รมว.สธ. เปิดงาน “Smart living with COVID-19” ชู ประสิทธิภาพการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 สุดเยี่ยม ตั้งมั่น ดูแลผู้ป่วยทุกคน แบบสุดความสามารถ
วันนี้ (29 มี.ค.) ที่ โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทารา ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวระหว่างการเปิดงานเสวนา Smart Living with covid-19 save ทุกลมหายใจ พาคนไทย ฝ่าวิกฤตโควิด-19 ถึงประสิทธิภาพการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ระบุว่า
กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายมุ่งเน้นให้ประชาชนแข็งแรง สิ่งที่ตามมาคือ เศรษฐกิจและประเทศไทยแข็งแรง ซึ่งเราทราบกันดีว่าสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อคนไทยอย่างมาก รวมทั้งสร้างความเดือดร้อนไปทั่วโลก โดยในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข เรามีหน้าที่จัดการแก้ไขให้ผ่านไปด้วยดี
โดยช่วงเริ่มต้น การระบาดมาจากนักท่องเที่ยว ไทยได้ให้การรักษาผู้ป่วยอย่างดี จนสามารถกลับประเทศอย่างปลอดภัย สร้างความศรัทธาแก่ประชาคมโลกอย่างมาก โดยเฉพาะจีน ผลจากการกระทำนั้นทำให้ไทยได้รับการสนับสนุนหลายๆ ด้านจากจีน โดยเฉพาะรัฐบาลไทยที่ได้รับการจัดสรรเวชภัณฑ์และสิ่งต่างๆ เป็นการตอบแทน ซึ่งมีคุณค่าทางจิตใจระหว่างสองชาติอย่างมหาศาล และหลังจากนั้น เราก็ทำงานร่วมกันเรื่อยมา โดยเฉพาะวัคซีนซิโนแวค ที่ต่อให้มีเงินก็ซื้อไม่ได้ แต่ที่เราสามารถนำเข้ามาได้ ส่วนหนึ่งมาจากการที่ไทยทำคุณงามความดีต่อชาวจีนจนเป็นที่ประจักษ์
ความสำเร็จของไทย ยังปรากฏให้เห็น เมื่อเทียบกับหลายๆ ชาติที่รักษาผู้ป่วยอย่างยากลำบาก และเลือกรักษาเฉพาะผู้ป่วยวิกฤต ขณะที่ไทย บุคลากรทางการแพทย์ถูกฝึกมาให้ความสำคัญกับทุกชีวิต เซฟทุกชีวิต ตามเป้าหมายของกระทรวงสาธารณสุข
ไทยทำทุกทางเพื่อรักษาทุกชีวิต เราไม่ต้องการเห็นความสูญเสียเกิดขึ้น ที่ผ่านมา ไทยมีอุปกรณ์ และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกให้ทุกคนที่ป่วยในประเทศนี้ได้รับการรักษาให้ดีที่สุด ดูแลทุกคนอย่างเต็มที่ ทำทุกวิถีทางให้ผู้ป่วยรอด ไม่ให้มีคำว่า “มีผู้เสียชีวิตเพราะไม่ได้รับการรักษา” และสิ่งที่เราพูดได้เต็มปากคือ ในจำนวนผู้ที่เสียชีวิต ไม่มีใครถูกทิ้งขว้างจากระบบสาธารณสุขไทย
“นานาชาติยอมรับในมาตรฐานการควบคุมป้องกันโรคอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มีอัตราการเสียชีวิต อยู่ที่ร้อยละ 0.3 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก 7 เท่า และเมื่อเทียบกับการระบาดและรอบใหม่พบว่าอัตราการเสียชีวิตลดลงมาเหลือร้อยละ 0.1 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก 20 เท่า”
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า สิ่งที่ต้องทำคือต้อง Smart Living ต่อไป รู้ทันโรค ตั้งการ์ด สวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือ และต้องรุกตลอดเวลา ให้โรคแพ้เรา และนอกจาก Smart Living แล้วเราต้อง Smart work ด้วย เป็นสิ่งยืนยันว่าระบบสาธารณสุขไทยอยู่เหนือมาตรฐานที่วางไว้
และอีกไม่นาน หวังว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 จะเป็นตัวปิดเกม ซึ่งวัคซีนที่ไทยเลือก ผู้เลือกคือหมอทุกท่าน ตนฟังคำแนะนำจากคณะแพทย์และผู้เชี่ยวชาญทั้งหลาย ใต้ชื่อแบรนด์ MIT หรือ Made in Thailand เราได้แบรนด์ระดับโลกมาผลิตในบ้านเรา คือ แอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งมีประสิทธิผลน่าพึงพอใจ ทำให้อาการไม่รุนแรง ลดโอกาสการเสียชีวิต นี่คือ เหตุผลที่คนไทยต้องได้รับวัคซีนป้องกันโควิด
“ขอแสดงความยินดีกับบุคลากรทางการแพทย์ทุกท่าน ผมภูมิใจที่ได้ทำงานกับทุกท่าน เรารักษาชีวิตแม่ลูกชาวเมียนมาให้ปลอดภัย เรารักษาชีวิตแท็กซี อดีตผู้ป่วยก็กลับมาตอบแทนด้วยพลาสมา และได้หลักการปฏิบัติตัว เราประสบความสำเร็จในการทดลองยาฟาวิพิราเวียร์
ล่าสุดคือ ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร ที่เคยป่วยเข้าขั้นวิกฤต แต่ด้วยความมุ่งมั่น และด้วยระบบการแพทย์ เราก็ Save Life ท่าน และเราจะ Save Life- Smart Living- Smart Working ให้ประเทศไทยเป็น Smart Country ต่อไป”