพนกวิน” และ “รุ้ง” อดอาหารประท้วงการไม่ได้รับสิทธิการประกันตัวมากว่าหนึ่งเดือน และ “เพนกวิน” นั้น สภาพร่างกายอยู่ในขั้นวิกฤตแล้ว ก่อนที่พวกเขาจะเป็นอะไรไป ซึ่งจะสร้างรอยด่างพร้อยให้มหาวิทยาลัยจนไม่สามารถอาศัยบุญเก่าในการเล่าเรื่องให้นักศึกษาฟังได้อีก

ส่วนรัฐมนตรีกระทรวงอุดมศึกษาฯ ก็ปล่อยให้เขากลายเป็นโมฆะบุรุษทางการเมืองไป และให้ถูกจดจำว่าได้ก่อกรรมทำเข็ญอะไรไว้กับประชาธิปไตยของประเทศนี้

แน่นอน, คนที่มีใจเป็นกลางอย่างแท้จริง อย่าง นางอังคณา นีละไพจิตร อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ก็จะยืนอยู่บนหลักการของความถูกต้อง ชอบธรรม ไม่เอียงข้างใดข้างหนึ่งอย่างไม่ลืมหูลืมตา

เชื่อว่า คนที่รักในประชาธิปไตย ในประเทศไทย ที่ไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมของม็อบ 3 นิ้ว หรือ สาวก 3 นิ้ว ก็มีอยู่จำนวนมาก และไม่ใช่คนที่นิยมเผด็จการด้วย แถมอาจมีหัวใจประชาธิปไตยมากกว่า พวกที่ออกมาเคลื่อนไหว “ล้มเจ้า” ด้วย เพราะความเป็นประชาธิปไตย ไม่น่าจะวัดกันที่ “ล้มเจ้า” เท่านั้น ยิ่งเป็นประเทศไทย

ส่วนใครก็ตาม ต่อให้มีความรู้ความสามารถอย่างรอบด้าน แต่ปล่อยให้ตัวเองเป็นทาสอุดมการณ์แล้ว นอกจากไม่ได้นำความรู้ความสามารถมาใช้ประโยชน์แล้ว ยังตะแบงหาเหตุผลบิดเบือนมากล่าวอ้าง โดยเอาความรู้ความสามารถไปรับใช้ผลประโยชน์ตัวเอง จนมองไม่เห็นปัญหาที่เกิดกับส่วนรวม สร้างความสับสนให้กับสังคม มีคนที่เลือกเป็นอย่างนี้มากมายในสังคมไทย

เรื่อง “ล่าแม่มด” ผู้พิพากษา และคนในครอบครัว ไม่ใช่ครั้งแรก กรณีแรกที่เกิดกับผู้เห็นต่าง หรือฝ่ายที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ พวกเขาพยายามบีบและกดดันให้เห็นคล้อยตามพวกเขา ที่อ้างเป็นคนรุ่นใหม่ เป็นอนาคตใหม่ของประเทศ แต่พฤติกรรมที่แสดงออก ไม่ต่างจากเผด็จการที่เขารังเกียจแต่อย่างใด เพียงแต่มาในรูปพลเรือน ที่โจมตีเผด็จการทหารเท่านั้น ไม่เชื่อลองสังเกตให้ดี เพราะประชาธิปไตยที่แท้จริง ต้องยอมรับความเห็นต่าง และฟังเสียงส่วนใหญ่ ที่สำคัญ ต้องทำตามกฎหมายด้วย คำถามก็คือ เรื่องสถาบันฯเสียงส่วนใหญ่คิดเห็นอย่างไร? ไม่ใช่เรื่องที่จะมาบีบบังคับให้เชื่อตามที่พวกเขาต้องการ

และสาเหตุที่สาวก 3 นิ้ว โกรธแค้นผู้พิพากษาอยู่ในเวลานี้ ก็แค่เป็นความเชื่อ ที่พวกเขาสร้างเรื่องเท็จขึ้นมาว่า มีใบสั่ง ไม่ให้ประกันตัวแกนนำม็อบ 3 นิ้ว ซึ่งจริงหรือไม่ ก็ยังไม่สามารถหาหลักฐานมาอ้างได้ แต่ความเชื่อเหล่านี้มันถูกมอมเมากันไปแล้ว เหมือนกับหลายต่อหลายเรื่องที่พิสูจน์ไม่ได้ แต่คนรุ่นใหม่ สาวก 3 นิ้ว ก็หูเบาเชื่อเขาไปแล้ว

เหนืออื่นใด เพียงเพราะให้ได้ดั่งใจ และความเชื่อของตัวเอง เวลานี้ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะมีคนออกมายุยงส่งเสริม ให้เล่นนอกเกมได้ ไม่ต้องสนใจความถูกต้องอะไรแล้ว? เพียงเพราะอ้างว่าถูกกระทำ ถูกเล่นนอกเกมมาตลอด

อย่างนี้สังคมไทยจะเอา “มาตรฐาน” ความถูกต้อง ความดีอะไรมาวัด ว่า ฝ่ายไหนดีกว่าฝ่ายไหน แล้วมันก็ไม่ต่างอะไรกัน ต้องการจะบอกอย่างนั้นหรือไม่ นับว่าน่าคิดเหมือนกัน!!!


กำลังโหลดความคิดเห็น