น่าฟัง! “ดร.นิว” ลากไส้ “ขบวนการ 3 นิ้ว” ฉากหลังตัวอันตราย ปลูกฝังความคิดรุ่นสู่รุ่น สมคบต่างชาติจุดสงครามกลางเมือง “คนรุ่นใหม่” แค่เครื่องมือ “เพจดัง” เล่าลี้ภัย ม.112 โชคไม่เข้าข้างทุกคน “ดร.เสรี” ถามลั่น นี่หรือปกป้องสถาบัน
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (25 มี.ค. 64) เฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan ของ ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และคณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความ ระบุว่า
“ประชาชนไทยได้อะไรจากม็อบสามนิ้ว?
เฒ่ากาลีกลุ่มหนึ่งรับเงินจากต่างประเทศมาเป็นระยะเวลานานนับสิบๆ ปี ทำตัวไม่ต่างจากไส้ศึกคอยรับใช้ต่างชาติ สร้างฐานเครือข่ายและปั้นลูกศิษย์ให้มีความคิดเกลียดชังสถาบันพระมหากษัตริย์เช่นเดียวกับพวกเขา ทั้งหมดเป็นไปเพื่อสนองความต้องการในการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ แล้วเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง อำนวยความสะดวกให้ต่างชาติเข้ามาแทรกแซงได้อย่างอิสระ
รุ่นต่อมา เป็นลูกศิษย์วัยกลางคนทั้งหลาย ซึ่งได้ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองในปัจจุบัน อยู่ในฐานะนักการเมือง นักวิชาการ อาจารย์มหาวิยาลัย ตลอดจนสื่อสารมวลชน เป็นแกนนำตัวจริงของม็อบสามนิ้ว ร่วมกันยุยงปลุกปั่นหลอกใช้คนรุ่นใหม่เป็นเครื่องมืออย่างอำมหิต สนับสนุนให้ลูกศิษย์ตลอดจนผู้ชุมนุมลงมือกระทำผิดกฎหมาย ต้องการให้ติดคุกติดตะรางหรือเกิดศพและการสูญเสีย เพื่อที่จะได้นำเหยื่อเหล่านี้มาโหนปลุกระดมซ้ำ แล้วนำมาต่อยอดความรุนแรงและการก่อจลาจลไปสู่สงครามกลางเมือง ในขณะที่พวกเขาลอยตัวด้วยการยัดเยียดชุดความคิดให้กับบรรดาเหยื่อทั้งหลายว่า “ทุกคนคือแกนนำ” โดยไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ
ในท้ายที่สุด โซเชียลมีเดีย ได้กลายเป็นช่องทางสำคัญในการยุยงปลุกปั่น แทรกแซงช่องว่างระหว่างครอบครัวในยุคดิจิทัล ที่พ่อแม่กับลูกๆ มีเวลาให้กันน้อยลง และต่างคนต่างใช้เวลาอยู่กับหน้าจอของตัวเอง ความอบอุ่นในครอบครัวจึงถูกปล้นไปโดยกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังม็อบ อิสรภาพทางความคิดและการเติบโตอย่างสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ จึงถูกขโมยไป แล้วถูกแทนที่ด้วยความเกลียดชังและความก้าวร้าวรุนแรง เพราะพวกเขามองคนรุ่นใหม่เป็นแค่เครื่องมือในการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
สิ่งที่คนอยู่เบื้องหลังม็อบต้องการ คือ ความรุนแรง ม็อบสามนิ้ว จึงอยู่ภายใต้การนำทางการเมืองที่ผิด โดยมีโซเชียลมีเดียคอยป้อนชุดความคิดบิดเบือนและควบคุมพฤติกรรม แล้วชี้นำไปในทิศทางความรุนแรงให้ลุกขึ้นสู้ ก่อจลาจล แอบอ้างประชาธิปไตย ฝักใฝ่คอมมิวนิสต์ แต่เนื้อแท้เป็นอนาธิปไตย
ประเทศชาติต้องการการเปลี่ยนแปลง แต่ต้องเปลี่ยนแปลงโดยคนที่รักชาติและประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่กลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังม็อบ ซึ่งล้างสมองหลอกใช้มวลชนเป็นเครื่องมือทางการเมืองอย่างอำมหิต ไปสู่สงครามกลางเมือง เพราะต่างชาติรู้ดีว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ คือ ความมั่นคงของชาติและประชาชนไทย จะแทรกแซงหรือทำลายความมั่นคงของประเทศไทยได้ ต้องบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ สร้างความขัดแย้งและความแตกแยก สร้างความเกลียดชังต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ให้คนไทยขาดความสามัคคี แบ่งฝ่ายทะเลาะกันเอง
ประชาชนไทย จึงต้องช่วยกันชี้ให้เห็นว่า คนที่อยู่เบื้องหลังม็อบ ตลอดจนการแทรกแซงจากต่างชาติ คือ ต้นตอตัวจริงของปัญหาความขัดแย้งและความแตกแยกในประเทศไทย เป็นหน้าที่ของทุกคนที่ต้องช่วยกันคลี่คลายสถานการณ์ความรุนแรงของม็อบ เพื่อยุติสงครามกลางเมือง และสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริงอย่างสันติ ให้ประชาชนได้มีประชาธิปไตยที่แปลว่า ประโยชน์สุขของมหาชนชาวไทย ไม่ใช่ประชาธิปไตยแบบสามนิ้วที่แปลว่า ประโยชน์ของประเทศมหาอำนาจและกลุ่มคนขายชาติที่รับเงินต่างชาติมาแทรกแซงชาติตัวเอง แม้กระทั่งพยายามยัดเยียดร่างรัฐธรรมนูญจากต่างชาติให้คนไทยก็ยังเคยทำมาแล้ว”
ขณะเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก The METTAD โพสต์หัวข้อ “จะเล่าให้ฟัง”
โดยระบุว่า ในสมัยยุคทักษิณ ยิ่งลักษณ์ เวลาใครอยากจะไปทำงานต่างแดน แต่ไม่มีโอกาส ไม่มีปัญญาไป ก็จะใช้วิธีทำผิดกฎหมายความมั่นคง โดยเฉพาะ ม.112 เพื่อขอลี้ภัยไปประเทศที่ 3
บางคนก็อยากลี้ภัยไปฝรั่งเศสบ้าง ไปแคนาดา ไปออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ก็รับเงินเพื่อเป็นตัวเปิดหน้า ทำผิด 112 แทนพวกที่แอบอยู่ข้างหลัง
พวกอีแอบ ก็กลุ่มองค์กร นักวิชาการต่างๆ ที่รับเงินสนับสนุนจาก แก่ ใจดี สปอร์ต ซึ่งพวกนี้เชื่อมกับ องค์กรที่ดูแลผู้ลี้ภัย เช่น แอมเนสตี้ HRW หรือ องค์กรสิทธิ อื่นๆ เพื่อประสาน ล็อบบี้ ให้พวกทำผิด 112 สามารถเดินทางไปลี้ภัยได้ เริ่มเก๊ทยัง
อย่างเช่น ไอ้ตั้ง ที่ได้โอกาส เพราะมีนักการเมือง และ องค์กรต่างๆ ซัปพอร์ต จนสามารถใช้ทักษะงานช่าง ทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวในนิวซีแลนด์ได้
แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้สิทธินี้ เพราะโควตามันมีจำกัด อย่างเช่น ศาสดาน้ำว่าว ที่ใช้เพจเล่นประเด็นหมิ่นสถาบันฯ แล้วชิงวาร์ปไปฝรั่งเศส เพราะคิดว่าจะโดน 112 จะได้ขอลี้ภัยที่ฝรั่งเศสเลย
ตาลุงสิ้นชัย ไปฝรั่งเศส ยังไม่โดนคดีซะที ก็พยายามติดต่อหาหงอกเจียม เพื่อขออยู่ด้วย แต่หงอกเจียม ไม่ยอมเจอตัว ไม่ให้ติดต่อ เลยต้องระเห็จระเหเร่ร่อน จนต้องไปอยู่กับไอ้ตั้ง ที่นิวซีแลนด์ เพราะได้ข่าวว่าไอ้ตั้งมันรวย แต่ก็ไปเป็น ปรสิตเกาะบ้าน เอาแต่ว่าวไปวันๆ จนโดนไล่ออกไป
ตอนนี้ สิ้นชัย ก็ยังไม่โดน 112 และไม่สามารถขอลี้ภัยได้ เลยต้องไปทำงานเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวให้ฝรั่ง แลกกับที่ซุกหัวนอน
ดังนั้น จะบอกน้อนๆ เลย ถ้าคิดจะทำแบบไอ้ตั้ง ไม่ใช่จะได้แบบไอ้ตั้ง เพราะ กว่าจะถึงคิวน้อนๆ ยังมีแกนนำที่ต่อคิวอยู่อีกเยอะ
และแว่วข่าวมาแล้วว่า เผลอๆ อาจจะไม่ได้ลี้ภัยด้วย เพราะระเบียบโลกกำลังเปลี่ยนไปแล้ว 😂😂😂😂😂
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด โพสต์เฟซบุ๊ก ส่วนตัว ระบุว่า
“ด่าพระองค์ท่านด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย
กล่าวหาพระองค์ท่านด้วยข้อความที่เป็นเท็จ
ใช้ข่าวลือมาดูหมิ่นพระองค์ท่าน
ล้อเลียนพระองค์ท่าน
เขียนป้ายด่าพระองค์ท่านด้วยข้อความที่หยาบคาย
เผาพระบรมฉายาลักษณ์
บิดเบือนข้อเท็จจริง กล่าวหาว่า พระองค์ทรงทำผิดกฎหมาย
แสดงท่าทีอาฆาตมาดร้าย
ทั้งหมดเหล่านี้หรือที่ไอ้อีที่ออกมาชุมนุมอ้างว่า พวกมันออกมาปกป้องพระมหากษัตริย์ มันขัดกับพฤติกรรมของพวกมันโดยแท้ เพราะทั้งวาจาและการกระทำเป็นการจาบจ้วงล่วงละเมิดอย่างรุนแรง
ทำผิดมาตรา 112 แล้วหาว่า รัฐบาลรังแกด้วยนิติสงคราม พูดแบบนี้จะให้รัฐบาลนิ่งเฉยกับพฤติกรรมที่ชั่วร้ายของพวกมันกระนั้นหรือ ตรรกะทุเรศ ตรรกะพิการโดยแท้
เหิมเกริมกันไปแล้ว ทำชั่วช้าสามานย์ท้าทายกฎหมาย ถ้าคิดเองทำเองก็ถือว่าชั่วบัดซบ ถ้าทำตามที่คนอื่นหลอกให้ทำก็โง่อย่างน่าเวทนา
ถ้าต้องรับกรรมจากการกระทำของตนเอง คงไม่มีใครสงสาร”
แน่นอน, สิ่งที่น่าคิด น่าฟัง น่าวิเคราะห์ และน่าเป็นห่วง ก็คือ เป้าหมายที่แท้จริงของ ขบวนการม็อบ 3 นิ้ว ที่มีนักเรียน นักศึกษา เยาวชนคนรุ่นใหม่ ออกหน้าเคลื่อนไหวอยู่ในเวลานี้
และคงไม่มีใครเชื่อ ว่า ลำพังเยาวชนครุ่นใหม่ จะกล้าออกมาชุมนุม โดยเห็นปัญหาอย่างแท้จริง แล้วปัญหาที่หยิบยกกันขึ้นมา ก็เป็นปัญหาที่พรรคการเมืองบางพรรค กลุ่มการเมืองบางกลุ่ม ได้รับผลพวงจากการทำความผิดด้วยตัวเอง แต่อ้างถูกกลั่นแกล้งรังแกจากอำนาจเผด็จการ คือ อ้างเอาง่ายๆอย่างนี้เลย ที่สำคัญ แกนนำอดีตพรรคการเมืองดังกล่าว ถ้าจะย้อนให้เห็นชัดเจนขึ้น บางคนเป็นแกนนำกลุ่มนิติราษฎร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเคยรณรงค์แก้ไขและยกเลิก ม.112 ซึ่งเป็นกฎหมายคุ้มครองพระมหากษัตริย์ จากการถูกล่วงละเมิด มาแล้ว ซึ่งเมื่อเข้าสู่การเมือง อุดมการณ์นี้ยังถือเป็นเป้าหมายทางการเมืองด้วย
คำถามคือ คนรุ่นใหม่ เห็นปัญหาผลกระทบ หรือว่า นักการเมืองบางกลุ่ม เห็นอุปสรรคทางการเมือง ที่จะผลักดันอุดมการณ์ซ้ายตกขอบ ในการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย เพราะอย่าลืมเรื่องนี้ที่ผ่านมา ไม่ใช่ปัญหาในสังคมไทย เพราะคนไทยส่วนใหญ่ ก็ยังคงจงรักภักดีต่อสถาบันฯ นี่คือ ความจริง
เมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งที่ “ดร.นิว” ลากไส้ออกมา เป็นใครก็ต้องฉุกคิดเหมือนกัน ยิ่งการเคลื่อนไหวที่สอดรับกันมาตลอด ทั้งฝ่ายต่างชาติ นักเคลื่อนไหว นักการเมือง นักวิชาการ ในไทย ล้วนฉายภาพ สิ่งที่ “ดร.นิว” นำเสนอให้แจ่มชัดยิ่งขึ้น
ส่วนประเด็นที่ม็อบ 3 นิ้ว นักวิชาการ 3 นิ้ว นักการเมือง 3 นิ้ว มักพูดเสมอว่า ข้อเสนอ “ปฏิรูปสถาบัน” ก็เพื่อปกป้องสถาบัน ทำให้สถาบันฯ อยู่กับประชาธิปไตยไทยอย่างยั่งยืนนั้น ดูเหมือน “ดร.เสรี” ได้สาธยายเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว ว่า รักสถาบัน และปกป้องสถาบันประสาอะไร เพราะมีแต่ด้อยค่าสถาบันอยู่ทุกวัน
ทั้งหมด อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่กันหมดแล้ว และเหนืออื่นใด คนไทยไม่เอาด้วยกับการปฏิรูปสถาบันอย่างเห็นได้ชัด เพราะเริ่มมีกลุ่มคนออกมาต่อสู้เพื่อสถาบันมากขึ้น และผลโพลก็ชี้ชัดมาตลอด รวมทั้งผลการเลือกตั้ง นายก อบจ. ก็พิสูจน์มาแล้ว เหลือก็แต่การเลือกตั้งนายกเทศมนตรี และสมาชิกสภาเทศบาล ผลจะออกมาอย่างไร ประชาชนจะพิพากษาคนกลุ่มนี้อย่างไร ถ้ายังไม่รู้สึกสำนึกอะไร ก็ปล่อยไปตามเวรตามกรรมก็แล้วกัน