รองโฆษกรัฐบาล เผย คกก.นโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ ไฟเขียวเดินหน้าแนวทางการฟื้นฟูการท่องเที่ยวและเปิดรับชาวต่างชาติ 4 ระยะ หนุนคนทำงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วประเทศ เป็นบุคลกรด่านหน้าต้องได้รับวัคซีนโควิด เพื่อสร้างความเชื่อมั่น
วันนี้ (7 พ.ค.) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว. มอบหมาย นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2564 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์
.
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาและเห็นชอบ แนวทางการฟื้นฟูการท่องเที่ยว เพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ พร้อมกับมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมเพื่อดำเนินการตามแผนการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว ประกอบด้วย มอบหมายกระทรวงมหาดไทย เตรียมความพร้อมและประสานรวบรวมจำนวนวัคซีนโควิด-19 ให้กับพื้นที่ที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยว 10 พื้นที่ กระทรวงสาธารณสุข พิจารณาการจัดสรรวัคซีน การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เตรียมความพร้อมด้านการตลาด และ ให้สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬามีหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ เพื่อพิจารณาการจัดสรรวัคซีน
.
สำหรับแนวทางการเปิดประเทศเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจการท่องเที่ยวนี้ เกิดขึ้นจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้หารือร่วมกับหน่วยงานรัฐ เอกชน และจังหวัดต่างๆ โดยได้กำหนดช่วงดำเนินการเป็น 4 ระยะ ได้แก่ ระยะที่ 1 นำร่อง 1 เม.ย.- 30 มิ.ย. 64 เปิดรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีน มีใบรับรองการฉีดวัคซีน และกักตัวตามระยะเวลาที่ ศบค.กำหนด ระยะที่ 2 Phuket Sandbox 1 ก.ค.- 30 ก.ย. 64 เปิดรับนักท่อเงที่ยวที่ได้รับวัคซีนแล้ว มีใบรับรองการฉีดวัคซีน เข้ามาในพื้นที่ภูเก็ตโดยไม่มีการกักตัว
.
ระยะที่ 3 ผ่อนคลายในพื้นที่ที่มีศักยภาพ เริ่มตั้งแต่ 1 ต.ค. 64 เป็นต้นไป รับนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนและมีใบรับรองการฉีดวัคซีน ขยายพื้นที่ไปยังจังหวัดกระบี่ พังงา สุราษฎร์ธานี เชียงใหม่ ชลบุรี บุรีรัมย์ เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และกรุงเทพฯ โดยไม่ต้องกักตัว และระยะที่ 4 เข้าสู่ภาวะปกติ ตั้งแต่ 1 ม.ค. 65 เป็นต้นไป เปิดรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนแล้วและมีใบรับรองการฉีดวัคซีนเข้ามายังทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยไม่ต้องกักตัว
.
สำหรับการประเมินพื้นที่ศักยภาพ 10 แห่งเพื่อดำเนินการนั้น เลือกพื้นที่จังหวัดภูเก็ต และบางส่วนของจังหวัดกระบี่ พังงา สุราษฎร์ธานี เนื่องจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวต่างชาติ บางส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากจะมีการจัดการแข่งขันวิ่งภูเขา และวิ่งเทลชิงแชมป์โลก ครั้งที่1 ระหว่างวันที่ 11-14 พ.ย. 2564 จังหวัดชลบุรีเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวต่างชาติและพื้นที่เชื่อมโยงกรุงเทพฯ ส่วนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นแหล่งพักผ่อนที่สำคัญของทั้งชาวไทยและต่างชาติและเป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ จังหวัดเพชรบุรี เนื่องจากพื้นที่เชื่อมโยงกับกรุงเทพฯและประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดบุรีรัมย์ เนื่องจากจะมีการจัดการแข่งขันกีฬาหลายรายการ เช่น โมโต จีพี ในเดือน ต.ค. 2564 และกรุงเทพฯ เป็นจุดหลายปลายทางหลักของนักท่องเที่ยว
.
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ปัจจัยหลักที่จะทำให้การดำเนินการตามแผนสำเร็จได้ คือ ประชาชนและบุคลากรด้านการท่องเที่ยวในทุกพื้นที่จะต้องได้รับวัคซีนไม่ต่ำกว่า 70% ที่ประชุมจึงได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานเพื่อเตรียมความพร้อมการกระจายวัคซีนโควิด-19 ให้เป็นไปตามแผน พร้อมกันนี้ ที่ประชุมก็ได้เห็นชอบในการสนับสนุนและผลักดันให้ดำเนินการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้แก่บุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโดยให้ถือว่าเป็นบุคลากรกรด่านหน้าที่ต้องได้รับวัคซีนโดยเร็ว ในทุกจังหวัดทั่วประเทศเพื่อรองรับนโยบายเปิดประเทศ ทั้งเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ทั้งประชาชนและนักท่องเที่ยวต่างชาติ
.
ทั้งนี้ ในปี 2562 ซึ่งมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทย 39.9 ล้านคน ทั้ง 10 จังหวัด มีรายได้จากการท่องเที่ยว 1.5 ล้านล้านบาท คิดเป็น 80% ของรายได้จากการท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดในปีดังกล่าว ซึ่งภายใต้แผนการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวนี้ หากสามารถดำเนินการใน 10 จังหวัดได้ตามแผน จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทย 3,500,000 คน และสร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 298,192 ล้านบาท แยกเป็นเดินทางเข้ามาสร้างรายได้ของจังหวัดภูเก็ต 1,096,699 คน สร้างรายได้ 122,046 ล้านบาท เป็นการเดินทางเข้าและสร้างรายได้ให้กับ 9 จังหวัด 2,403,301 คน สร้างรายได้ 176,146 ล้านบาท
.
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ที่ประชุมได้ยังเห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการแต่งตั้งและการประชุมคณะกรรมการพัฒนาการท่องเที่ยวประจำเขตการท่องเที่ยว พ.ศ. 2564 ซึ่งเป็นประกาศการกำหนดองค์ประกอบและวิธีการแต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาการท่องเที่ยวแต่ละเขตซึ่งปัจจุบันมีอยู่ทั้งหมด 9 เขต และอยู่ระหว่างขั้นตอนการประกาศเพิ่มอีก 6 เขต
.
รายละเอียดประกาศจะครอบคลุมภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง มีคุณสมบัติที่เหมาะสม ตลอดจนกำหนดขอบเขตอำนาจ ซึ่งจะทำให้คณะกรรมการพัฒนาการท่องเที่ยวในแต่ละเขตมีบทบาทผลักดันการท่องเที่ยวเชิงพื้นที่ให้ชัดเจน ทั้งในแง่การรักษา ฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยว การบริหารและพัฒนาการท่องเที่ยว ให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ สนับสนุนให้รายได้ที่เกิดจากภาคท่องเที่ยว กระจายลงไปยังท้องถิ่นอย่างเป็นรูปธรรม