จริงหรือไม่? “อัษฎางค์” ชี้เป้า “ผู้นำเก่า-ใหม่” ยุเด็ก “ย้ายประเทศกันเถอะ” โดยเฉพาะสองคนอยากกลับไทยใจจะขาด “อดีตแกนนำ คปท.” แขวะ ส่วนใหญ่ที่ไปกันหนีคดีทั้งนั้น “ดร.บุญส่ง” ซัด fb สวีเดน โฆษณาชวนเชื่อ ระวัง “หนีเสือปะจระเข้”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (4 พ.ค. 64) เฟซบุ๊ก อัษฎางค์ ยมนาค ของ นายอัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า
“ปลุกระดมให้คนอื่น “ย้ายประเทศกันเถอะ” แต่ตนเองและพวก “อยากกลับและอยากอยู่เมืองไทย ตลอดไป” อดีต 2 ผู้นำ อยากกลับไทยใจจะขาด เพราะเขาและเธอรู้ว่าประเทศไทยมีดีอะไรมากมาย และให้อะไรกับเขาและเธอบ้าง
ส่วนผู้นำคนรุ่นใหม่ยุคปัจจุบัน อยากอยู่เมืองไทยไม่ไปไหนแน่นอน เพราะเขาและเธอรู้ว่า ประเทศไทยมีดีอะไรมากมาย และให้อะไรกับเขาและเธอบ้าง ที่สำคัญ ผู้นำคนรุ่นใหม่ยุคปัจจุบัน ต้องการเป็นใหญ่ เพื่อจะได้มีอำนาจพา 2 อดีตผู้นำ นักวิชาการและเหล่านักโทษหนีคดีทั้งหลาย กลับมาเสวยสุขในเมืองไทย
แต่...
ทั้งผู้นำเก่าและผู้นำปัจจุบัน ซึ่งเรารู้กันอยู่ว่าอยู่เบื้องหลังม็อบ ทำเป็นสร้างอีเวนต์ สร้างกระแส “ย้ายประเทศกันเถอะ” เพื่อหวังในคนรุ่นใหม่โกรธเกลียดประเทศชาติของตัวเอง โกรธเกลียดสถาบันพระมหากษัตริย์และรัฐบาล เพื่อจะได้จุดพลังเพื่อล้มล้าง เพื่อให้เขาและเธอขึ้นสู่อำนาจ
โปรเจกต์ “ย้ายประเทศกันเถอะ” คือ อีกหนึ่งความพยายาม ที่จะหลอกคนเป็นเครื่องมือทางการเมือง เพื่อให้พวกตนครอบครองอำนาจทางการเมือง โดยไม่สนใจว่าน้องๆ นู๋ๆ หรือลุงป้าน้าอาจะมีชีวิตหลังโปรเจกต์อุบาทว์ยังไง เมื่อไหร่จะเปิดเนตรกันเสียทีพี่น้อง”
ขณะเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก The METTAD โดย เดอะ พิซซ่า เมตตาดี โพสต์ภาพ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่หนีโทษและคดีอยู่ต่างประเทศ พร้อมข้อความระบุว่า
“เสนอไอเดียง่ายๆ ในการย้ายประเทศครับ
ได้เวลาที่ ธนาธร และ ทักษิณ จะแสดงศักยภาพแล้วครับ
อยากได้แบบไหนเลือกเลย”
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นายพิชิต ไชยมงคล อดีตแกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) แสดงความคิดเห็นต่อกระแส “ย้ายประเทศกันเถอะ” ว่า
“ย้ายก็ย้ายแต่ไม่ใช่หนีคดี
มันจะมีความแตกต่างกัน พลเมืองไทยขอไปอยู่ประเทศไหนก็เสรีภาพส่วนบุคคล “คุณได้สิทธิ์นั้นทันที”
ก็เห็นชวนกันย้ายประเทศกันเยอะ ไปใช้สิทธินั้นกันบ้างหรือยัง กี่คน
แต่ไอ้พวกที่ไปๆ น่ะ ไม่ใช่ย้ายประเทศนะ
“มันหนีคดีไป” คนละความหมายนะครับ
ล่าสุด แม่เปปเปอร์ เน็ตไอดอลของขบวนการล้มเจ้า โพสต์เฟซขอลี้ภัยไปแคนาดา ก็เป็นการหนีคดี 112
หนีเหมือนหมา แล้วด่าประเทศตัวเอง มันก็จะย้ายไปเรื่อยนั่นละ ปากมันเก่งแต่ใจมด หมายถึง คนอื่นที่หนีคดีไปก่อนหน้านี้ด้วย
พวกหนีไม่ได้ หนีไม่ทันก็ติดคุกกันไป อดหนี
และคงมีหลายคนจะได้ย้ายบ้าน จากด้านนอก ไปอยู่ในเรือนจำ ซึ่งก็คือพวกที่ลงถนนทั้งนั้นละ
ไอ้พวกหนี ก็มีแต่พวกปากเก่งในโซเชียลทั้งนั้นเหมือนกัน ที่หนีทัน
ทำไมต้องไปยกย่องคนหนีคดีว่า เป็นคนเก่ง
ทำไมต้องไปยกย่องคนอยากย้ายประเทศ เป็นผู้กล้า
อยากเห็นตัวเลขคนขอย้ายประเทศจังตอนนี้ เพียงแต่อย่าเอานิสัยแย่ๆ ที่เคยใช้ในเมืองไทยไปใช้ที่เมืองอื่นเขา ไม่งั้นเวลาคุณกลับมาตายรังในไทย ปี๊บคลุมหัวมันจะขึ้นราคา”
ด้าน ดร.บุญส่ง ชเลธร อาจารย์ประจำคณะนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต เผยแพร่ความคิดเห็นเรื่อง “ฝันเข้าสวีเดน : การโฆษณาที่ให้ความจริงครึ่งเดียว” โดยมีเนื้อหาดังนี้
Fb: Embassy of Sweden in Bangkok ทำในสิ่งที่คาดไม่ถึงในวันสองวันมานี้ ขณะที่การโหมกระแสว่าด้วยการย้ายหนีรัฐบาลคุณประยุทธ์ไปอยู่ต่างประเทศกำลังมาแรง
Fb ของสวีเดนก็ออกมาโฆษณาชวนเชื่อรัวๆ ว่า
“ท่านกำลังฝันจะย้ายประเทศอยู่หรือเปล่า เราขอนำเสนอเหตุผลว่า เหตุใดประเทศสวีเดน อาจเป็นจุดหมายปลายทางที่ดี”..บลา บลา บลา
ผมในฐานะของคนที่อยู่ในสวีเดนมาแล้ว 30 ปี ทุกวันนี้ลูกสาวที่เกิดที่นั่นก็ยังอาศัยอยู่ ไม่ได้ย้ายตามพ่อมาไทย
ถามว่า ประเทศสวีเดนดีไหม เป็นสังคมที่น่าอยู่หรือเปล่า
ตอบได้ว่า เป็นประเทศที่น่าอยู่มาก ระบบรัฐสวัสดิการที่ดูแลคนตั้งแต่เกิดจนกระทั่งตาย ถือเป็นระบบที่ใช้ได้ผล และดีเป็นลำดับต้นๆ ของโลกก็ว่าได้ เช่นเดียวกับ นอร์เวย์ เดนมาร์ก ฟินแลนด์ และไอซ์แลนด์ ที่สำคัญคือ เป็นประเทศประชาธิปไตยสุดๆ เท่าที่จะมีได้ประเทศหนึ่งในโลก
เมื่อ fb สวีเดนออกมาอย่างนั้น ภายใน 22 ชั่วโมงที่โพสต์นี้ออกไป ก็มีคนเข้าไปกดไลก์ถึง 5.1 หมื่นครั้ง มีคอมเมนต์เข้ามา 8.1 พันครั้ง และแชร์ออกไปถึง 3.6 หมื่นครั้ง
นับว่า fb สวีเดนประสบความสำเร็จในการโฆษณาชวนเชื่อ ยิ่งดูจากคอมเมนต์ที่เข้ามาที่ส่วนใหญ่ชื่นชม และแน่นอนว่า จำนวนไม่น้อยวาดหวังจะเก็บกระเป๋าบินกันไปเลย
Fb สวีเดน พูดความจริงแค่ครึ่งเดียว
และนี่คือสิ่งที่น่าสงสัยว่า ที่โพสต์มาอย่างนั้นในวันนี้ ต้องการอะไร
เด็กๆ ที่ดูแล fb คิดอะไรกันอยู่หรือ
สวีเดนน่าอยู่ – ใช่
แต่การเข้าไปนั้น – ยากมาก
ถ้าไม่มีคุณสมบัติเข้ากับเงื่อนไขของการเข้าไปอยู่อาศัยแล้ว ไม่มีโอกาสได้เข้าประเทศครับ
ช่วยพิจารณาจุดนี้ด้วย
สวีเดนไม่ได้ให้ใครเข้าไปง่ายๆ
การเข้าสวีเดนได้ หลักกว้างๆ ก็คือ เข้าไปอย่างนักท่องเที่ยว อันนี้ไม่ยาก ซื้อทัวร์ไปง่ายที่สุด แต่จะอยู่เกินกว่ากำหนดการท่องเที่ยวไม่ได้ หรือเข้าไปแบบนักเรียน แต่เรียนจบหรือเลิกเรียนเมื่อไหร่ ต้องกลับไทย ยกเว้นแต่ระหว่างเรียนมีแฟนหรือคู่สมรสที่อยู่ที่นั่น ก็สามารถขอทำเรื่องเปลี่ยนวีซ่าจากนักเรียนไปเป็นผู้อยู่อาศัยและทำงานได้
แต่กับการเข้าไปทำมาหากิน อยู่อาศัยอย่างถาวร อันนี้มีเงื่อนไขแล้ว
หลักๆ การขอไปอยู่ได้ก็คือ มีแฟนหรือคู่สมรสที่อยู่ที่นั่น หรือขอตามพ่อแม่ ผู้ปกครองเข้าไป (แต่อายุต้องไม่เกิน 21 ปี) หรือเป็นคนที่อยู่อาศัยอยู่แล้วในประเทศยุโรปเหนือ (มี 5 ประเทศ) หรืออยู่ในประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (มี 27 ประเทศ) จึงย้ายไปได้ หรือมีองค์กร บริษัท ห้างร้านในสวีเดนรับรอง ทำเรื่องขอเราเข้าไปเป็นคนงาน
อีกอันที่มี คือ ขอเข้าไปเป็นผู้ลี้ภัย
นี่คือเงื่อนไขที่เป็นจริง ไม่ใช่ว่านึกจะบินก็บินไปได้
อันนี้ fb สวีเดนควรแจงให้ชัด จะมาแค่อ้างว่ามีรายละเอียดอยู่ในเว็บอื่นๆ ของสถานทูต เข้าไปหาอ่านเองได้ แค่นี้ไม่ได้ ควรเสนอและให้ข้อมูลที่ชัดเจนและถูกต้องให้มากกว่าการพูดแค่ “ฝัน” จะย้ายประเทศ คิดถึงสวีเดน
วันนี้สวีเดนมีคนในวัยทำงาน ตกงานถึง 10% คิดเป็นจำนวนคนถึง 549,300 คน สัปดาห์ที่ผ่านมา คนว่างงานเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนถึง 3% ยิ่งยุคโควิด ยิ่งแย่
ในสวีเดน รัฐบาลโดนโจมตีมาก เรื่องหางานให้คนทำไม่ได้
ทางการเมือง พรรคขวาจัด Sverigedemokraterna ที่ต่อต้านคนต่างชาติแบบสุดลิ่มทิ่มประตู ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ คะแนนไล่ ๆ กันมากับพรรคสังคมประชาธิปไตย Socialdemokraterna และพรรคอนุรักษนิยม Moderaterna
แล้วเขาจะให้คนแห่กันเข้าไปทำไม
ถ้าแค่รังเกียจรัฐบาลคุณประยุทธ์ แล้วย้ายไปที่นั่น จะหนีเสือปะจระเข้ ครับ
มีใครเล่าหรือยังครับว่า หลายปีที่ผ่านมานโยบายของรัฐบาลสวีเดนไม่ได้สนับสนุนให้คนต่างชาติเข้าประเทศมากเลย มีโอกาสพิจารณาจากใบสมัคร ถ้ามีช่องโหว่ให้ไล่ ให้ส่งกลับแล้ว เขาจะไม่รอช้า คนที่เข้าไปขอลี้ภัยจำนวนมาก รอฟังการพิจารณาเป็นปีๆ อยู่แบบไม่มีอนาคตและไม่เห็น “ความฝัน” ในชีวิต ที่ถูกจับตัวขึ้นเครื่องบินส่งกลับประเทศก็มีเยอะแล้ว
แม้กระทั่งว่า หลายคนถูกส่งกลับไปประเทศที่เป็นเผด็จการ และตำรวจที่นั่นรอรับตัวเพื่อยัดเข้าคุก หรือเอาไปประหารชีวิต ก็เกิดเป็นข่าวเสมอ คนต่างชาติที่เข้าไปอยู่อาศัยแล้วเป็นปีๆ หรือเกิน 10 ปี หลบๆ ซ่อนๆ หนีตำรวจหัวซุกหัวซุนเป็นหลายหมื่นคนในประเทศ เพราะไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่อาศัยในประเทศ ทุกวันนี้มีแต่เพิ่มจำนวนขึ้น เกินแสนคนแล้วมั้งครับ
ผมไม่ได้เจตนาขัดขวางความสุขใน “ความฝัน” ของใครที่จะออกนอกประเทศ
ที่เขียนมาทั้งหมด ก็พูดเรื่องสวีเดนประเทศเดียว ที่ผมเห็นว่า เด็กๆ ที่ทำ fb สวีเดน ไม่ได้ให้ภาพที่รอบด้านกับผู้สนใจ ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวง
ถ้าไม่เตือนกันแล้ว “ความฝัน” ที่วาดหวังไว้จะเป็น “ฝันร้าย” ที่เคราะห์ซ้ำกรรมซัดเชียวละครับ (จากไทยโพสต์)
แน่นอน, คำว่า “ย้ายประเทศกันเถอะ” ดูเหมือนส่อเสียดไปในทางมี “นัยยะ” ทางการเมืองเป็นสำคัญ โดยเฉพาะการเมือง ที่เป็นการต่อสู้เพื่อปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ และสร้างวาทกรรม “ย้ายประเทศกันเถอะ” ขึ้นมา เพื่อสะท้อนความยากในการต่อสู้ ที่คนไทยส่วนใหญ่ของประเทศ ยังมีความจงรักภักดีต่อสถาบันฯนั่นเอง
หรือ อย่างที่ “อัษฎางค์” อธิบายว่า เพื่อหวังให้คนรุ่นใหม่โกรธเกลียดประเทศชาติของตัวเอง โกรธเกลียดสถาบันพระมหากษัตริย์และรัฐบาล...
ความจริง บีบีซีไทย เผยว่า “...จากที่วางแผนจะ “ทำขำๆ ไม่ได้ซีเรียส” แค่ 3 วันผ่านไป กลุ่มเฟซบุ๊กกลุ่มนี้มีสมาชิกเข้าร่วมใกล้ 6 แสนคนเข้าไปทุกทีแล้ว โดย “แอดมิน” ผู้ขอสงวนชื่อจริงผู้นี้เปิดพื้นที่ให้คนมาแชร์ข้อมูล 4 ประเภทหลักผ่านแฮชแท็ก #รีวิวประเทศ, #แนะนำสายงาน #การเตรียมตัวและวีซ่า และ #วิธีฝึกภาษา...”
นั่นก็แสดงว่า เป็นผลสำเร็จจากการคิด ชื่อ เฟซบุ๊ก ที่ให้เข้ากับสถานการณ์การต่อสู้ทางการเมืองในไทย และอิงกระแสในการนำเสนอนั่นเอง
แต่แม้ว่าจะทำขำๆ หรือด้วยเหตุผลอื่น ที่น่าสนใจไปกว่านั้นก็คือ มีนักการเมือง 3 นิ้ว ส.ส. 3 นิ้ว และขบวนการ 3 นิ้วทั้งหลาย โหนกระแสราวกับว่า พวกตัวเองเป็นคนคิดทำกลุ่มเฟซบุ๊กนี้ขึ้นมา? และก็ใช้เป็นเครื่องมือโจมตีรัฐบาลประยุทธ์และประเทศกันยกใหญ่
และที่คนเข้าไปเป็นสมาชิกกว่า 6 แสน ก็ใช่ว่า จะเป็นพวกอยากย้ายประเทศทั้งหมด อย่างที่ ส.ส. 3 นิ้วบางคนอ้าง รวมทั้งด้วยเหตุผลทางการเมือง
สรุปว่า อย่างดีก็แค่มีเรื่องใหม่ให้ขบวนการ 3 นิ้ว ได้ตีกินทางการเมือง ก็เท่านั้น หรือไม่จริง!?