xs
xsm
sm
md
lg

เสื้อแดงฟัดกันเละ คนที่เจ็บไม่ใช่ “ลุงตู่”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ทักษิณ ชินวัตร - เสกสกล อัตถาวงศ์ - จตุพร พรหมพันธุ์
เมืองไทย 360 องศา

ว่ากันว่า ไม่ว่าการทะเลาะเบาะแว้งจากที่ไหนก็ตามไม่มันเท่ากับคนในครอบครัวเดียวกัน เคยกินข้าวหม้อเดียวกัน แล้วมาเปิดศึกกันเอง
ใช่แล้ว กำลังพูดถึงการเปิดศึก “สาวไส้” กันเอง ระหว่าง “คนเสื้อแดง” ที่เวลานี้ต่างแยกย้ายออกมาอยู่กันคนละสังกัด และภาพความขัดแย้งที่เห็นชัดเจนมากขึ้น ก็เนื่องมาจากการชุมนุมของกลุ่มที่เรียกว่า “ไทยไม่ทน สามัคคีประชาชน เพื่อประเทศไทย” ภายใต้การนำของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.หรือ “คนเสื้อแดง” และอีกคนก็มีชื่อของ นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานญาติวีรชน ซึ่งแม้จะว่าไปแล้ว ทั้งคู่นี่ใช้ตำแหน่งดังกล่าวติดตัว “สร้างเพาเวอร์” มาตลอด ส่วนจะเป็นเพาเวอร์ “จริง” หรือ “เทียม” นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง

เพราะหากได้ยินชื่อ ทั้งตำแหน่งประธาน นปช. และประธานญาติวีรชน รวมไปถึงคนอื่นๆ ที่ร่วมขึ้นเวทีโชว์ตัวให้เห็นแบบ “สามัคคีประชาชนฯ” นั้น ฟังดูเผินๆ แล้วธรรมดาเสียที่ไหน หรือหากพิจารณาจากบรรยากาศในอดีต ก็อาจแยกกันพิจารณา เพราะถือว่าแตกต่างกัน ที่ผ่านมา หากโฟกัสไปที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดง ซึ่งเคยนำชุมนุมเมื่อปี 52-53-54 เคยมีมวลชนเข้าร่วมนับแสนคน ซึ่งแบ็กกราวนด์ดังกล่าว ฟังแล้วก็ต้องยกนิ้วให้ แต่หากพิจารณากันตามความเป็นจริง มันอาจจะสะท้อนภาพคนละความหมายก็ได้
เพราะในครั้งนั้นเป็นการชุมนุมเพื่อ “ทวงคืนอำนาจ” และความ “มั่งคั่ง” ให้กับนายทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวของเขา อีกทั้งมวลชนที่มา รวมไปถึงข้าราชการไม่น้อย ที่คอยให้ความร่วมมือ หรือ “หลับตาข้างหนึ่ง” ให้กับม็อบดังกล่าว เพราะหวังลุ้นให้ชนะและให้ นายทักษิณ รวมไปถึงพรรคการเมืองในเครือข่ายสายตรงของเขาได้กลับมามีอำนาจอีกครั้ง
หากพิจารณากันตามความเป็นจริงที่ไม่มีทางปฏิเสธได้ ก็คือ ลำพัง นายจตุพร พรหมพันธุ์ รวมไปถึงบรรดาแกนนำคนอื่นๆ ทั้งหมดที่ในเวลานั้น หากพูดกันแบบตรงไปตรงมาถือว่า “โนเนม” หลายคนไม่เคยรู้จัก มีลักษณะที่ถูกมองแบบ “บ้านๆ” เกือบทั้งสิ้น และที่สำคัญ การจัดม็อบทุกครั้งต้องมีค่าใช้จ่าย ยิ่งการก่อม็อบยืดเยื้อ ต่อให้มี “ความศรัทธา” กันแค่ไหนก็ตามก็ต้องใช้ “ปัจจัย” จำนวนมากทั้งนั้น ซึ่งแม้ไม่อยากปรามาส แต่ก็สามารถชี้หน้าได้เลยว่าบรรดา “แกนนำเสื้อแดง” เท่าที่มีอยู่ในตอนนั้น ไม่มีปัญญาแน่นอน
ขณะเดียวกัน หลังเสร็จสิ้นการชุมนุมคนพวกนี้ต่างก็ได้ “สิ่งตอบแทน” กันไปแบบสมน้ำสมเนื้อ บางคนได้เป็นรัฐมนตรี มีตำแหน่งทางการเมือง รับเงินเดือน โก้หรูกันไป ขณะที่บางคนก็ได้เป็น ส.ส.เหมือนกับที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ เคยได้ แม้ว่าจะไม่เคยได้สัมผัสกับตำแหน่งรัฐมนตรี เหมือนกับบางคน เช่น นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ก็ตาม ซึ่งนั่นก็มีรายละเอียดปลีกย่อยตามมา
แม้ว่าทุกอย่างน่าจะเงียบหายไปตามกาลเวลา แต่ก็อย่างว่าในเมื่อคนในอยู่ในครอบครัวเดียวกันที่ “แยกทาง” กันเดิน หรือ “แยกนาย” เหมือนกับในปัจจุบัน ที่เวลานี้ถือว่า “คนเสื้อแดง” แตกแยก แยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง ซึ่งสาเหตุสำคัญก็น่าจะมาจาก “ทักษิณไม่ดูแล” นั่นแหละ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะตัวเองเป็น “นักธุรกิจการเมือง” เมื่อเห็นแววไม่ได้กำไร ยังต้องขาดทุนยาวก็เลยไม่ลงทุนต่อเนื่องหรือเปล่า ทำให้หลายคนต้องอยู่ในภาวะ “อดอยากปากแห้ง” ต้องหานายใหม่
แต่ขณะเดียวกัน ความขัดแย้งของคนเสื้อแดงที่แม้ว่าก่อนหน้านี้ได้เห็นภาพชัดเจนมานานแล้ว เพราะหลายคนหันมาซบฝ่ายรัฐบาล กลายเป็นมือไม้สำคัญ ที่โดดเด่น ก็ต้องมองไปที่ “แรมโบ้” สุภรณ์ ในชื่อใหม่ว่า นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่เวลานี้กำลัง “ขึ้นหม้อ” ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญตลอดเวลา
อีกคนที่น่าจับตามอง ก็คือ นายอานนท์ แสนน่าน ที่เคยเป็นประธาน “หมู่บ้านคนเสื้อแดง” เพียงแค่สองคนนี้ ก็ถือว่ามีเครือข่ายมวลชนไม่ธรรมดา โดยเฉพาะภายหลังจากร่วมงานภายใต้รัฐบาล “ลุงตู่” และ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
แน่นอนว่า นอกเหนือจากอดีตแกนนำเสื้อแดงสองคนที่ว่านี้แล้ว ยังมีอีกหลายคนที่ “สวามิภักดิ์” กับ “กลุ่มอำนาจ 3 ป.” มาตั้งแต่การก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ หลายคนกลายเป็น ส.ส. เป็นแกนนำในระดับพื้นที่ที่เคยเป็นเขตอิทธิพลของคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยมาก่อน ทั้งในภาคเหนือ และภาคอีสาน เป็นต้น
อย่างไรก็ดี อย่างที่บอกกันตั้งแต่ต้น ก็คือ การ “สาวไส้” กันเองของอดีตคนเสื้อแดงเหล่านี้ ระหว่าง นายจตุพร พรหมพันธุ์ กับ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ และ นายอานนท์ แสนน่าน ที่มีการตอบโต้กันดุเดือด โดยฝ่ายแรกกล่าวหาทำนองว่า หมู่บ้านเสื้อแดงหลอกรับประทานจากนายทักษิณ ชินวัตร มานานแล้ว ซึ่งฝ่ายหลังคือ นายอานนท์ ได้กล่าวว่า หากนายทักษิณ หลอกง่ายจริงป่านนี้ นายจตุพร คงได้เป็นรัฐมนตรีไปแล้ว และว่าเมื่อหลอกไม่สำเร็จ จึงเกิดความน้อยใจออกมาตั้งพรรคเพื่อชาติ
“ไม่อยากให้ประชาชนถูกคุณจตุพร ใช้วาทกรรรม หลอกมาตาย และติดคุกฟรี และเมื่อเขาชนะไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกจากตำแหน่งไปได้แล้ว ต่อไปเขาก็จะไปถึงสถาบันฯ
ขณะที่ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ หรือ “แรมโบ้” ก็ได้ตอบโต้ นายจตุพร ที่กล่าวว่า ตนหลอกลวงนายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ทำนองว่า “เข้าแก๊งไหนหัวหน้าตายหมด” โดยนายเสกสกล กล่าวว่า เขาไม่มีอำนาจและบารมีเหมือนกับ “สองเกลอ” คือ นายจตุพร กับ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่เคยมีบารมีในพรรคเพื่อไทยในขณะนั้น และระบุว่า ในตอนนั้นเคยเข้าไปพบ ทั้ง นายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพื่อขอให้ถอน ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอยออกมา เพื่อป้องกันไม่ให้รัฐบาลในขณะนั้นต้องพัง แต่ปรากฏว่า ถูก นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ไล่ออกมา โดยย้ำว่าต้องเดินหน้าเพราะต้องการนำนายทักษิณ กลับมา
แน่นอนว่า นี่คือ บางเรื่องราวที่มีการสาวไส้กันออกมา ทำให้สังคมได้รับรู้ความเคลื่อนไหวในอดีต ในยุคที่ นายทักษิณ ชินวัตรเรืองอำนาจ และมี “คนเสื้อแดง” เป็นมือไม้ในทางการเมือง ขณะเดียวกัน ก็ทำให้คนภายนอกได้ทราบรายละเอียดที่ยืนยันชัดเจน ที่สำคัญ ได้ออกมาจากปากของคนกันเองมาก่อน แต่ความเคลื่อนไหวในลักษณะดังกล่าว คนที่เจ็บรับรองว่าไม่ใช่ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แน่นอน !!


กำลังโหลดความคิดเห็น