“อนุทิน” ยัน สธ.พร้อมหนุนตั้ง รพ.สนามที่สโมสรตำรวจ รองรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 รอส่งกลับประเทศ ขออย่ากังวล-สบายใจ ยึดความปลอดภัยประชาชนเป็นหลัก
วันนี้ (23 มี.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงการเตรียมจัดตั้งโรงพยาบาลสนามที่สโมสรตำรวจ เพื่อใช้ในการรักษาผู้ต้องกักที่ติดเชื้อโควิด ที่รอการส่งกลับประเทศว่า ตนทราบเรื่องแล้ว ได้มีการประสานงานมาจากผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งการตั้งโรงพยาบาลสนามเพื่อรองรับผู้ที่ติดเชื้อจากการลักลอบเข้าเมืองมาและอยู่ภายใต้การควบคุมและเตรียมการบริหารจัดการอย่างดี ทางตำรวจก็มีแพทย์ของโรงพยาบาลตำรวจดูแลอยู่แล้ว แต่หากมีการร้องขออะไรมาทางกระทรวงสาธารณสุขก็พร้อมที่จะให้การสนับสนุน แต่ได้ให้คำแนะนำถึงแนวทางต่างๆ ว่าควรจะปฏิบัติต่อผู้ที่เข้ามารักษาในโรงพยาบาลสนามอย่างไร ทั้งนี้ ไม่อยากให้มองถึงจำนวนยอดรวมของผู้ติดเชื้อ แต่ให้ดูว่าการกระจายไปอยู่นอกเหนือการควบคุมหรือไม่ ตอนนี้ไม่มีการกระจาย แต่เป็นการติดเชื้อเฉพาะกลุ่ม หรือคลัสเตอร์ ที่ระบบควบคุมสามารถไปดูแลได้ ยืนยันว่าขณะนี้ไม่ใช่การแพร่ระบาดในระลอกที่ 3
เมื่อถามว่าจะต้องทำความเข้าใจกับชุมชนโดยรอบสโมสรตำรวจที่ใช้ตั้งเป็นโรงพยาบาลสนามหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า โรงพยาบาลสนามตั้งอยู่ในสโมสรตำรวจซึ่งมีรั้วรอบขอบชิด และบริเวณใกล้เคียงก็ไม่ได้มีชุมชน ขออย่ากังวล และการตั้งโรงพยาบาลสนามก็ต้องมีการรักษาระยะห่างกับชุมชน อาจจะเป็นกี่ร้อยเมตร หรือเป็นกิโลเมตร เช่นเดียวกับการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลที่ต้องเว้นระยะห่าง 1.5 เมตร และส่วนใหญ่คนที่เข้าไปในโรงพยาบาลสนามก็คือผู้ที่ไม่แสดงอาการ เพราะถ้าเป็นผู้ติดเชื้อที่มีอาการก็จะเข้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลหลักเพื่อให้การรักษาตามขั้นตอนทางการแพทย์ ดังนั้น ขอให้สบายใจ และกรมควบคุมโรคก็ดูแลเรื่องนี้มาตลอดและต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลักสำคัญที่สุด
นายอนุทินกล่าวต่อถึงการที่องค์การเภสัชกรรมพัฒนาวิจัยวัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิดเชื้อตาย ที่พัฒนาโดยคนไทยว่า เป็นการพัฒนาร่วมกับสถาบันการแพทย์ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรมได้รายงานว่าเป็นการพัฒนาจากเชื้อตายและใช้ไข่ไก่สด ซึ่งทางองค์การเภสัชกรรมมีโรงงานผลิตวัคซีนจึงมีการนำมาวิจัยและพัฒนาโดยการใช้ทุนขององค์การเภสัชกรรมเอง และวันนี้ได้มีการฉีดวัคซีนให้แก่อาสาสมัครกว่า 100 คน โดยกว่าจะมาถึงขั้นตอนนี้ได้จะต้องผ่านขั้นตอนตามมาตรฐาน และถ้าทำตรงนี้สำเร็จก็จะมีวัคซีนของประเทศไทยและมีคนไทยเป็นเจ้าของเทคโนโลยี โดยเบื้องต้นระบุว่าสามารถผลิตได้ 30 ล้านโดสต่อปี แต่ในอนาคตกำลังการผลิตอาจจะขยายเพิ่มขึ้นได้อีก วันนี้ขอให้มั่นใจว่าเรื่องวัคซีนนั้นไม่ใช่ประเด็นปัญหา แต่ตอนนี้ต้องคิดว่าจะทำอย่างไร จึงจะเปิดประเทศได้ และต้องกระจายวัคซีนไปยังเมืองท่องเที่ยวต่างๆ เช่น ภูเก็ต สมุย ซึ่งในเรื่องวัคซีนขณะนี้เป็นไปตามแผนและกำหนดการที่ได้วางไว้ ไม่มีอะไรล่าช้า ทุกอย่างสอดคล้องตามสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม ถ้าในอนาคตวัคซีนขององค์การเภสัชกรรมสำเร็จก็อาจจะมาเสนอให้ทางภาครัฐ ได้พิจารณาให้การสนับสนุนต่อไป
วันนี้ (23 มี.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงการเตรียมจัดตั้งโรงพยาบาลสนามที่สโมสรตำรวจ เพื่อใช้ในการรักษาผู้ต้องกักที่ติดเชื้อโควิด ที่รอการส่งกลับประเทศว่า ตนทราบเรื่องแล้ว ได้มีการประสานงานมาจากผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งการตั้งโรงพยาบาลสนามเพื่อรองรับผู้ที่ติดเชื้อจากการลักลอบเข้าเมืองมาและอยู่ภายใต้การควบคุมและเตรียมการบริหารจัดการอย่างดี ทางตำรวจก็มีแพทย์ของโรงพยาบาลตำรวจดูแลอยู่แล้ว แต่หากมีการร้องขออะไรมาทางกระทรวงสาธารณสุขก็พร้อมที่จะให้การสนับสนุน แต่ได้ให้คำแนะนำถึงแนวทางต่างๆ ว่าควรจะปฏิบัติต่อผู้ที่เข้ามารักษาในโรงพยาบาลสนามอย่างไร ทั้งนี้ ไม่อยากให้มองถึงจำนวนยอดรวมของผู้ติดเชื้อ แต่ให้ดูว่าการกระจายไปอยู่นอกเหนือการควบคุมหรือไม่ ตอนนี้ไม่มีการกระจาย แต่เป็นการติดเชื้อเฉพาะกลุ่ม หรือคลัสเตอร์ ที่ระบบควบคุมสามารถไปดูแลได้ ยืนยันว่าขณะนี้ไม่ใช่การแพร่ระบาดในระลอกที่ 3
เมื่อถามว่าจะต้องทำความเข้าใจกับชุมชนโดยรอบสโมสรตำรวจที่ใช้ตั้งเป็นโรงพยาบาลสนามหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า โรงพยาบาลสนามตั้งอยู่ในสโมสรตำรวจซึ่งมีรั้วรอบขอบชิด และบริเวณใกล้เคียงก็ไม่ได้มีชุมชน ขออย่ากังวล และการตั้งโรงพยาบาลสนามก็ต้องมีการรักษาระยะห่างกับชุมชน อาจจะเป็นกี่ร้อยเมตร หรือเป็นกิโลเมตร เช่นเดียวกับการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลที่ต้องเว้นระยะห่าง 1.5 เมตร และส่วนใหญ่คนที่เข้าไปในโรงพยาบาลสนามก็คือผู้ที่ไม่แสดงอาการ เพราะถ้าเป็นผู้ติดเชื้อที่มีอาการก็จะเข้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลหลักเพื่อให้การรักษาตามขั้นตอนทางการแพทย์ ดังนั้น ขอให้สบายใจ และกรมควบคุมโรคก็ดูแลเรื่องนี้มาตลอดและต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลักสำคัญที่สุด
นายอนุทินกล่าวต่อถึงการที่องค์การเภสัชกรรมพัฒนาวิจัยวัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิดเชื้อตาย ที่พัฒนาโดยคนไทยว่า เป็นการพัฒนาร่วมกับสถาบันการแพทย์ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรมได้รายงานว่าเป็นการพัฒนาจากเชื้อตายและใช้ไข่ไก่สด ซึ่งทางองค์การเภสัชกรรมมีโรงงานผลิตวัคซีนจึงมีการนำมาวิจัยและพัฒนาโดยการใช้ทุนขององค์การเภสัชกรรมเอง และวันนี้ได้มีการฉีดวัคซีนให้แก่อาสาสมัครกว่า 100 คน โดยกว่าจะมาถึงขั้นตอนนี้ได้จะต้องผ่านขั้นตอนตามมาตรฐาน และถ้าทำตรงนี้สำเร็จก็จะมีวัคซีนของประเทศไทยและมีคนไทยเป็นเจ้าของเทคโนโลยี โดยเบื้องต้นระบุว่าสามารถผลิตได้ 30 ล้านโดสต่อปี แต่ในอนาคตกำลังการผลิตอาจจะขยายเพิ่มขึ้นได้อีก วันนี้ขอให้มั่นใจว่าเรื่องวัคซีนนั้นไม่ใช่ประเด็นปัญหา แต่ตอนนี้ต้องคิดว่าจะทำอย่างไร จึงจะเปิดประเทศได้ และต้องกระจายวัคซีนไปยังเมืองท่องเที่ยวต่างๆ เช่น ภูเก็ต สมุย ซึ่งในเรื่องวัคซีนขณะนี้เป็นไปตามแผนและกำหนดการที่ได้วางไว้ ไม่มีอะไรล่าช้า ทุกอย่างสอดคล้องตามสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม ถ้าในอนาคตวัคซีนขององค์การเภสัชกรรมสำเร็จก็อาจจะมาเสนอให้ทางภาครัฐ ได้พิจารณาให้การสนับสนุนต่อไป