คิดการใหญ่อีกแล้ว? “ทอน-บูด” หวัง ปชช.หนุนแก้ รธน.รายมาตรา เลิก “ศาล รธน., ส.ว., องค์กรอิสระ” เสี้ยนหนามตัวเอง “รุ้ง” โหยหาอิสรภาพ ร้องขอช่วยชีวิตเราด้วย “อานนท์” ปลุกไม้ตาย ฝากวางศพหน้าศาลอาญาให้เลือดน้ำเหลืองนอง
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (18 มี.ค. 64) เฟซบุ๊ก Thanathorn Juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า โพสต์หัวข้อ [ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยต้องไม่ยอมแพ้ : ก้าวต่อไปของรัฐธรรมนูญ]
โดยระบุว่า การคว่ำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของสมาชิกรัฐสภาเมื่อคืน แสดงให้เห็นแล้วว่า ชนชั้นนำ, กองทัพ, รัฐบาล, พรรคการเมืองที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน, ศาลรัฐธรรมนูญ และ สมาชิกวุฒิสภา ไม่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
พวกเขาต้องการยึดอำนาจไว้กับพวกพ้อง โดยไม่สนใจอนาคตของประเทศ กระบวนการที่ผ่านมา คือ การซื้อเวลา แสดงละครหลอกประชาชน
ผมเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่รัฐสภาที่ควรเป็นที่หาทางออกให้กับสังคม กลับเป็นผู้ปิดประตูหาทางออกเสียเอง
แต่เราจะยอมแพ้ไม่ได้ เราจะปล่อยให้ลูกหลานเราอยู่ในสังคมแบบนี้ตลอดไปไม่ได้
เรา - ประชาชนผู้รักประชาธิปไตย - แม้ไม่มีเครื่องมือในการต่อสู้เรียกร้องมากมาย แต่เราหยุดและยอมแพ้ไม่ได้
กระบวนการเรียกร้องแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสู่ระยะใหม่แล้ว
เมื่อแก้ทั้งฉบับทำไม่ได้ เราจะรณรงค์เพื่อให้เกิดการแก้ไขรายมาตรา ปลดเสาค้ำยันอำนาจของกลุ่มอภิสิทธิ์ชนด้วยการยกเลิก ส.ว., คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ, ปฏิรูปศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงแก้ไขที่มาของกรรมการองค์กรอิสระ
เราจะรณรงค์อย่างแข็งขันทั่วประเทศ เพื่อรวบรวมรายชื่อจากประชาชน แก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา เพื่อปรับดุลอำนาจในสังคมไทยเสียใหม่
เชิญชวนประชาชนผู้ทรงอำนาจสูงสุด มาร่วมกันสู้ตามระบบทุกวิถีทาง ให้สุดทุกทาง เพื่อแสดงให้ประชาชนเห็นว่า ต้องการประเทศไทยที่เป็นประชาธิปไตย ไม่ใช่ประเทศไทยใต้ระบอบ คสช.
พบกันในการรณรงค์ล่ารายชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราทั่วประเทศ เร็วๆ นี้
ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล ของนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์หัวข้อ [แก้รายมาตรา ขจัดอุปสรรคแก้รัฐธรรมนูญ ยุบศาลรัฐธรรมนูญ - ยุบ ส.ว. - ยกเลิกแผนยุทธศาสตร์ชาติ - จัดประชามติยกเลิก รธน. 60 แล้วทำใหม่ทั้งฉบับ]
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2564 กลุ่ม Re-Solution ถึงเวลารัฐธรรมนูญใหม่ โดย ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า, พริษฐ์ วัชรสินธุ จากกลุ่มรัฐธรรมนูญก้าวหน้า และ ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ จากกลุ่ม iLaw ร่วมเปิดห้องสนทนาทางแอปพลิเคชัน Clubhouse ในหัวข้อ “จับตาผลโหวต! เราจะไปสู่รัฐธรรมนูญของประชาชนได้อย่างไร?” พูดถึงการประชุมรัฐสภาในการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ในวาระที่สาม ซึ่งสุดท้ายถูกตีตก เนื่องจากคะแนนเสียงเห็นชอบน้อยกว่ากึ่งหนึ่ง และไม่ได้เสียง ส.ว. ถึง 1 ใน 3...
สาระสำคัญ นายปิยบุตร กล่าวตอนหนึ่งว่า
“...ตนอยากชวนให้ทุกคนมองนอกกรอบที่ตีไว้โดยรัฐธรรมนูญ 2560 อย่างเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญ และวุฒิสภา อย่าไปคิดว่า เป็นสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้ ศาลรัฐธรรมนูญเองเพิ่งเกิดขึ้นมาหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ส่วนในประเทศไทยก็เพิ่งมาเริ่มตอนรัฐธรรมนูญปี 2540 นี่เอง และหลายประเทศก็ไม่มีศาลรัฐธรรมนูญ
หลักใหญ่ใจความของการมีศาลรัฐธรรมนูญ ก็คือ การรักษารัฐธรรมนูญ แต่คำถามที่ตามมา คือ การรัฐประหารแต่ละครั้งศาลรัฐธรรมนูญทำอะไรบ้างในการปกป้องรัฐธรรมนูญ
การรัฐประหารเกิดขึ้นทุกครั้ง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่นั่งในตำแหน่งรับเงินเดือนเหมือนเดิม ไม่มีท่าทีในการปกป้องรัฐธรรมนูญอะไรทั้งสิ้น ในขณะที่เมื่อประชาชนพยายามจะแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาจากการรัฐประหาร ทั้งปี 2549 และปี 2557 ศาลรัฐธรรมนูญกลับเข้ามาขัดขวางทุกครั้งไป
โจทย์ใหญ่ของการต่อสู่ในวันนี้ คือ การสู้กันว่า อำนาจสูงสุดเป็นของใคร เราต้องการกติกาที่คนยอมรับนับถือกันได้ทุกส่วน ไม่ใช่การยึดอำนาจมาแล้วเขียนกติกาให้ตัวเองชนะตลอดไป นี่คือ รัฐธรรมนูญที่เอาทุกสิ่งทุกอย่างไปหมด และศาลรัฐธรรมนูญก็คือ ผู้ที่ขัดขวางการแก้รัฐธรรมนูญทุกครั้งไป
“ผมเลยอยากเชิญชวนว่า คิดออกจากกรอบ ออกจากกรงที่เขาขีดให้เราเดิน ลองคิดดูในมุมที่กว้างกว่าเดิม เช่น เราจะคิดถึงการยกเลิกศาลรัฐธรรมนูญได้ไหม เปลี่ยนองค์กรเป็นองค์กรแบบอื่น คิดถึงการยกเลิก ส.ว. ได้ไหม เป็นสภาเดี่ยว หรือคิดถึงเรื่องของอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญเป็นของประชาชนจริงๆ ดังนั้น พวกเราจะแสดงออกถึงพลังผ่านการประชามติ ว่า จะยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2560 แล้วทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ทั้งฉบับ” ปิยบุตร กล่าว...
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เฟซบุ๊ก อานนท์ นำภา ของนายอานนท์ นำภา แกนนำม็อบคณะราษฎร 63 โพสต์ข้อความ ระบุว่า
“ข้อความฝากจากเรือนจำ 18 มี.ค. 64
วันนี้ผมยังไม่ตาย แต่การอยู่หรือตายก็ไม่สำคัญเท่ากับการอยู่อย่างมีประโยชน์หรือตายอย่างมีคุณค่า ถ้าการอยู่ในเรือนจำแล้วทำให้เห็นถึงความอัปลักษณ์ของกระบวนการยุติธรรมไทย ผมก็ยินดี หรือถ้าต้องตายภายในเรือนจำ แล้วเกิดการเปลี่ยนแปลงก็ถือว่าคุ้มค่า
ถ้าผมตายไป ศพของผมให้นำใส่โลงศพไม่ต้องห่อด้วยถุงพลาสติก ไปวางไว้หน้าศาลอาญาบนถนนรัชดาภิเษก เมื่อเลือดและน้ำหนองของผมไหลออกมาก็ปล่อยให้มันเจิ่งนองบนถนนรัชดา รอให้รถของคนที่มีส่วนทำให้ผมตายวิ่งมาเหยียบมันและกลับไปที่บ้าน เมื่อนั้นเลือดและน้ำหนองของผมจะไหลปนออกมากับน้ำที่เขาอาบและเมื่อเขากินข้าวหรือกาแฟ เลือดและน้ำหนองของผมก็จะอยู่ในนั้น
วิญญาณของผมจะติดตามเขาไปทุกที่ กลิ่นสาบของผมจะติดตามชุดเครื่องแบบของพวกเขา และวิญญาณของผมจะทอดร่างอยู่ใต้โต๊ะทำงานของพวกเขาเหล่านั้นไปจนกว่าจะถึงเวลาที่ผมจะได้เกิดใหม่ และถ้าผมเกิดใหม่แล้วเมืองไทยยังไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ ผมขอเกิดมาบนแผ่นดินไทย และขอเกิดเป็นลูกชาวนาอีกครั้ง เรียนกฎหมาย และกลับมาต่อสู้ร่วมกับพี่น้องจนกว่าจะได้ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ “ขอให้เจอมิตรสหายที่ดีอย่างเช่นทุกวันนี้”
จนกว่าเราจะพบกันอีก
อานนท์ นำภา
ห้อง 7 แดน 2 เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
18 มีนาคม 2564”
ด้านพี่สาวของ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กของรุ้งว่า
“เป็นเวลากว่า 10 วันแล้ว ที่ รุ้ง ปนัสยา ต้องถูกจองจำอยู่ในกรงขัง แม้คดีจะยังไม่ถูกตัดสิน และรุ้งยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ แต่กลับต้องถูกปฏิบัติเยี่ยงนักโทษที่กระทำความผิด แม้นในคุกจะเงียบเหงาเพียงใด แต่รุ้งก็ยังใจสู้และมีกำลังใจเสมอ
โดยรุ้งฝากข้อความออกมาผ่านทางทนายความที่เข้าไปเยี่ยมเพื่อดูแลคดีความเพื่อบอกเล่าชีวิตของรุ้ง ใจความว่า
“สิทธิในการประกันตัวมันควรจะพิจารณาให้ทุกคนได้อย่างเท่าเทียม ตัวเรายังไม่ถูกตัดสินว่ากระทำความผิด การที่เรามาอยู่ในนี้ เราถูกพรากเสรีภาพและความเป็นมนุษย์ของเราไป การที่จะมีอิสระในการมีชีวิตแบบมนุษย์ที่จะได้เห็น ได้สัมผัส ได้รับรส กลิ่น เสียงและแสงแดดในโลกนี้ของเราถูกจำกัดไว้ในห้องขัง ณ ตอนนี้ ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่ใครก็ตามควรต้องมาประสบเลย ไม่ว่าใครก็ตาม
เมื่อวานเป็นวันสุดท้ายของการสอบกลางภาคที่รุ้งควรจะได้สอบ แต่เราก็ถูกขังไว้ในนี้ ถึงเราจะได้ให้เหตุผลกับศาลไปหมดแล้ว แต่เราก็ไม่ได้รับความเห็นใจจากศาลแต่อย่างใด สิ่งที่อยากจะขอมีแค่อย่างเดียว คือ ปล่อยพวกเราออกไป โปรดช่วยชีวิตพวกเราด้วย
อีกเรื่อง อยากให้ทุกคนช่วยสนับสนุนพี่สาวรุ้งด้วย ก่อนหน้านี้ เขาไม่ได้สนใจการเมืองเท่าไหร่ พอเห็นน้องสาวออกมา เขาก็มาทำความเข้าใจและตอนนี้กลายมาเป็นแรงหลักของครอบครัวในการสนับสนุนเรา พี่เมเข้มแข็งมาก คนที่ไม่เคยอยู่ในแวดวง ไม่รู้จักใครเลย ต้องมาทำอะไรแบบนี้ เป็นกำลังใจให้พี่เม และอยากให้ทุกคนช่วยสนับสนุนพี่ รวมถึงครอบครัวของผู้ต้องขังทางการเมืองที่ออกมาต่อสู้ทุกคน”
ถึงตอนนี้มันจะหนัก แต่เชื่อเถอะว่า “ฟ้าหลังฝนย่อมมีรุ้งเสมอ” รุ้ง ปนัสยา (โพสต์โดยพี่สาวน้องรุ้ง)”
แน่นอน, ประเด็นอยู่ที่ นายธนาธร และ นายปิยบุตร จะต้องแสดงตัวออกมารับผิดชอบ การสนับสนุนม็อบ “ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์” หรือ ม็อบ 3 นิ้ว ให้ประชาชนได้เห็นก่อนว่า มีความจริงใจแค่ไหน กับการต่อสู้ทางการเมือง ตามแนวอุดมการณ์ที่ประกาศไว้ทั้งหมด
มิใช่สู้อยู่หลังเด็ก เอากระโปรงเด็ก เป็นเกราะกำบัง แล้วก็ประกาศสู้รบไปเรื่อย โดยเอาเด็กลูกหลานชาวบ้านมารับเคราะห์แทน เพราะตัวเองไม่ยอมออกหน้าเป็น “ผู้นำ” ทั้งที่ไม่ได้มีหน้าที่ประจำในสภาแล้ว
อย่าลืมว่า คนไทยรู้หมดแล้วว่า ใครอยู่เบื้องหลังเกม “ล้มเจ้า” ถึงตอนนี้รุกคืบจะแก้รัฐธรรมนูญ รายมาตรา แต่หลักใหญ่ใจความ กลับดูเหมือน จงใจ “เอาคืน” เสี้ยนหนามพวกตน ที่เขาทำหน้าที่ตามกฎหมายมากกว่า ไม่ว่า ศาลรัฐธรรมนูญที่ตัดสิน ยุบพรรคอนาคตใหม่ และตัดสินนายธนาธร พ้นสภาพ ส.ส. ซึ่งเป็นการทำผิดส่วนตัวทั้งสิ้น ไม่เกี่ยวกับประชาชนเลย
ดังนั้น ก่อนที่จะไปถึงเรื่องใหญ่ไม่แพ้ “การปฏิรูปสถาบัน” มาแสดงความรับผิดชอบต่อประเด็นปฏิรูปสถาบันฯ ก่อนได้หรือไม่ และเอาให้ชัดว่า ไม่ทำเรื่องนี้ได้หรือไม่ เพราะอะไร ตอบตรงๆ พูดตรงๆ เหมือนกับที่เรียกร้องให้มีการวิจารณ์สถาบันอย่างตรงไปตรงมาได้ เอาเรื่องนี้ให้จบ
มิเช่นนั้น การคิดการใหญ่ ในการแก้รัฐธรรมนูญ ก็อาจไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ที่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ อย่างที่เคยพิพากษา การเลือกตั้ง นายก อบจ.มาแล้ว ที่คนของคณะก้าวหน้า ไม่ได้รับเลือกตั้งแม้แต่คนเดียว นั่นคือ ความจริง