ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ก้าวไกล=ก้าวล่วง ชูป้าย "ปล่อยเพื่อนเรา" ช่วยม็อบ 3 นิ้ว กดดันอำนาจตุลาการ ในสภาฯ พฤติกรรมเสื่อมเกียรติจากส.ส.ผู้ทรงเกียรติ วิพากษ์วิจารณ์กันขรม ในการประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาเรื่องการโหวต วาระ 3 ในการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยในช่วงที่ "รังสิมันต์ โรม" ส.ส.พรรคก้าวไกล ขึ้นอภิปราย ปรากฏว่า เพื่อนส.ส.พรรคก้าวไกล หลายคนได้ชูภาพแกนนำม็อบ3นิ้ว พร้อมข้อความ "ปล่อยเพื่อนเรา" ขึ้นมา ซึ่งทำให้มี ส.ว.ลุกขึ้นประท้วง ว่าไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่อภิปราย เหตุการณ์วุ่นวายด้วยการปะทะคารมกัน
ร้อนถึง ประธานที่ประชุม "พรเพชร วิชิตชลชัย" รองประธานรัฐสภา ที่ทำหน้าที่ประธานอยู่ได้สั่งให้ไม่ให้กลุ่มส.ส.ก้าวไกล ชูป้ายหลายครั้ง แต่ส.ส.พรรคก้าวไกล ก็ยังคงทำพฤติกรรมดังกล่าวอย่างท้าทาย จนทำให้ประธานพรเพชร ถึงกับใช้ไม้ตาย ย้ำว่าหากยังทำอยู่อาจมีการดำเนินการขั้นต่อไป ส.ส.พรรคก้าวไกล จึงได้หยุดการกระทำ
งานนี้ ในสภาฯจบ แต่กลายเป็นประเด็นต่อกันนอกสภาฯ จนโซเชียลฯ ร้อนระอุ โดยข้างฝ่าย"โรม" โพสต์ทวิตเตอร์ ระบุว่า เขาและเพื่อนส.ส.พรรคก้าวไกล ต้องการสื่อสารว่า ผู้ต้องขังทางความคิดที่มีการชูภาพของพวกเขาในสภาฯนั้น คือผู้ที่รณรงค์ขับเคลื่อนให้มีการแก้ไขรธน. มาตั้งแต่ต้น แต่มาวันนี้ ผู้มีอำนาจบางกลุ่มกลับกำลังเตะถ่วงการแก้รธน. ในขณะที่พวกเขาเหล่านั้นยังถูกฝากขังอยู่ในเรือนจำ
ขณะที่ "ช่อ" พรรณิการ์ วานิช คณะก้าวหน้า ทวิตเหน็บ ส.ว.ที่ลุกมาประท้วง ที่อ้างว่า "ไม่มีมารยาท เป็นส.ส.ผู้ทรงเกียรติ ทำตัวให้ทรงเกียรติด้วย" จนทำให้ประธานสั่งเอาป้ายลงนั่น "ช่อ" ว่าเกียรติของส.ส. คือการรับใช้ประชาชน เกียรติของ ส.ว. คือการรับใช้ใคร !!?
นั่นก็ว่ากันไป แต่มองกันจริงๆ ส.ส.ก้าวไกล จะฉกฉวยโอกาสนี้สื่อสารให้สังคมรับรู้ถึงประเด็น "ม็อบ3นิ้ว" ที่อยู่ในเรือนจำ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด เพราะก็รู้กันว่าระหว่างก้าวไกล กับ ม็อบ 3 นิ้ว คณะราษฎร คณะก้าวหน้า ก็ล้วนแต่ "เนื้อเดียวกัน" เป็น"เพื่อนเรา" เคลือนไหวในทิศเดียวกันมาตลอด เรียกว่า "สมคบคิด" เรียกร้องประชาธิปไตย ที่มีเจตนาแอบแฝงอะไรก็อย่างที้รู้ๆ กัน จะต่างกันตรงที่วันนี้ เด็กๆอยู่ในคุก เพราะทำความผิดในหลากหลายข้อหา ที่ว่าไปแล้วเป็นข้อหาที่"ผู้ใหญ่" ผลักดันสนับสนุนให้ท้ายทั้งสิ้น แต่ผู้ใหญ่ยังมี "เกียรติ" มีปากมีเสียง เคลื่อนไหวทั้งในและนอกสภาได้อยู่
พฤติกรรมวันนี้ของกลุ่ม ส.ส.ก้าวไกล ก็ต้องบอกว่า ผิดที่ผิดทาง ผู้ทรงเกียรติ ทำตัวเองให้เสื่อมเกียรติที่ไม่รู้จักแยกแยะ เอาเรื่องม็อบ3 นิ้ว มาชูป้ายปล่อยเพื่อนเราขณะทำหน้าที่ในสภาฯ นิติบัญญัติ ไปก้าวล่วง อำนาจตุลาการ
อุตสาห์เรียกตัวเองว่า เป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย" แต่ทำตัวตรงกันข้าม กดดัน "อำนาจตุลาการ" แบบนี้ ผิดหลักการประชาธิปไตยชัดเจน
จากก้าวไกล ชาวเน็ตเลยตั้งให้ใหม่เป็น ก้าวล่วง ก็สมควรมั้ย..คิดกันดู.
** ราชทัณฑ์เคลียร์ชัด ไม่มี "อุ้มฆ่า" ในคุก อย่างที่ทนายอานนท์มโน แค่จะนำตัวผู้ต้องขังใหม่ ไปตรวจคัดกรองโควิดเท่านั้น...แถมมีดรามาขำขำ "เพนกวิน" ประกาศอดอาหาร แต่ตุนของกินเพียบ
กรณีจดหมาย "ทนายอานนท์" อานนท์ นำภา หนึ่งในแกนนำม็อบ 3 นิ้ว ซึ่งถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ที่โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก บอกถึงความไม่ปลอดภัยของบรรดาแกนนำที่อยู่ในคุก อ้างว่าเจ้าหน้าที่เรือนจำ พยายามย้าย "ไผ่ และไมค์" ไปควบคุมนอกแดนในยามวิกาล แม้ต่อมาจะได้แจ้งว่าเป็นการพาไปตรวจโควิด แยกกักตัวตามมาตรการตรวจคัดกรองของเรือนจำ แต่ก็ยังมองว่าเป็นการกระทำที่ผิดวิสัย เกรงว่าจะถูก "อุ้มฆ่า" ในคุก ถึงขั้นลงท้ายในจดหมายว่า ...ได้โปรดช่วยชีวิตพวกเราด้วย !!
หนึ่งนั้นเป็นความพยายามที่สื่อสารออกมาถึงมวลชน "ม็อบ3 นิ้ว" ว่าพวกเขาถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม แม้จะอยู่ในคุกก็ยังไม่ปลอดภัย จะได้ไปขยายความต่อในการชุมนุม ขณะเดียวกันก็จะใช้ประเด็นนี้เป็น "ข้อมูลใหม่" ในการยื่นขอประกันตัว ... ซึ่งก็สอดรับกับทาง "ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน" ที่ใช้เรื่องความไม่ปลอดภัยนี้ ไปยื่นขอประกันตัวบรรดาแกนนำต่อศาลทันที ... แต่ศาลก็ยังคงยกคำร้อง !!
อย่างไรก็ตาม เรื่องจดหมายทนายอานนท์นี้ ก็เป็นเรื่องที่วิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียลฯ หลากหลายแง่มุม ทั้งตั้งข้อสังเกตว่า จดหมายดังกล่าวถูกโพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ได้อย่างไร ... ทำไมทางเรือนจำต้องตรวจโควิดกันกลางดึก ... มีขบวนการ "อุ้มฆ่า" จริงหรือ ทั้งๆ ที่ผู้ต้องหาในคดีทางการเมืองอย่างนี้ น่าจะได้รับการดูแล คุ้มครองความปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่อย่างเข้มงวด ยิ่งกว่าไข่ในหิน เพราะมีผลเกี่ยวพันกับสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้
แน่นอนว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น ราชทัณฑ์ ศาล กระทรวงยุติธรรม จะนิ่งเฉยไม่ได้ ต้องออกมาชี้แจง ทำความจริงให้ปรากฏ เพื่อคลายข้อสงสัยของสังคม
โดยศาล ได้เบิกตัว "ทนายอานนท์" ไปทำการไต่สวนถึงเหตุการณ์ณืที่เกิดขึ้นแล้ว กระทรวงยุติธรรม ก็ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยให้เวลา 7 วัน ในการสรุปผล
ขณะที่ "อายุตม์ สินธพพันธุ์" อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และ "นพ.วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์" รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ซึ่งรับผิดชอบ ดูแลเรือนจำ ก็ตั้งโต๊แถลงเรื่องนี้ ว่า เหตุการณ์ดังกล่าว เป็นการปฏิบัติตามระเบียบของทางเรือนจำ เมื่อนำตัวผู้ต้องขังที่เข้ามาใหม่ คือ "ไมค์-ไผ่ และโตโต้" ที่เพิ่งย้ายมาจากเรือนจำพิเศษธนบุรี ต้องไปตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด และ กักตัว 14 วันในพื้นที่กักกันโรค ป้องกันการแพร่ระบาดที่อาจเกิดขึ้นได้ และที่ผ่านมาทางเรือนจำก็ได้ปฏิบัติเช่นนี้มาตลอด
ส่วนที่ต้องโยกย้ายผู้ต้องขังในยามวิกาล ก็เพราะว่าทั้งสามคน เพิ่งถูกส่งตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เมื่อเวลา 18.40 น. หลังจากทำการซักประวัติเสร็จ ก็ได้นำตัวไปขังรวมกับผู้ต้องขังอื่นๆ ที่แดน 2 ซึ่งใช้เป็นสถานที่กักกันโรค เพื่อรอตรวจคัดครองโควิด
จากนั้นช่วงเวลา 21.00 น. ได้ให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ เข้าไปแจ้งขอความร่วมมือกับผู้ต้องขังทั้งสามคน ย้ายห้องแยกจากผู้ต้องขังอื่นๆ ไปอยู่อีกห้องหนึ่ง ระหว่างรอเจ้าหน้าที่มาตรวจโควิด แต่ทั้ง 3 คนไม่ยินยอม จึงเชิญแพทย์เวร และเจ้าหน้าที่ตรวจโควิด จากรพ.ราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นแพทย์หญิงทั้งหมด เตรียมเครื่องมือเข้ามาตรวจโควิด ผู้ต้องขังอื่นใน เวลาประมาณ 23.00 น. เมื่อเจ้าหน้าที่นำผู้ต้องขังอื่น 9 คน ไปตรวจโควิด ทีละคนจนเสร็จ ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. เศษ หรือ ประมาณเที่ยงคืน ก็ได้มาเจรจากับผู้ต้องขังที่เหลือ ขอให้ย้ายห้องอีกครั้ง แต่ทั้งหมดก็ไม่ยินยอม จึงจัดเจ้าหน้าที่ชุดดูแลความปลอดภัยภายในเรือนจำ มานำผู้ต้องขังอื่น 9 คน ออกไป และ กักตัวผู้ต้องขังที่ไม่ยอมตรวจโควิด 14 วัน
"นพ.วีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์" ยืนยันว่า ตลอดเหตุการณ์ไม่มีการแตะตัวจำเลย และไม่มีเหตุวุ่นวายใดๆ เกิดขึ้น แต่จำเลยกลับพูดกับเจ้าหน้าที่ว่า "พรุ่งนี้มีเรื่องแน่" !!
สำหรับในเรือนจำแล้ว การตรวจโควิดในเวลากลางคืน ถือว่าเป็นเรื่องปกติในช่วงที่มีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด เพราะผู้ต้องขังอาจถูกส่งตัวมาถึง ในช่วงเย็น ช่วงค่ำ
ส่วนเรื่องจดหมายไปโผล่ในเฟซบุ๊กได้อย่างไรนั้น ปกติการคุมตัวผู้ต้องขังออกไปนอกสถานที่ เช่น ไปศาล จะมีการค้นตัว ทั้งขาไปและขากลับ รวมถึงการเยี่ยมญาติด้วย... ดังนั้นจดหมายของ"ทนายอานนท์" ไม่ได้นำออกไปจากเรือนจำแน่ และในเรือนจำไม่มีเครื่องมือสื่อสาร คาดว่าเป้นการเขียนจดหมายขณะอยู่นอกเรือนจำ ซึ่งกรณีนี้ ทางกรมราชทัณฑ์ ได้แจ้งความดำเนินคดีกับแอดมินเพจ"อานนท์ นำภา" ไปก่อนหน้านี้แล้ว 2 ครั้ง และจะแจ้งความเพิ่มอีก เพื่อสืบหาว่า แอดมินใช้งานจากที่ไหน แต่ยืนยันได้ว่าไม่ใช่จากในเรือนจำแน่นอน เพราะภายในเรือนจำ มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดทุกพื้นที่
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยังกล่าวถึงเรื่องที่"เพนกวิน" พริษฐ์ ชิวารักษ์ ประกาศจะอดอาหาร ในเรือนจำจนกว่าจะได้รับการปล่อยตัวนั้น ก็ได้ให้เจ้าหน้าที่ไปสอบถามถึงความต้องการ ก็ปรากฏว่า "เพนกวิน" บอกว่าจะ ดื่มเพียง น้ำ นม และเกลือแร่ เท่านั้น ก้ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่จัดเตรียมไว้ให้แล้ว พร้อมทั้งติดตั้งกล้องวงจรปิด เตรียมทีมแพทย์ พยาบาล และนักจิตวิทยา คอยจับตาดูแลความปลอดภัย หากพบว่ามีอาการป่วย ก็จะนำตัวส่งรักษา ที่ รพ.ราชทัณฑ์ ทันที
เรื่อง"เพนกวิน"อดอาหาร นี่ก็เป็นประเด็นดรามาในโซเชียลฯ เช่นกัน เพราะมีการถามไถ่กันว่า มีการประกาศอดอาหารตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค. ถึงวันนี้ ก็เป็นเวลา 3 วันเข้าไปแล้ว ไม่รู้จะเป็นอย่างไรบ้าง
ขณะเดียวกัน ก็ปรากฏว่า เฟซบุ๊กเพจ Street Hero Projectได้โพสต์ภาพใบเสร็จรับเงิน ของร้านสงเคราะห์ผู้ต้องขัง เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ลงวันที่ 15 มี.ค. และ17 มี.ค. ระบุ ชื่อผู้รับ คือ "นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ แดน 5" พร้อมรายการสินค้าที่ซื้อ มีทั้ง กาแฟ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป โจ๊กคัพ นมกล่อง นมถั่ว เหลือง น้ำผักผลไม้ ปลากระป๋อง ซีเล็คทูน่า หมูหยอง หอยลาย กล้วยตาก ขนมขบเคี้ยว ... รวมเป็นเงินกว่า 1 พันบาท
เห็นอย่างนี้แล้วคนที่เป็นห่วง "เพนกวิน" ว่าจะเอาชีวิตเข้าแลก ยอมอดตายในคุกก็คงสบายใจกันได้แล้ว !!