น่าคิด? “ดร.นิว” ฟาด “ปิยบุตร” พบแล้ว! ผู้มีอำนาจเหนือ “รธน.” ตัวจริง ระบุ แก้องค์กรอิสระต้องทำประชามติ “อดีตบิ๊กข่าวกรอง” โต้ “3 นิ้ว” ผิด ม.112 มิใช่คดีการเมือง “ซูเปอร์โพล” ชี้ ปชช.ส่วนใหญ่ 99.2% ไม่เอา “ล้มเจ้า” หนุนต้านโกง
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (19 มี.ค. 64) เฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyan ของ ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์หัวข้อ “พบแล้ว! ผู้มีอำนาจเหนือรัฐธรรมนูญตัวจริง”
โดยระบุว่า “ในที่สุดปิยบุตรก็แสดงอำนาจบาตรใหญ่ถึงความเป็นผู้มีอำนาจเหนือรัฐธรรมนูญตัวจริง!
ปิยบุตรกล้าเสนอให้แก้รายมาตรา เพื่อยุบศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งๆ ที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับองค์กรอิสระ จำเป็นต้องทำการลงประชามติ มีการระบุไว้อย่างชัดเจนใน “ความมุ่งหมายและคำอธิบายประกอบรายมาตราของรัฐธรรมนูญ” แต่ปิยบุตรนักสำเร็จความใคร่ทางวิชาการ ก็ไม่เคยอ่าน หรือนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้องต่อสายตาของประชาชน
ขนาดมีศาลรัฐธรรมนูญ ปิยบุตรยังสำเร็จความใคร่ทางวิชาการอยู่เหนือรัฐธรรมนูญ บิดเบือนกฎหมายแบบคิดเองเออเอง ยุยงปลุกปั่นสร้างความสับสนวุ่นวายและความแตกแยกอยู่เป็นประจำ ถ้าไม่มีศาลรัฐธรรมนูญคอยชี้ขาด รักษาความถูกต้องของกฎหมายตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ปิยบุตรก็คงแสดงอำนาจบาตรใหญ่เหนือรัฐธรรมนูญยิ่งไปกว่าทุกวันนี้ และสำเร็จความใคร่เหนือรัฐธรรมนูญมากขึ้นเรื่อยๆ
ต่อมาปิยบุตรเสนอที่จะยุบ ส.ว. เปลี่ยนแปลงรูปแบบของระบบรัฐสภา เปลี่ยนระบบสภาคู่เป็นระบบสภาเดี่ยว ซึ่งถือได้ว่า เป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต มีผลกระทบต่อการถ่วงดุลอำนาจในรัฐสภา และระบอบการปกครองของประเทศ จึงมีความเป็นไปได้สูงมาก ว่า การเปลี่ยนแปลงรูปแบบของระบบรัฐสภาเช่นนี้ ก็อาจจำเป็นต้องทำการลงประชามติ ถามความคิดเห็นของประชาชนเสียก่อน อาจไม่สามารถแก้ไขแบบรายมาตราได้เช่นเดียวกัน
การเสนอ “แก้รายมาตรา” ของปิยบุตรรอบใหม่นี้ จึงเป็นการสำเร็จความใคร่ทางวิชาการอย่างมักง่าย และหลอกลวงประชาชนอย่างไร้ยางอายที่สุด
นอกจากนี้ ปิยบุตรยังไปไกลถึงขั้นกล้าเสนออำนาจนอกรัฐธรรมนูญที่เป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครอง เสนออำนาจนอกรัฐธรรมนูญในการล้มล้างรัฐธรรมนูญ ซึ่งกระทบถึงรูปแบบของรัฐและระบอบการปกครองโดยตรง เพราะปิยบุตรมักเสนออยู่เป็นประจำว่า ไร้ข้อจำกัด ไม่มีเงื่อนไข สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ทุกมาตรา
ดั่งเช่นล่าสุด “ประชามติอันนี้ไม่ได้เป็นประชามติเพื่อแก้รัฐธรรมนูญ แต่มันจะเป็นประชามติที่จะยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2560 ทิ้งทั้งฉบับ แล้วทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ โดยไม่มีเงื่อนไข สามารถทำได้ทุกหมวดทุกมาตรา”
ท้ายที่สุดแล้ว ปิยบุตรยังคงมองเห็นประชาชนเป็นเพียงแค่เครื่องมือในการสนองความใคร่ทางวิชาการส่วนตน การเคลื่อนไหวของปิยบุตรจึงแฝงเร้นไปด้วยเจตนาที่อาจเป็นไปเพื่อเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐเดิมไปสู่รัฐใหม่ ตามการสำเร็จความใคร่ของปิยบุตร
ข้อเสนอของปิยบุตร จึงเป็นลัทธิเพ้อฝัน หลอกลวงประชาชน ถือแนวทางผิดของคณะราษฎรที่เป็นลัทธิรัฐธรรมนูญ ไม่ได้สร้างประชาธิปไตยอย่างตรงไปตรงมา ไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาที่แท้จริงของประเทศชาติและประชาชน
หากแต่ปิยบุตรเสนอ “อนาธิปไตยและความรุนแรง” ชี้นำสังคมไปสู่วิกฤตการณ์รัฐธรรมนูญครั้งใหม่ที่อันตรายยิ่งกว่าเดิม เสี่ยงต่อการเกิดจลาจลและสงครามกลางเมือง ตามที่ปิยบุตรจมปลักดักดานอยู่กับคอมมูนปารีส กิโยติน และความรุนแรงในประวัติศาสตร์ฝรั่งเศสชนิดโงหัวไม่ขึ้น
#เราสั่งให้ปิยบุตรอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ
#ปิยบุตรนักสำเร็จความใคร่เหนือรัฐธรรมนูญ”
_________________________
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐
https://cdc.parliament.go.th/draftcons.../ewt_dl_link.php...
ความมุ่งหมายและคำอธิบายประกอบรายมาตรา ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐
https://cdc.parliament.go.th/draftcons.../ewt_dl_link.php...
ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊ก Nantiwat Samart ของ นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความ ระบุว่า
“ลืมตาดูโลกบ้างแกนนำสามนิ้วที่ถูกคุมตัวอยู่ในคุก โหวกเหวกว่า พวกตัวเองเป็นนักโทษการเมือง อกอีแป้นจะแตก เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า แกนนำสามนิ้วถูกข้อหา ม.112 ซึ่งเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายอาญา เช่นเดียวกับความผิดฆ่าคนตาย เพียงแต่กระทำผิดคนละมาตรา เป็นความผิดคดีอาญาไม่ใช่นักโทษการเมืองนะ
ในอดีต คณะราษฎร 2475 เอาเชื้อพระวงศ์ พระประยูรญาติ และข้าราชการผู้ใหญ่ที่ไม่ร่วมมือและกลัวว่าจะต่อต้านคณะราษฎร 2475 ไปขังลืมที่เกาะตะรูเตาที่ห่างไกลแผ่นดิน โดยไม่ตั้งข้อหาใดๆ ไม่มีกระบวนการยุติธรรม อย่างนี้สิ เรียกว่า นักโทษการเมือง
จำไว้เลย นักโทษการเมือง เป็นมรดกบาปจากคณะราษฎร 2475 ที่แกนนำสามนิ้วอยากจะสืบทอดเจตนารมณ์ ประเทศประชาธิปไตยต้องไม่มีนักโทษการเมืองใช่ไหม แกนนำสามนิ้วช่วยถามประเทศที่ให้เงินทุนพวกคุณมาเคลื่อนไหวทีสิ นักโทษที่เอาไปขังลืมที่เกาะกวนตานาโมหลายร้อยคน โดยไม่มีการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม อย่างนี้เป็นการเคารพสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพหรือไม่ เรื่องดังไปทั่วโลก แต่ผู้บริหาร สมาชิกสภาประเทศนั้น ไม่เคยอ้าปากพูดถึงกันเลย หรือประเทศประชาธิปไตยเท่านั้นถึงทำเรื่องนักโทษขังลืมได้
หัดอ่านหนังสือหลายๆ เล่ม หาข้อมูลหลายๆ ด้าน อย่าเชื่ออาจารย์ที่จบฝรั่งเศสอย่างไม่ลืมหูลืมตา ประเทศพวกนี้คือนักล่าอาณานิคม กอบโกยผลประโยชน์จากประเทศเล็กๆ เลวร้ายกว่าพระเจ้าหลุยส์ที่ถูกพวกนี้โค่นล้มเสียอีก
ประเทศไทยมีจารีตประเพณีที่ดีงาม เป็นของตนเอง ดีงามกว่าตะวันตกอย่างมาก หรืออยากเป็นทาสตะวันตก ที่สำคัญ เป็นจำเลยในคดีอาญาในความผิด ม.112 ไม่ใช่คดีการเมือง”
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน วันนี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง จุดม็อบ ที่ต่างกัน กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,764 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 15-18 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา
พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 99.2 ไม่เห็นด้วยกับ ม็อบ 3 นิ้ว และเครือข่ายขบวนการทำร้ายสถาบันหลักของชาติ ทำลายความภักดีศรัทธาของผู้อื่น
ที่น่าเป็นห่วงคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 98.7 ระบุ ม็อบ 3 นิ้ว มุ่งทำให้เกิดความรุนแรงบานปลาย ทำให้คนในชาติแตกแยก คุกคามผู้อื่น ซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชนในยามวิกฤต ในขณะที่ส่วนใหญ่เช่นกัน หรือร้อยละ 98.7 ระบุ ม็อบ 3 นิ้วและเครือข่าย ก้าวร้าวรุนแรง สร้างความแตกแยกของคนในชาติ ละเมิดอำนาจศาล ขว้างปาสิ่งของในศาล ทำลายทรัพย์สินส่วนรวมจากเงินภาษีของประชาชน ทำตัวไม่เหมาะสมกับการจุดม็อบของคนรุ่นใหม่
นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 98.4 เชื่อว่า มีขบวนการ ทำมาหากินกับการจุดม็อบ แกนนำม็อบโกยเงินจากแหล่งทุนเข้ากระเป๋าตัวเองและครอบครัว และร้อยละ 97.8 ระบุ แกนนำม็อบ 3 นิ้ว และเครือข่าย หากินกับม็อบ กอบโกยผลประโยชน์ส่วนตัวทางการเงินจากขบวนการสนับสนุนต่างชาติและคนไทยบางคน
ทั้งนี้ เมื่อถามถึง ม็อบต้านทุจริต ยุคยิ่งลักษณ์คดีโกงจำนำข้าว พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 88.2 รู้สึกเห็นใจ ม็อบต้านทุจริต ติดคุก แต่ไม่เห็นใจ ม็อบ 3 นิ้ว ที่ทำร้ายสถาบันหลักของชาติ ติดคุก นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 87.5 รู้สึกเศร้าใจ เห็นคนไทยจำนวนมากยอมรับคนโกง และเห็นคนต่อต้านคนโกง ติดคุก และร้อยละ 87.2 หนุน ม็อบต้านทุจริต ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต เช่น กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขับไล่ทักษิณ และม็อบขับไล่ยิ่งลักษณ์ คดีโกงจำนำข้าวแสนล้านบาท เป็นต้น
ที่น่าพิจารณาคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 88.9 ต้องการให้รักษาอุดมการณ์ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันต่อไปไม่จางหาย ในขณะที่ร้อยละ 11.1 ไม่ต้องการ
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า จุดม็อบ ที่ต่างกัน มีผลต่อความรู้สึกและการสนับสนุนจากประชาชนต่างกัน ที่เห็นได้ชัดเจนในผลโพลนี้ คือ ม็อบต้านทุจริต จุดติดทำให้ประชาชนออกมาต่อต้านร่วมล้านคนจนขบวนการโกงจำนำข้าวแสนล้านบาทในยุคนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องหนีออกนอกประเทศ ปล่อยให้บางคนติดคุกเดือดร้อนในขณะนี้ แต่ม็อบ 3 นิ้วและเครือข่าย จุดไม่ติด ฝ่อตัวลงเรื่อยๆ เพราะกระทบต่อความจงรักภักดี ความศรัทธาของประชาชนที่กตัญญูต่อคุณแห่งสถาบันหลักของชาติ และส่อไปสู่ความแตกแยกของคนในชาติที่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่เอาด้วย (สยามรัฐออนไลน์)
แน่นอน, สิ่งที่เห็นได้ชัด จากการต่อสู้ของ นักการเมืองบางกลุ่ม ที่ถูกยุบพรรค เนื่องจากทำผิดกฎหมายพรรคการเมือง แต่อ้างว่า ถูกกลั่นแกล้งรังแกจากผู้มีอำนาจ และปลุกม็อบลงถนน เรียกร้อง 3 ข้อ คือ 1. ไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และองคาพยพ 2. แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ และ 3.ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์
ขณะเดียวกัน ก็ผลักดันแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ในรัฐสภา ผ่านพรรคการเมืองที่ย้ายมาจากพรรคเดิม จนกลายเป็นความขัดแย้ง ปั่นป่วน ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญในสภาพอสมควร เพราะ ส.ส.และพรรคการเมืองส่วนใหญ่ ไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการแก้ไขทั้งฉบับ เพราะรวมถึง หมวด 1 และหมวด 2 (พระมหากษัตริย์) ซึ่งเสี่ยงที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง
แต่แล้ว ทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามที่คาดคิด เพราะประชาชนส่วนใหญ่ ไม่เห็นด้วยกับ ม็อบเรียกร้องปฏิรูปสถาบันฯ จึงไม่ลุกฮือเข้าร่วม จะมีก็แต่สาวกไม่กี่ร้อยคนเท่านั้นในเวลานี้ แถมแกนนำหลักหลายคน ยังถูกจำคุกขณะรอการพิจารณาของศาล (ไม่ได้ประกัน) และหลายคนมีคดีติดตัวที่รอถูกฟ้องศาล ที่สำคัญ คือ พฤติกรรมก่อความรุนแรงของม็อบ ทำให้มวลชนถอยห่างจนบางตา และเริ่มตาสว่าง ว่า นี่ไม่ใช่ม็อบที่มีอุดมการณ์อย่างแท้จริง
ส่วนในรัฐสภา ก็อย่างที่เห็น คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ผ่านวาระ 3 ซึ่งแม้ว่าจะมาจากหลายสาเหตุ แต่ประการหนึ่งที่ไม่ต้องสงสัยก็คือ ความไม่ไว้วางใจพรรคการเมืองบางพรรค ที่ต้องการใช้รัฐสภา “ปฏิรูปสถาบันฯ” นั่นเอง และผลของการทำให้มติวาระ 3 ไม่ผ่าน ก็เพราะศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ จะต้องทำประชามติ ทั้งก่อนและหลัง ซึ่งถ้าใครฝ่าฝืน ก็อาจมีความผิด
นี่คือ ประเด็นที่อาจทำให้คนบางกลุ่มไม่พอใจ และคลั่งแค้นเข้าไปใหญ่ โดยเฉพาะคนที่สนับสนุนม็อบปฏิรูปสถาบันฯอยู่เบื้องหลัง และคนที่ผลักดันพรรคการเมืองบางพรรคอยู่เบื้องหลัง
ดังนั้น เกมที่กำลังจะล่ารายชื่อ ยื่นแก้รัฐธรรมนูญรายมาตรา เพื่อเลิกศาลรัฐธรรมนูญ เลิก ส.ว. และองค์กรอิสระ ที่คนกลุ่มนี้เชื่อว่า เป็นเครื่องมือทางการเมืองของผู้มีอำนาจ ใช้กลั่นแกล้งรังแกพวกตน ทั้งที่ตัวเองทำผิดกฎหมายจริง มีพยานหลักฐานมัดแน่น จึงไม่ต่างอะไรกับ การต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตนเอง ไม่ได้ทำเพื่อประชาชนอย่างที่กล่าวอ้าง
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนผลโพลของ ซูเปอร์โพล มีคำตอบให้แล้วว่า คนไทยส่วนใหญ่หรือร้อยละ 99.2 ไม่เห็นด้วยกับ ม็อบ 3 นิ้ว และเครือข่ายขบวนการทำร้ายสถาบันหลักของชาติ ทำลายความภักดีศรัทธาของผู้อื่น ฯลฯ ชัดหรือยัง!?