“กลุ่มสร้างไทย” ร่อนแถลงการณ์ติงส่อเจตนาสมคบคิดคว่ำกระบวนการแก้ไข รธน. จี้ศาล รธน.เร่งชี้ขาดคำร้อง เอาให้ชัดรัฐสภามีอำนาจหรือไม่ แนะฝ่ายค้านหาทางชะลอลงมติวาระหากยังไม่มีคำวินิจฉัย วอนทุกฝ่ายร่วมมือผ่าทางตันประเทศ หวังมี รธน.ฉบับประชาชนที่แท้จริง
วันนี้ (2 มี.ค. 64) กลุ่มสร้างไทยที่มีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ เป็นประธาน ได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งในขณะนี้อยู่ในระหว่างรอ 15 วันก่อนกำหนดให้ที่ประชุมร่วมรัฐสภาพิจารณาวาระ 3 ต่อไป ตลอดจนยังมีคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญตามมาตรา 256 เป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ด้วยว่า จากการที่ภาคประชาชน ฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาลเห็นพ้องร่วมกันว่า สมควรมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เป็นองค์กรยกร่างนั้น ในที่สุดได้มีการเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมต่อรัฐสภาโดยให้มี ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนจำนวน 200 คน เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งในที่สุดรัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบในวาระที่ 1 แต่มติเสียงข้างมากของรัฐสภา โดยสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เกือบทั้งหมด และ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ กลับขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ารัฐสภามีอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และรัฐสภาได้ลงมติเมื่อ 24-25 ก.พ. 64 ที่ผ่านมาผ่านวาระที่ 2 คงเหลือเพียงวาระที่ 3 ต้องรอไว้ 15 วันจึงจะลงมติได้
กลุ่มสร้างไทยขอเรียนให้พี่น้องประชาชนทราบว่า การที่รัฐสภาเสียงข้างมากขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยประเด็นข้างต้นเป็นเรื่องแปลกประหลาด และส่อให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในการสมคบคิดเพื่อทำให้การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดย ส.ส.ร.เป็นไปไม่ได้ ยิ่งศาลรัฐธรรมนูญขอความเห็นจากบุคคล 4 คน คือ นายมีชัย ฤชุพันธ์, นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ, นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ และนายอุดม รัฐอมฤต ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่ามีจุดยืนข้างฝ่ายประชาธิปไตยหรือไม่ ยิ่งทำให้เกิดความกังวลมากขึ้น
การที่รัฐสภาลงมติในวาระที่ 1 และวาระที่ 2 ไปแล้วย่อมแสดงให้เห็นว่ารัฐสภามั่นใจว่ามีอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยใช้ระบบ ส.ส.ร. ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามปกติเมื่อผ่านวาระที่ 3 (จะมีการเปิดประชุมรัฐสภาในวันที่ 17-18 มี.ค. 64) จะไปสู่การทำประชามติ หากผ่านประชามติจะมีการเลือก ส.ส.ร.200 คนโดยประชาชน เมื่อ ส.ส.ร.ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จจะต้องทำประชามติอีกครั้ง ถ้าผ่านจึงทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย และจะมีการเลือกตั้งกันตามรัฐธรรมนูญใหม่ซึ่งถือเป็นฉบับประชาชนอย่างแท้จริง และจะเป็นฉบับแรกของประเทศไทยที่ประชาชนเป็นผู้สถาปนารัฐธรรมนูญขึ้นในฐานะเจ้าของอำนาจอธิปไตย จึงไม่มีเหตุผลและความเหมาะสมใดเลยที่จะสมคบคิดกันหยุดยั้งการดำเนินการเช่นนี้ นอกจากต้องการจะปกป้องระบบเผด็จการอำนาจนิยมที่เกิดจากการรัฐประหารและการสืบทอดอำนาจเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ ศาลรัฐธรรมนูญจึงควรที่จะวินิจฉัยปัญหาดังกล่าวให้เสร็จสิ้นก่อนการลงมติในวาระที่ 3 และถ้าศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าศาลไม่มีอำนาจพิจารณาวินิจฉัยก็จะทำให้ระบบรัฐสภาแข็งแรงขึ้น เพราะการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญไม่ว่าจะแก้ไขเป็นรายมาตรา หลายมาตรา หรือจัดทำใหม่ทั้งฉบับภายใต้ข้อจำกัดของรัฐธรรมนูญเองเป็นอำนาจโดยเฉพาะของรัฐสภา หรือมิเช่นนั้นศาลรัฐธรรมนูญก็ควรจะยืนยันว่าเป็นอำนาจของรัฐสภา
หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ารัฐสภาไม่มีอำนาจก่อนการลงมติวาระที่ 3 ฝ่ายค้านก็ต้องคิดให้ดีว่าจะผ่านร่างรัฐธรรมนูญที่ไม่มี ส.ส.ร.เพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ แต่ถ้าศาลรัฐธรรมนูญยังไม่มีคำวินิจฉัยก่อนการลงมติดังกล่าว ฝ่ายค้านก็ควรหาวิธีการไม่ให้มีการลงมติจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยว่ารัฐสภามีอำนาจทำได้หรือไม่ หากฝ่ายค้านลงมติเห็นชอบวาระที่ 3 โดยยังไม่มีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ และต่อมาศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าส่วนที่เกี่ยวกับการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดย ส.ส.ร.นั้นใช้ไม่ได้เพราะรัฐสภาไม่มีอำนาจก็จะทำให้รัฐบาลโดยความร่วมมือกับ ส.ว.สามารถแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้ทุกประเด็นเว้นแต่จะไม่ผ่านประชามติ
กลุ่มสร้างไทยจึงขอวิงวอนทุกฝ่ายได้ร่วมมือกันผ่าทางตันของประเทศเพื่อให้มีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนที่แท้จริง อย่าเอาแพ้ชนะกันในสิ่งที่ในที่สุดแล้วไม่มีใครชนะแต่ทุกคนและประเทศแพ้หมด
Powered by embed facebookvideo & Embed twitter feed