“สามนิ้ว” คิวคุกแน่นเอี๊ยด ป่วนอีกก็เกมเร็ว !!

เมืองไทย 360 องศา

เพิ่งโดนไปอีกรายล่าสุด สำหรับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ใช้สัญลักษณ์ “สามนิ้ว” คือ นายชูเกียรติ แสงวงศ์ หรือที่มีชื่อฝรั่งว่า “จัสติน” ที่ตามข่าวบอกว่าเป็นระดับแกนนำด้วยเหมือนกัน ซึ่งศาลอนุญาตให้ฝากขังต่อในระหว่างการสอบสวนพยานเพิ่มเติมอีก 12 วัน

โดยผู้ต้องหารายนี้ มีอายุ 30 ปี ภูมิลำเนา จ.สมุทรปราการ เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลอาญาที่ 519/2564 คดีทำลายพระบรมฉายาลักษณ์ ที่สนามหลวง โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน “หมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายใน ความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญฯ” โดยเป็นการกระทำความผิด เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ที่ผ่านมา

สำหรับผู้ต้องหารายนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า เคยกระทำความผิดในลักษณะเดียวกันมาแล้วหลายครั้ง โดยผู้ต้องหาเคยกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ในท้องที่ สน.ลุมพินี ตามคดีอาญา ที่ 1092/2563 กระทำความผิด มาตรา 112 ท้องที่ สน.ท่าพระ ซึ่งได้มีการแจ้งข้อกล่าวหา และคดีอยู่ระหว่างการสอบสวน กระทำผิด มาตรา 112 ท้องที่ สน.บุปผาราม และยังกระทำผิด มาตรา 116, 225 และความผิดเกี่ยวกับโบราณสถานในท้องที่ สน.ชนะสงคราม

พิจารณาจากพฤติการณ์แห่งคดี ถือว่าเป็นการกระทำผิดซ้ำซาก ต่อเนื่องกันหลายครั้งในแบบที่ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย โดยทางพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว และหลังจากที่มีการไต่สวนพยานหลักฐานต่างๆ แล้ว ในที่สุดศาลก็มีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขังได้ ก็เป็นอันว่า “จบเกม” ตั้งแต่เริ่มต้นเลยทีเดียว

จะว่าไปแล้วสำหรับผู้ต้องหารายนี้ มีพฤติกรรมที่เข้าข่ายกระทำผิดเกี่ยวกับ “พระมหากษัตริย์” และสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามมาตรา 112 ต่อเนื่องกันหลายครั้ง ถูกออกหมายจับหลายครั้ง จนกระทั่งเพิ่งถูกตำรวจจับกุมตัวได้ เมื่อวันที่ 22 มีนาคม ที่ผ่านมา หลังจากมีการก่อเหตุไม่บังควรกับพระบรมฉายาลักษณ์ จากการชุมนุม เมื่อวันที่ 20 มีนาคม

แม้ว่าตามขั้นตอนของกฎหมาย ผู้ต้องหารายนี้ยังสามารถยื่นขอประกันตัว หรือขอปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างถูกดำเนินคดี แต่เมื่อพิจารณาจากพฤติการณ์แห่งคดี รวมไปถึงข้อหาความผิดหลายข้อหาที่มีอัตราโทษสูง อีกทั้งยังเป็นการกระทำในลักษณะอุกอาจ ก็น่าจะ “ลุ้นยาก” อยู่เหมือนกัน แต่อย่างน้อยในชั้นตอนสอบสวน ศาลก็อนุญาตให้ฝากขังได้เป็นเวลา 12 วัน

นี่คือตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า สำหรับผู้ต้องหาที่แม้อยู่ในชั้นตำรวจ หรือชั้นสอบสวน แต่หากถูกดำเนินคดีความผิดตาม มาตรา 112 ที่มีหลักฐานความผิดค่อนข้างชัดแจ้ง โอกาสที่จะได้รับการประกันตัวถือว่ายากไม่น้อย

อีกด้านหนึ่งมันก็เหมือนกับการส่งสัญญาณให้เห็นว่า บรรดาแกนนำ “สามนิ้ว” ไม่ว่าจะรุ่นไหน รุ่นสอง รุ่นสาม อะไรก็ตาม ที่บางคนถูกมองว่าพยายามเคลื่อนไหวเพื่อสร้างความโดดเด่นขึ้นมา จนมีลักษณะที่ต้องแสดงออกแบบ “ห้าวเป้ง” หรืออาจเป็นเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ กระทำไปตามแรงยุยง ตามประสาวัยรุ่น เพราะหลายคนยังอยู่ในวัยนักเรียน นักศึกษา แต่หากมีการกระทำความผิดตามกฎหมายแล้ว เมื่อเป็นคดีแล้ว จะต้องเดินหน้าต่อไป โดยเฉพาะเป็นคดีอาญา จะหยุดกลางคันไม่ได้

แม้ว่าที่ผ่านมา หากสังเกตจะเห็นว่า ทั้งเจ้าหน้าที่และศาล พยายามอะลุ่มอล่วย มักจะได้รับโอกาสประกันตัวในชั้นสอบสวน แต่เมื่อยังมีการเคลื่อนไหวต่อเนื่อง และทำผิดในลักษณะเดิมซ้ำซาก เหมือนกับตัวอย่างของนายชูเกียรติ แสงวงศ์ หรือ “จัสติน” คนนี้ ที่มีพฤติกรรมทำผิดแบบซ้ำๆ ต่อเนื่องกัน และยังเป็นพฤติกรรมที่กระทำต่อ “องค์พระประมุขของชาติ” ถือว่า “อุกอาจเหิมเกริม” ท้าทายกฎหมายเป็นอย่างยิ่ง พฤติกรรมแบบนี้แหละที่มีโอกาส “คุกยาวๆ” ไปตั้งแต่เริ่มต้น

ขณะที่แกนนำสามนิ้วในชุดก่อนหน้านี้ รวมแล้วร่วมยี่สิบคน ที่มี นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน” นายอานนท์ นำภา นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ “รุ้ง” นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ “ไผ่ ดาวดิน” และ นายภาณุพงศ์ จาดนอก เป็นต้น คนพวกนี้ โอกาสที่จะได้รับการประกันตัวระหว่างการพิจารณาคดีแทบมองไม่เห็นเลย หลังจากมีความพยายามยื่นขอประกันตัวมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง แต่ก็ไม่เป็นผล

เนื่องจากศาลได้พิจารณาจากพฤติกรรมที่กระทำซ้ำๆ ในลักษณะเดิม ซึ่งในกรณีหลังนี้พวกเขามีสถานะเป็น “จำเลย” คดีเข้าสู่การพิจารณาในศาลแล้ว และหากไม่ได้รับการประกันตัว ก็ถือว่า “ยาวไป” จนจบ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาเป็นปี ซึ่งการถูกคุมขัง คงเป็นเรื่องทุกข์ใจเป็นแน่ โดยเฉพาะในช่วง “หน้าร้อน” แบบนี้

ดังนั้น หากพิจารณาตามรูปการณ์แล้ว นับจากนี้ไป ก็น่าจะได้เห็นบรรดาม็อบสามนิ้วทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่ หากยังไม่หยุดพฤติกรรม “ห้าวเป้ง” ยังเคลื่อนไหวในแบบรุนแรง โดยเฉพาะการกระทำความผิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามความผิดมาตรา 112 ก็เชื่อแน่ว่าจะต้องเดินเรียงแถวเข้าคุกกันยาวเหยียดแน่ และยิ่งในบรรยากาศที่ม็อบขาลงเหลือ “หลักร้อย” แบบนี้ ยิ่งป่วนก็ยิ่งเกมเร็ว อย่างที่ว่านั่นแหละ !!