บทบาทลีลาแตกต่างกันไป! “ดร.อานนท์” สุดแสนเวทนา “รุ้ง” ร่ำไห้เข้าคุก “โรม” แต่งหรูหราหมาเห่า แถมบอกอย่างภาคภูมิใจ ว่างานแต่งของตน เป็นการลั่นกลองรบเพื่อสังคม “3 นิ้ว” กุเรื่องเสี่ยงชีวิตในคุก สร้างเงื่อนไขขอประกันตัว
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (16 มี.ค.) ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า
“คุณโรม รังสิมันต์ ยังอ้างว่า พวกตนเองยังไม่ถูกศาลพิพากษา ถือว่าเป็นคนบริสุทธิ์อยู่ ต้องให้ประกันตัว presumption of innocence และสิทธิมนุษยชน
เมื่อวาน เพนกวิน อาละวาด ละเมิดอำนาจศาล กร่างบริสุทธิ์ ขนาดนั้น อย่าฝันไปเลยว่า จะได้ประกันตัว สมยศ ร้องไห้กลางศาล ตอนที่เพนกวินอาละวาด ละเมิดอำนาจศาล คงสงสารตัวเอง เพราะรู้ว่าตนเองมาลงเรือลำเดียวกันจะซวยไปด้วยหรือไม่
คุณฉลองแต่งงานอย่างมีความสุข หรูหราหมาเห่า
ผมเห็นน้ำตา น้องรุ้ง แล้วได้แต่สะท้อนทอดถอนใจ ด้วยความเมตตาและเวทนารุ้งอย่างยิ่ง ผมร่างแถลงการณ์ธรรมศาสตร์พิทักษ์ธรรม ให้ธรรมศาสตร์ไปอำนวยความสะดวกให้น้องรุ้งกับเพนกวินได้เรียนหนังสือในคุกให้จบ ถึงจะติดคุกยาวๆ แค่ไหนก็ตาม
ผมไม่เข้าใจว่า การจบปริญญาตรีกฎหมายด้วยการยืมเงิน กยศ. เรียน ไม่ได้ทำให้คุณสำนึกบุญคุณแผ่นดินเป็นนักกฎหมายที่ดี มีจิตสำนึกในหลักสุจริตและหลักวิญญูชนเลยหรือ
คุณบอกว่า พวกคุณบริสุทธิ์อยู่ ยังไม่มีคำพิพากษา ไม่แน่ใจว่า คุณแยกระหว่างผู้สงสัยกับผู้ต้องหาออกจากกันได้ไหม นี่ไม่ใช่คดีเชอรี่แอนดันแคน สมัยนี้กล้องมีเยอะ
พวกคุณเองชักใยเด็กเบื้องหลัง ให้เด็กกล่าววาจาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ยุยงให้เกิดความวุ่นวายปลุกปั่นในบ้านเมือง อาฆาตมาดร้าย และด้อยค่าสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยที่คุณทำหลักฐาน digital footprint ไว้ครบถ้วนหมด โดยการออก Facebook live แทบจะตลอดเวลา เก่งการใช้สื่อดิจิทัล แต่ก็ลืมไปว่า digital footprint ที่เกิดนั้น คือ หลักฐานมัดตัวว่า เป็นผู้กระทำความผิดทางอาญาชั้นดีเยี่ยม
พวกคุณมันเลวบริสุทธิ์ โง่บริสุทธิ์ และกร่างบริสุทธิ์ แต่ไม่มีเหตุอันต้องสงสัยได้เลยว่า พวกคุณคือผู้บริสุทธิ์ คดีตั๋วช้างคุณโรม รังสิมันต์ ก็กล่าวหาในหลวงและพระราชินี ใส่ร้ายป้ายสีพระองค์ท่าน ทำความผิดหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเช่นกัน
ยิ่งคดี แอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์ บุกรุกสถานที่ราชการในยามวิกาล เผาโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างคือพระบรมฉายาลักษณ์ และถ่ายวิดีโอคลิปนำเข้าระบบคอมพิวเตอร์ อันเป็นภัยความมั่นคงและหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
คุณโรม รังสิมันต์ ทราบหรือไม่ว่า ตำรวจเก็บหลักฐานมีคลิปวิดีโอ ตั้งแต่แอมมี่ไปเอารถมารดาที่บ้านที่เมืองทอง แล้วขับออกมา มีคลิปวิดีโอตอนแอมมี่เข้ามาในเขตรั้วคุก มีคลิปถ่ายแอมมี่ตอนที่ปีนนั่งร้านจะไปเผาพระบรมฉายาลักษณ์ แล้วตกร่วงลงมาจนเจ็บ
มีคลิปตอนแอมมี่หิ้วถังน้ำมันไปสาดใส่พระบรมฉายาลักษณ์ คลิปแอมมี่ กำลังจุดไฟแช็กเผา แล้วถอยออกมาถ่ายวิดีโอ ไปจนกระทั่งคลิปแอมมี่ขับรถกลับไปบ้านที่เมืองทองธานี คลิปวิดีโอที่แอมมี่เอากระดาษมาปิดบังป้ายทะเบียนรถที่จะขับหนีไปอยุธยา มีคลิปแอมมี่ ไปนอนโรงพยาบาลราชธานีที่อยุธยา หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ มีถังน้ำมันและไฟแช็กที่แอมมี่ โง่บริสุทธิ์ ทิ้งไว้ในที่เกิดเหตุ พร้อมลายนิ้วมือ
คดีโตโต้ ตำรวจก็มีพยานหลักฐานการหลบหนี การกระทำความผิดชัดเจน คลิปวิดีโอ ทั้งหลาย กล้องวิดีโอในที่สาธารณะ เขาไปหามาจนครบหมดแล้ว คุณยังจะแถบิดเบือนกฎหมาย สืบสายสันดานกะปิบูด อีกหรือ ว่านี่คือบริสุทธิ์ ให้ยกประโยชน์ให้จำเลย คุณยังจะบอกอีกหรือว่านี่คือสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพ ในการกระทำความผิดทางอาญา พวกคุณมันเลวบริสุทธิ์ กร่างบริสุทธิ์ และโง่บริสุทธิ์ โดยแท้
ผมขอท้าอีกรอบ ให้คุณมาดีเบตกับผม ออกรายการโทรทัศน์ แล้วผมจะเอาคลิปและหลักฐานทั้งหมด ตลอดจนข้อกฎหมายมาแฉความชั่ว การแถและการบิดเบือนกฎหมายของคุณและของพวกคุณ ผมพร้อมเสมอ แม้ว่าผมจะไม่ได้จบปริญญานิติศาสตร์บัณฑิตแบบคุณที่เรียนแปดปี
ผมไม่ได้เป็นคนเก่ง แต่การโต้วาทีแบบนี้ มันง่ายมาก เพราะผมยืนยันตามหลักฐานและข้อเท็จจริงอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ด้วยหลักสุจริตและหลักวิญญูชน และยึดความสงบเรียบร้อยมั่นคงของชาติบ้านเมือง ตลอดจนต้องการธำรงไว้ซึ่งหลักนิติรัฐ ถ้าฮันนีมูนจบแล้ว กรุณามารับคำท้าผมด้วย”
ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊ก Rangsiman Rome ของ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความระบุว่า
“ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับงานมงคลสมรสของผมกับ Ivana Kurniawati ผมขอขอบคุณทุกคนมากที่มาร่วมงาน และต้องขอโทษต่อคนที่ผมไม่ได้เชิญจริงๆ เนื่องจากเป็นมาตรการโควิดของรัฐบาล ทำให้การเชิญแขกที่จะมาร่วมงานอาจจะไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ อย่างที่ผมและ Ivana ตั้งใจเอาไว้
ผมต้องเล่าว่า กว่าจะมีงานแต่งเกิดขึ้น เราค่อนข้างทุลักทุเลพอสมควร คนใกล้ชิดจะรู้ว่างานแต่งของผมเลื่อนมาแล้วถึง 3 ครั้ง ตอนแรกจะจัดปลายเดือนมิถุนายน 2563 แต่เพราะโควิดกำลังระบาดทั้งในประเทศไทยและในอินโดนีเซีย จึงตัดสินใจเลื่อนไปเป็นปลายเดือนพฤศจิกายน แต่จนแล้วจนรอด ก็ต้องเลื่อนอีก เพราะครอบครัวฝ่ายเจ้าสาวมาไม่ได้เลย เนื่องจากโควิดที่อินโดนีเซียไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น ก็เลยตัดสินใจเลื่อนอีกครั้งเป็นวันที่ 13 มีนาคม 2564 ปรากฏว่าช่วงต้นปีนี้ โควิดในประเทศไทยกลับมาระบาดอีกเป็นระลอกที่สอง ทำให้ลังเลมากว่าจะจัดดีมั้ย แต่สุดท้ายเมื่อสถานการณ์เริ่มดีขึ้นจึงตัดสินใจว่า จัดไปเลยดีกว่า เพราะไม่รู้ว่าจะได้จัดเมื่อไหร่ ไม่รู้ว่าสถานการณ์โควิดมันจะนิ่งเวลาไหน น่าเสียดายที่ครอบครัวฝ่ายเจ้าสาวมาไม่ได้เลยสักคนเดียว
แต่ถึงเราจะเจอกับความยุ่งยากอีรุงตุงนังต่างๆ มากมาย แต่เราก็ผ่านมันมาได้ ซึ่งในที่นี่ผมต้องขอขอบคุณทุกคนมากๆ ครับ ไม่ว่าจะเป็นพี่แมน บาส ปั้น พี่ทอป ฟลุค อ้อม พี่มิ้นท์ พี่เจนวิทย์ เอ๋ย พี่พิคและทีมงาน น้องพณาลูกพี่จ๋า วงสามัญชน ออกาไนเซอร์ ช่างภาพ ช่างวิดีโอ ช่างแต่งหน้า และดีไซเนอร์ ด้วยครับ
อย่างไรก็ตาม มีจุดที่น่าเสียดายอยู่จุดหนึ่ง คือ แขกบางส่วนที่ผมตั้งใจจะเชิญแต่ไม่สามารถมาได้ ไม่ว่าจะเป็นไผ่ที่ต้องมาเล่นดนตรี หรือแอมมี่ที่มีคิวร้องเพลง 1 2 3 4 5 ในงานด้วย หรือโตโต้ หรืออานนท์ และอีกหลายคนที่หากไม่ได้ถูกควบคุมตัวอยู่ก็คงจะได้มาสนุกด้วยกันในงานแต่งนี้เช่นเดียวกัน
ทุกท่านครับ หลายคนคงสงสัยว่า เพราะเหตุ งานแต่งของผม และ Ivana ถึงมีบรรยากาศทางการเมืองอยู่ในนั้น นั่นก็เพราะ เราไม่สามารถแยกชีวิตของเราออกจากการเมือง เช่นเดียวกัน ถ้าความรักคือส่วนหนึ่งของชีวิต เราก็ไม่สามารถแยกความรักออกจากการเมืองได้ด้วย
สุดท้ายนี้ งานแต่งครั้งนี้ไม่ใช่แค่งานเลี้ยงเฉลิมฉลองของบ่าวสาวที่ได้ครองคู่กันเท่านั้น แต่มันคือการลั่นกลองรบที่ต้องการเห็นสังคมเปลี่ยนแปลง ที่ไม่ใช่เพื่อสองเรา แต่เพื่อทุกคน”
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เฟซบุ๊ก ซึ่งต้องพิสูจน์ โพสต์ข้อความระบุว่า
16 มี.ค.64 “หมอที่กรมราชทัณฑ์” ชี้เเจงต่อหน้า “เจี๊ยบ” เหตุที่ต้องตรวจโควิด “กลุ่มราษฎร” ตอนกลางคืน เพราะ “กลุ่มราษฎร” เพิ่งออกไปขึ้นศาลมา เพื่อความปลอดภัย ของผู้ต้องขังคนอื่น
จากรณีที่ นายอานนท์ นำภา ได้มีเขียนข้อความ ยื่นต่อศาลอ้างว่า เมื่อคืนวันที่ 15 มี.ค. จนถึง 16 มี.ค. 64 มีทางเจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ เข้าไปในห้องคุมขังเหล่าเเกนนำ “กลุ่มราษฎร” โดยอ้างว่า เพื่อตรวจโควิด
เเต่ทางด้าน นายอานนท์ นำภา อ้างว่า มีข่าวลือว่า จะมีการส่งคนเข้าไปทำร้ายพวกตนเองในเรือนจำ ซึ่งตนเองเกรงว่า อาจจะได้รับอันตรายในเรือนจำ
------------
เเละเวลาประมาณ 14.00น. ทางด้าน เจี๊ยบ ก้าวไกล ก็ได้ไปยื่นหนังสื่อเพื่อขอสอบถามกับทาง กรมราชทัณฑ์ โดยมีทางตัวเเทน ที่เป็นคุณหมอที่กรมราชทัณฑ์ ออกมาชี้เเจง สรุปประเด็นได้ดังนี้
1. การตรวจโควิด ตอนกลางคืน ไม่ใช่การตรวจครั้งเเรก เเละในการตรวจครั้งก่อน ก็ยอมรับการตรวจเเต่โดยดี เเละทางกรมราชทัณฑ์ มีศูนย์ตรวจในเรือนจำ ไม่ได้นำตัวออกไปข้างนอกเรือนจำ
2. ผู้ต้องขังในห้องนั้น มีทั้งหมด 15 คน เป็นเเกนนำกลุ่มราษฎร 7 คน
3. เเละสืบเนื่องจาก เมื่อวานนี้ 15 มี.ค. “เเกนนำกลุ่มราษฎร” ได้ออกไปนอกเรือนจำเพื่อไปขึ้นศาล ทาง กรมราชทัณฑ์ จึงต้องจัดให้มีการตรวจโควิด ตามมาตรการควบคุมป้องกันโควิด
4. การที่เจ้าหน้าที่ เข้าไป ตอนตี 2 เพื่อนำ 9 คนที่ยอมตรวจโควิด ออกมา เพื่อความปลอดภัยตามมาตรการการป้องกันโควิด เพราะ ทั้ง 7 คนนั้น ไม่ยอมออกไปอยู่ห้องอื่น เลยต้องนำตัว 9 คนที่ไม่ใช่เเกนนำออกไป
*************
ทั้งนี้ จากกรณี คำร้องที่ อานนท์ ยื่นต่อศาล ทางทนาย เเละทางด้านเเม่ เพนกวินได้นำประเด็นนี้ ไปยื่นต่อศาลขอให้ประกันตัว เหตุ อ้างว่าอาจจะเกิดอันตรายต่อเหล่าเเกนนำ
ด้าน นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก กรณี นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน” แกนนำกลุ่มราษฎร ประกาศอดอาหารในเรือนจำประท้วงศาล หลังเจ้าตัวไม่ได้รับอนุญาตประกันตัว ระบุว่า
“อย่ามาขู่
การพิจารณาคดี ผู้ต้องหาต้องสำรวม จะมาแสดงอิทธิฤทธิ์ ยืนอ่านแถลงการณ์บ้าบอไม่ได้ หรือพูดข่มขู่ ถือเป็นการไม่เคารพ และละเมิดศาล
การจะได้ประกันตัว ไม่ใช่สิทธิ เป็นดุลยพินิจของศาล ไม่ใช่เรื่องละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานอย่างที่กล่าวอ้างกัน
เสรีภาพในการแสดงออกเป็นสิทธิ แต่ต้องไม่ละเมิดล่วงเกินสิทธิของคนอื่น หรือทำผิดกฎหมาย ถ้าไม่รักษากฎหมาย การปกครองนั้นๆ ไม่ใช่ประชาธิปไตย แต่เป็นอนาธิปไตย
การชุมนุมประท้วงสามารถกระทำได้ภายใต้ขอบเขตแห่งกฎหมาย ซึ่งไทยไม่ได้ให้สิทธิน้อยกว่าตะวันตก แถมตำรวจยังอะลุ่มอล่วยต่อรองได้
อยากอดข้าวประท้วง ก็ทำไป หากศาลยอมให้ข่มขู่ ยอมให้ประกัน ม็อบคงกระชุ่มกระชวยไม่ต้องกลัวติดคุก.”
แน่นอน, สาระสำคัญที่น่าจับตามอง มิใช่บทบาทลีลาที่แตกต่างกันไปของแต่ละคน ซึ่งจัดเตรียมกันไว้แล้ว อย่างที่ อ.แก้วสรร อติโพธิ วิเคราะห์เอาไว้ ว่า แกนนำม็อบก็คือ กลุ่มคนที่มีหน้าที่ออกมา “วี๊ดบึ้ม” ส่วน สตาฟฟ์เชียร์ ชมรมเชียร์ คือ ผู้อยู่เบื้องหลัง คอยคุมจังหวะจะโคนในการแสดง แถมเป็นผู้วางแผนทุกอย่างให้
เพนกวิน, รุ้ง และแกนนำ 3 นิ้วทั้งหมดก็เช่นเดียวกัน สังเกตหรือไม่ว่า แถลงการณ์แต่ละครั้ง มันดูมีมิติของผู้เชี่ยวชาญมากกว่าที่จะเป็นเด็กนักศึกษา ที่เรียนยังไม่จบ แถมทำอะไรดูไร้เดียงสา แม้กระทั่งทำผิดกฎหมาย ไม่สมกับที่เขียนแถลงการณ์ออกมาอย่างแยบยล อย่างนี้จะให้คิดว่าเขียนเอง อย่างนั้นหรือ
หากแต่เป็น “เกม” การหาเรื่องใหม่ หรือ “เงื่อนไขใหม่” มาให้ศาลพิจารณาให้ประกันตัว ซึ่งทั้งแกนนำ 3 นิ้ว ที่ถูกคุมขังในเรือนจำ กับทนายความ และญาติของผู้ต้องหา อาจวางแผนร่วมกันมาแล้ว? ทุกอย่างจึงดูสอดรับกัน
กรณีอ้างว่า มีข่าวลือ (อาจลือกันขึ้นมาเอง) ว่า จะมีคนเข้ามาเอาชีวิตแกนนำในคุก จากนั้นฉวยโอกาสที่มีเจ้าหน้าที่ของเรือนจำ เข้ามานำตัวเพื่อนบางคนยามวิกาล ไปตรวจโควิด-19 แต่ทนายอานนท์ เล่าเป็นตุเป็นตะว่า เมื่อพวกตนไม่ยอม ก็มีการเข้ามาหลายครั้ง มีการเปลี่ยนชุดเจ้าหน้าที่ แถมพกกระบองมาด้วย จึงห่วงว่า เพื่อนอาจถูกนำออกนอกเรือนจำ และน่ากลัวมาก ว่าจะมีคนมาเอาชีวิต อย่างที่มีข่าวลือ
แต่ไฮไลต์ มันอยู่ตรงนี้ หลังทนายอานนท์ ยื่นเรื่องดังกล่าวต่อศาล ทางทนาย เเละเเม่ของเพนกวิน ได้นำประเด็นนี้ ไปยื่นต่อศาลขอให้ประกันตัว อ้างว่าอาจจะเกิดอันตรายต่อเหล่าแกนนำ
นั่นไง! สุดท้าย ก็เผยไต๋ออกมาจนได้ แผนตื้นๆ อย่างนี้ ใครคิดไม่ออก ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว