ข่าวปนคน คนปนข่าว
**แหมทำไปได้! “ผู้กำกับ ตาก” ล้อกันเล่นๆ ถูกหวยรางวัลที่ 1 ชุด 30 ล้าน! ชาวเน็ตแซวอยู่กับ “รองต๊ะ” ก็เหมือนถูกหวยอยู่แล้วหรือเปล่างานนี้
เล่นเอาฮากันเส้นกระตุก เมื่อ “พ.ต.อ.ธีรพัฒน์ ธารีไทย” ผกก.สส.ภ.จ.ตาก หรือ ผู้กำกับตูน “ม้าในคอก” ของ "รองต๊ะ" พ.ต.อ.เอกราษฎร์ อินต๊ะสืบ รอง ผบก.อก บช.ภ.6 นายตำรวจชื่อดังแห่งปรากฏการณ์ “เมียวดีคอมเพล็กซ์” จาก คดีสะท้านฟ้า สะเทือนดิน ที่ถูกพยานพาดพิงในคดีจับกุมยาไอซ์ล็อตใหญ่ ที่แม่สอด จ.ตาก ตัวจริงเสียงจริง...
หลังวันหวยออก ชวนลูกน้องเล่นกันขำๆ แต่ทำสำนักข่าวออนไลน์โพสต์และแชร์กันว่อนโซเชียลฯ แสดงความยินดีกับ “ผู้กำกับตูน-สืบจังหวัดตาก” ถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 ชุดใหญ่ 30 ล้าน! แถมพอข่าวแพร่สะพัดออกไป ทั้งเพื่อนเก่า ญาติเก่า ที่ไม่เคยเห็นหัวติดต่อกันเข้ามาจนรับโทรศัพท์ไม่หวาดไม่ไหว
ร้อนถึง ผู้กำกับต้องออกมาดับข่าวเฟก ... เฉลยว่า ภาพที่แพร่ออกไปเป็นการถ่ายทำล้อกัน เจ้าตัวออกมาบอกว่า แค่หยอกเย้าเล่นกับลูกน้อง โดยเอาหวยที่เลขตรงกับ 3 ตัวหน้า และ 3 ตัวหลัง มาพับหลอกให้สมาคมคนบ้าหวยหูตาแหกเล่นๆ คนที่เอาไปลงข่าว แชร์โพสต์ ไม่ได้เอาคลิป ที่ทำเฉลยไปด้วยเรื่องมันก็เลยกลายเป็น “โอละพ่อ” ทำสำนักข่าวลบโพสต์กันแทบไม่ทัน
งานนี้ชาวโซเชียลฯ คอหวยทั้งหลายหงายเงิบ ถอนความยินดีกันออกมาแทบไม่ทันเช่นกัน แหมก็ช่างทำกันไปได้ !
ขณะที่ชาวเน็ตบางรายแซวว่า ข่าวที่โด่งดังโดยเฉพาะท้องที่แม่สอดไปจนถึง จ.ตาก มี “รองต๊ะ” อยู่ทั้งคน ใครทำงานอยู่ร่วมด้วยก็ถือว่า ถูกหวยอยู่แล้วทุกวันหรือเปล่างานนี้ เพราะกิตติศัพท์ ความใจกว้าง เป็นคนมีน้ำใจ นายตำรวจเพื่อนร่วมรุ่นถึงกับเรียกรองต๊ะ ว่า “บอส” ก็คงไม่ธรรมดา ... ยิ่งเป็นม้าในคอก หรือลูกน้อง “รองต๊ะ” รับประกันความโชคดี ส บ ม ย ห .
ข่าวแว่วว่า ตั้งแต่เรื่องราวของ “รองต๊ะ” ดังกระฉ่อน และชื่อของเมียวดีคอมเพล็กซ์ โด่งดังขึ้นมาในฐานะอัครสถานบันเทิงและกาสิโนที่อยู่ตรงข้ามแม่สอด แค่เดินข้ามแม่น้ำเมยก็ถึง ได้มีตำรวจหลายรายพยายามขอย้ายมาที่ ภาค 6 นัยว่า เป็นแผ่นดินทองของแท้ในยุคนี้
แม้ช่วงนี้เมียวดีจะเงียบๆ ไป ขาเล็กขาใหญ่ ขาวีไอพี แอบลุ้นกันว่า หลังรัฐบาลกระจายวัคซีนต้านไวรัสมฤตยูเรียบร้อย น่าจะเตรียมพบโปรฯ ลด แลก แจก แถม จากเมียวดีคอมเพล็กซ์ อย่างแน่นอน
เมียวดีคอมเพล็กซ์กลับมาคึกคักเมื่อไหร่ แน่นอนว่า มีใครหลายคนจะดีใจยิ่งกว่าถูกหวยเสียอีก ...รอดูไดัเลย.
** ม็อบ 3 นิ้วเปิดแนวรบสถาบันตุลาการ ปั่นกระแสแกนนำจะถูก “อุ้มฆ่า” ในคุก ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วรัฐบาลมีแต่จะดูแลอย่างดี ยิ่งกว่าไข่ในหิน
การเคลื่อนไหวของ “ม็อบ 3 นิ้ว” ที่พยายามป่วนรัฐบาล ขับไล่นายกฯ จาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง อาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ แก้รัฐธรรมนูญ หมวดพระมหากษัตริย์ ... เรียกว่า เปิดแนวรบทั้งฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร สถาบันฯ แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับจากสังคม
ถึงวันนี้ ม็อบ 3 นิ้ว ก็หันมาเปิดแนวรบกับอำนาจตุลาการ หลังแกนนำถูกดำเนินคดีแล้วศาลไม่ให้ประกันตัว ... โดยเมื่อวันก่อนที่ “เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์ กับพวก รวม 22 คน ถูกนำตัวไปศาลเพื่อตรวจพยานหลักฐาน ในคดีความผิดฐานดูหมิ่นสถาบันฯ ร่วมกันมั่วสุมชุมนุมฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, 116 เเละ ข้อหาอื่นที่เกี่ยวข้อง จากกรณีการชุมนุมปักหมุดท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ 19-20 ก.ย. 63
ในห้องพิจารณาคดีของศาล “เพนกวิน” ได้ขออนุญาตแถลงต่อศาลถึงความอึดอัดที่อยู่ในใจ แต่ศาลไม่อนุญาต กระนั้น “เพนกวิน” ก็ยังฝ่าฝืน โดยประกาศถึงความอึดอัดใจว่า เหตุใดศาลไม่ให้ประกันตัว ทั้งที่ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ คดียังไม่มีคำตัดสิน ต่างกับคดี กปปส. ที่ตัดสินแล้วว่ามีความผิด แต่ได้ประกันตัว และไม่ถูกตัดผมอีกด้วย พร้อมกันนี้ ก็ได้ประกาศว่าจะประท้วงด้วยการอดข้าว ดื่มแต่น้ำ จนกว่าจะได้รับการประกันตัว ...ขณะที่มวลชนที่เข้าไปร่วมฟังการพิจารณา ก็ร่วมผสมโรง แสดงความไม่พอใจ กรีดร้อง ขว้างขวดน้ำลงพื้น สร้างความวุ่นวายในห้องพิจารณาคดี
พฤติกรรมดังกล่าวถือว่าเป็นการละเมิดอำนาจศาล และวิพากษ์วิจารณ์ศาลซึ่งหน้าว่า “สองมาตรฐาน” !!
ล่าสุด “อานนท์ นำภา” หนึ่งในแกนนำที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ ก็เขียนจดหมายฝากให้คนภายนอกโพสต์ในเพจเฟซบุ๊กของตนเองว่า … เมื่อคืนวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 21.30 น. ได้มีเจ้าหน้าที่เรือนจำพยายามนำตัว “ไผ่ และ ไมค์” ไปควบคุมนอกแดน พวกเราไม่ยอม เพราะเป็นเวลาวิกาล จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้กลับออกไปจากห้องขัง แล้วกลับมามากกว่าเดิม พร้อมกระบอง เวลา 23.45 น., 00.15 น. และ 02.30 น. โดยสองครั้งหลัง เจ้าหน้าที่มาพร้อมเจ้าหน้าที่อีกชุดสีน้ำเงินเข้ม แต่ไม่ติดป้ายชื่อ แล้วแจ้งว่าจะพาทั้งหมดไปตรวจโควิด พวกเราไม่ยอม เพราะผิดวิสัยที่จะนำผู้ต้องขังออกนอกแดนในเวลาหลังเที่ยงคืน
“ทนายอานนท์” ยังอ้างถึงข่าวลือว่าจะมีการส่งคนเข้าไปทำร้ายหมายเอาชีวิตพวกเขาในเรือนจำ และเกรงจะเสียชีวิตในเรือนจำเหมือนคนอื่นๆ ... “ผมไม่ได้นอนทั้งคืนเพราะเกรงอันตราย...ได้โปรดช่วยชีวิตพวกเราด้วย”
เป็นความพยายามสร้างกระแสเพื่อจะบอกว่า บรรดาแกนนำ 3 นิ้ว แม้จะอยู่ในคุกก็ยังไม่ปลอดภัย เพราะมีเจ้าหน้าที่จ้องจะ “อุ้มฆ่า” !!
สอดรับกับทาง “ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน” ก็ได้ยกเหตุนี้ขึ้นมาเป็นข้ออ้างใหม่ ในการยื่นขอประกันตัวบรรดาแกนนำ ที่โดน คดี ม.112 ทั้ง 7 คน ว่าอาจมีอันตรายถึงชีวิต จากการกระทำของเจ้าหน้าที่
เมื่อเรื่องนี้มีการเผยแพร่ออกไป “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.ยุติธรรม ก็สั่งให้มีการตรวจสอบ ที่มาที่ไปของเรื่องราวทันที ...ซึ่งก็ได้รับคำชี้แจงจากกรมราชทัณฑ์ว่า เป็นข้อปฏิบัติในการรับตัวผู้ต้องขังที่มาจากภายนอก ทั้งที่ถูกเบิกตัวไปขึ้นศาล หรือไป รพ.ภายนอก ก็จะต้องถูกกักตัวในห้องกักโรค เป็นเวลา 14 วัน กรณีของ “ไมค์และไผ่” ที่เพิ่งย้ายมาจากเรือนจำพิเศษธนบุรี ซึ่งเป็นย่านที่มีความเสี่ยงแพร่ระบาดโควิด-19 เมื่อเข้ามาอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ จึงต้องมีการตรวจคัดกรอง กักตัว ตามมาตรการป้องกันโควิดเพื่อความปลอดภัยของผู้ต้องขัง ... ไม่ใช่เป็นการปฏิบัติสองมาตรฐาน และไม่ได้เป็นการ “อุ้มฆ่า” อย่างที่ทนายอานนท์ มโนหลอน
ขณะที่ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พอทราบข่าว ก็ได้ย้ำไปว่า ทุกอย่างให้ดำเนินการตามกฎหมาย ต้องคุ้มครองผู้ต้องหาอย่างที่สุด ... พร้อมสั่งให้ติดกล้องวงจรปิด เพื่อดูว่ามีใครไปทำอะไรหรือเปล่า หรือพวกเขาทำตัวเองเพื่อสร้างกระแสหรือเปล่า จะได้มีภาพเป็นหลักฐาน
เพราะ “ลุงตู่” ก็พอจะรู้ทันว่า บรรดาแกนนำม็อบ 3 นิ้ว ที่อยู่ในคุก กำลังพยายามสร้างเงื่อนไข สร้างประเด็น ให้แนวร่วมใช้เป็นข้ออ้างในการเคลื่อนไหว ชุมนุม โจมตี กดดันสถาบันตุลาการ ให้ปล่อยตัวพวกเขา
ในสถานการณ์ที่ม็อบ 3 นิ้ว กำลังหมดมุก ปลุกแนวร่วมมวลชนไม่ขึ้น รัฐบาลคงไม่ปล่อยให้บรรดาแกนนำพวกนี้ตายในคุก จนเป็นเงื่อนไข “จุดม็อบ” รอบใหม่ ... ตรงกันข้ามมีแต่จะดูแลยิ่งกว่าไข่ในหินเสียอีก !!
