ข่าวปนคน คนปนข่าว
**กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา ผิดแล้วผิดอีก “แอมมี่” เผาพระบรมฉายาลักษณ์ งานนี้หนักจนเกินอภัย
พลันที่ศาลอาญาอนุมัติหมายจับ “แอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์” ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหา คดีเผาพระบรมฉายาลักษณ์ หน้าเรือนจำคลองเปรม เมื่อคืนวันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา ผิด ป.อาญา มาตรา 112 พ่วงวางเพลิงเผาทรัพย์-พ.ร.บ.คอมฯ ชาวเน็ตต่างแสดงความเห็นกันเป็นวงกว้าง
หลักฐานต่างๆ นั้น ชี้มาที่ “แอมมี่” จากการสืบสวนของตำรวจ พบกล้องวงจรปิดที่จับภาพคนร้าย 3 คน และรถต้องสงสัย ทั้งขณะก่อเหตุ และ เส้นทางหลบหนี จึงเช็กข้อมูลจนเจอว่า เป็นรถของแม่แอมมี่ จึงขอหมายจับ แต่ “แอมมี่” ที่มีข่าวว่าพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ชิงหลบหนีไป ก่อนที่ตำรวจจะตามไปจับกุม
“ไชยอมร แก้ววิบูลพันธุ์” หรือ “แอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์” ถือเป็นฝ่ายม็อบ 3 นิ้ว ที่มีทัศนคติรุนแรงในเรื่องสถาบันฯ คนหนึ่ง ก่อนหน้านี้ เขากับ “ทราย เจริญปุระ” แม่ยกม็อบ 3 นิ้ว เพิ่งถูกวิพากษ์ถึงพฤติกรรมไม่เหมาะสมอย่างยิ่งที่ร่วมกันแต่งกายล้อเลียน ในหลวง ร.๙ ขณะทรงงานในถิ่นทุรกันดาร ที่เป็นภาพที่คนไทยจดจำถึงพระราชกรณียกิจ อันหาที่สุดมิได้ของพระองค์ เป็นภาพประวัติศาสตร์ ที่ทั้งคู่จะอ้าง “ประชาธิปไตย” อย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น เพราะส่อเจตนาชัดถึงการหลบหลู่ ดูหมิ่น เหยีบบย่ำหัวใจคนไทยส่วนใหญ่จนเกินจะรับได้
มาถึงกรณีเหตุการณ์เผาพระบรมฉายาลักษณ์ หน้าเรือนจำกลางคลองเปรม เหตุเกิดก่อนที่จะมีการชุมนุมของม็อบ 3 นิ้ว เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา แน่นอนว่า “แอมมี่” เจตนาจงใจจะป่วนสร้างสถานการณ์ให้ดูรุนแร งผสมโรงกับพรรคพวก
งานนี้ “แอมมี่และติ่ง 3 นิ้ว” จะอ้างว่าทำไปเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย ถูกรังแก ถูกตั้งข้อหา ม.112 อย่างไม่เป็นธรรม คงไม่ได้ และคงไม่ใช่ความคึกคะนอง ไม่รู้ความ แต่เป็นไตร่ตรอง จะทำลายทำร้ายจิตใจคนรักสถาบันฯไว้ก่อนอย่างเห็นได้ชัด เพราะกรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา ทำตัวเอง ผิดครั้งแล้วครั้งเล่า
คนๆ นี้หนักจนเกินอภัยจริงๆ
**กรณี “ไป่ ทาคุน” หายตัว ปลุกโซเชียลเมียนมา ออกมา Save นายแบบดังล้นหลาม จับตาพลังมวลชน จะลุกลามฮือล้มเผด็จการทหารถึงที่สุด
สถานการณ์ประท้วงรัฐประหาร เผด็จการทหารเมียนมา พีกมาหลายวัน เมื่อเจ้าหน้าที่จัดหนักสลายการชุมนุมแบบโหดๆ ปราบปรามผู้ชุมนุมอย่างถึงเลือดถึงเนื้อ ชนิดที่มีรายงานมีผู้ชุมนุมเสียชีวิตไปหลายคน
มวลชนที่ออกมาประท้วงทหารเมียนมาครั้งนี้ ต้องบอกว่า มีคนในวงการบันเทิง นางแบบ นายแบบ ชื่อดังที่คนเมียนมารู้จักเป็นอย่างดี รวมไปถึง “ไป่ ทาคุน” นายแบบที่ดังข้ามประเทศมาถึงไทย รวมอยู่ด้วย
“ไป่ ทาคุน” เป็นคนดังคนแรกๆ ที่ออกมา Call out แสดงจุดยืนต่อต้านเผด็จการทหารเมียนมา ด้วยการโพสต์ข้อความ และ แสดงสัญลักษณ์ 3 นิ้ว ประท้วง ตามมาด้วยการ “ลงถนน” ร่วมชุมนุมกับมวลชนตลอด
พอทหารปราบมวลชนหนักๆ และมีข่าวว่า กำลังไล่ล่า “ไป่ ทาคุน” และมีภาพที่อ้างว่าเป็นรถทหาร ไปจอดอยู่ในย่านบ้านพักของไป่ พร้อมๆ กับมีข่าวสะพัดว่า ทหารบุกไปที่บ้านของเขาแล้ว ก็มีแฟนคลับ และประชาชนเมียนมาที่เกาะติดข่าว เป็นห่วงนายแบบดังที่พวกเขายกให้เป็น “ผู้กล้า” และเป็นห่วงหนักขึ้นเมื่อ “พี่สาว” ไป่ ทาคุน ได้โพสต์เฟซบุ๊กช่วงเที่ยงคืนวันจันทร์ (1 มี.ค.) ที่ผ่านมา ว่า เธอติดต่อน้องชายไม่ได้ หากใครทราบข่าวเขาก็ขอให้แจ้งเธอด้วย
ฟังวา โพสต์นี้ของพี่สาว ไป่ ทาคุน ทำให้โซเชียลของเมียนมา ร้อนระอุ มีผู้คนออกมา “Save ไป่ ทาคุน” ล้นหลาม
งานนี้ “นายพลมิน อ่องหล่าย” และพวกพ้องเผด็จการทหาร ต้องมีสั่นไหวแน่ เพราะ “ไป่ ทาคุน” ไม่ธรรมดา เขา และ พี่สาว ได้ใช้โซเชียลมีเดียของเขาและเธอเป็นกระบอกเสียงเรียกร้องประชาธิปไตยสู้กับกระบอกปืนมาต่อเนื่อง จนถือเป็นกำลังสำคัญของฝ่ายประชาชนไปแล้ว
ว่ากันว่า เมื่อ 2 วันที่แล้ว “ไป่ ทาคุน” เพิ่งโพสต์สตอรี่ในไอจี ว่า “หากผมถูกจับ ขอให้ทุกคนต่อสู้เพื่อประเทศชาติแทนผมต่อไปด้วย” คาดว่า นายแบบหนุ่มทราบว่าตัวเองตกเป็นเป้าของทหาร หรือไม่ก็ถูกคุกคาม แต่ยังยืนยันว่าจะเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง
ข่าว นายแบบดัง กระแสที่เขาถูกคุกคาม ตามล่าตัว และหายตัวไป จะส่งผลต่อการปลุกพลังประชาชนเมียนมาให้ออกมาล้มอำนาจรัฐเผด็จการมากขึ้นๆ อย่างถึงที่สุดโดยไม่ต้องสงสัย แม้จะเผชิญการปราบปรามหนักๆ ก็ตาม
เรื่องนี้จะกลายเป็นจุดเปลี่ยนการเมืองและขั้วอำนาจในเมียนมาแค่ไหน โปรดติดตามกันให้ดีๆ
** “ณัฏฐพล” สำคัญผิดไปหรือเปล่าว่า ลุงๆ ยังให้ค่า กปปส. ถึงเสนอชื่อ “ชาญวิทย์ วิภูศิริ” มาเป็นนอมินี คุมกระทรวงศึกษาฯ
ผลจากคดีการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ที่ทำให้รัฐมนตรีในโควตาของกลุ่ม กปปส. ต้องพ้นจากตำแหน่ง 3 คน คือ “พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์” รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) “ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ” รมว.ศึกษาธิการ และ “ถาวร เสนเนียม” รมช.คมนาคม
ในรายของ “บี-พุทธิพงษ์” หลังจากรู้ตัวว่าต้องพ้นจากตำแหน่งแน่นอนแล้ว ก็ได้โพสต์ภาพพ่อแม่รดน้ำให้ พร้อมข้อความว่า “หมดแรง หมดใจ หมดศรัทธา เพราะสิ่งที่ทำมันไร้ค่า ไร้ราคาสิ้นดี ?... คงได้เวลากลับไปดูแลคุณพ่อ คุณแม่ ครอบครัว ลูกๆ”
เป็นการบ่งบอกถึงนัยว่าคงต้องหันหลังให้การเมือง เพราะหมดใจ หมดศรัทธา !!
ขณะที่ “เสี่ยตั้น-ณัฏฐพล” ก็โพสต์เฟซบุ๊กครั้งแรกหลังออกจากเรือนจำในหัวข้อ “ใจสู้หรือเปล่า” โดยกล่าวถึงการต่อสู้คัดค้าน กม.นิรโทษกรรม กระทั่งมีโอกาสได้มาเป็น รมว.ศึกษาธิการ และจนถึงวันที่ต้องเข้าเรือนจำ โดนพิพากษาจำคุก 6 ปี 16 เดือน....ผมถามตัวเองเสมอว่า “ใจสู้หรือเปล่า” คำตอบคือ “ไม่มีวันไหนที่ใจไม่สู้เลย”
“เสี่ยตั้น” ยังกล่าวถึง ตำแหน่ง รมว.ศึกษาฯ ที่หลุดลอยไปว่า ...ไม่ได้เสียใจที่ต้องหลุดรัฐมนตรี เพราะตำแหน่งมาแล้วก็ไป มันคือหัวโขน แต่ยอมรับว่ามี “เสียดาย” บ้าง ที่นโยบายการศึกษาที่วางไว้กำลังเป็นรูปเป็นร่าง ยังทำไม่เสร็จ ...
ความระหว่างบรรทัดบ่งบอกถึงอารมณ์ว่ายังตัดใจจาก “อำนาจทางการเมือง” ไม่ได้...อาจจะเป็นเพราะมองว่า ตัวเองเป็นถึงหัวหน้ากลุ่ม ส.ส.กทม. ในพรรคพลังประชารัฐ ต้องหาตัวแทนมารับช่วง รักษาโควตารัฐมนตรีของกลุ่มไว้
จึงมีกระแสข่าวว่า “เสี่ยตั้น” ได้พยายามเสนอชื่อ “ชาญวิทย์ วิภูศิริ” ส.ส.กทม. (เขต 15 มีนบุรี-คันนายาว) ให้ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พิจารณาเพื่อมาสานงานนโยบายการศึกษาต่อ
สำหรับ “ชาญวิทย์” เคยสอบตกในสนาม กทม. สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ เพิ่งได้เป็น ส.ส.ในนามพรรคพลังประชารัฐ จบ ป.ตรี วิศวกรรมศาสตร์ไฟฟ้า ม.เกษตรศาสตร์ ป.โท วิศวกรรมศาสตร์คอมพิวเตอร์ The Pennsylvania State University จากสหรัฐฯ กลับมาเป็นวิศวกรที่เมืองไทย ร่วมงานกับบริษัท จัสมิน เทเลคอมฯ และ เป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ภัทร เฮ้าส์ แอนด์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)...ไม่เคยบริหารงานด้านการศึกษามาก่อนแต่อย่างใด
“เสี่ยตั้น” คงคิดว่ากระทรวงศึกษาฯ เป็นโควตาของกลุ่ม กปปส. “เป็นสมบัติ” ของตัวเอง พรรคต้องให้สิทธิในฐานะหัวหน้ากลุ่มเป็นผู้พิจารณาเสนอคนมาแทน ...ถ้าคิดอย่างนี้ ก็ไม่ต่างจากให้มาเป็น “นอมินี” แล้วตนเองสามารถกำกับอยู่เบื้องหลังได้... ถือว่าเป็นความพยายาม “กอด” กระทรวงศึกษาธิการไว้อย่างสุดฤทธิ์ โดยลืมนึกไปว่า ลุงๆ ยังให้น้ำหนัก ให้ค่ากับกลุ่ม กปปส. แค่ไหน หรือเห็นเป็นเพียงแค่ “นั่งร้าน” ไปแล้ว
เรื่องนี้พิสูจน์ไม่ยาก แค่ติดตามกันต่อไปว่า “ครม.ลุงตู่ 2/3” จะมีตัวแทนจากกลุ่ม กปปส.เป็นรัฐมนตรีหรือไม่ เพราะ “ลุงตู่” ได้ประกาศยึดอำนาจการปรับ ครม.ไว้กับตัวเองไปเรียบร้อยแล้ว