กลุ่มเครือข่ายห่วงใย กม.ทำแท้งใหม่ ร้อง ปธ.สภา ขอแก้ไข กม.ทำแท้ง หลังผลข้อมูลวิชาการชี้สร้างปัญหาใหม่ให้วงการแพทย์-สังคม ด้าน “ผ่องศรี” แนะรวม ปชช.หมื่นชื่อยื่นเข้าสภา
วันนี้ (25 ก.พ.) กลุ่มเครือข่ายผู้ห่วงใยผลกระทบกฎหมายทำแท้งใหม่ นำโดย พญ.สุพรรณี คูณแสง รองประธานเครือข่าย ได้ยื่นหนังสือต่อ นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร และ น.ส.ผ่องศรี ธาราภูมิ คณะทำงานทางการเมืองของประธานสภาผู้แทนราษฎร เรื่อง ขอให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายการทำแท้งใหม่เนื่องจาก พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ฉบับที่ 28 พ.ศ. 2564 ที่มีผลบังคับใช้ในวันที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา (มาตรา 301 และมาตรา 305) มีการดำเนินการออกกฎหมายอย่างเร่งรีบ รวบรัด ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ในมาตรา 305 ไม่เคยได้รับโอกาสในการแสดงความคิดเห็น ก่อนที่จะประกาศบังคับใช้กฎหมาย
อีกทั้งยังเป็นกฎหมายที่ว่าด้วยการยุติชีวิตมนุษย์ที่กำลังพัฒนาในครรภ์มารดา ทำให้เกิดปัญหาต่อแพทย์ บุคลากรทางแพทย์ และระบบสาธารณสุขอย่างมาก มีผลเปลี่ยนแปลง ศีลธรรม ค่านิยม วัฒนธรรม ความเชื่อทางศาสนาของประชาชนชาวไทยอย่างมาก ตลอดจนยังมองข้ามสิทธิของทารกในครรภ์ที่ถือว่าเป็นมนุษย์คนหนึ่งด้วย เครือข่ายผู้ห่วงใยผลกระทบกฎหมายทำแท้งใหม่จึงได้ทำการศึกษาข้อมูลทางวิชาการ และวิเคราะห์จากรายงานต่างๆ ทั่วโลก มีความเห็นว่ากฎหมายฉบับนี้สามารถแก้ปัญหาบางอย่างได้ แต่จะสร้างปัญหาใหม่ให้กับวงการแพทย์และสังคมโดยรวม กระทบต่อสิทธิของทารกในครรภ์ และความรู้สึกของประชาชน
อีกทั้งยังได้เสนอปัญหา และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายเพื่อป้องกัน และช่วยเหลือหญิงที่ตั้งครรภ์โดยไม่พร้อมอย่างเป็นระบบและรอบด้าน จึงขอให้เรียกร้องให้มีการพิจารณาสนับสนุนให้มีการร่างกฎหมายขึ้นใหม่ โดยให้ประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้องได้มีโอกาส ศึกษาและแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวางโดยทั่วถึง เพื่อสามารถให้การช่วยเหลือหญิงคุ้มครองสิทธิของทารกในครรภ์ และรักษาไว้ซึ่งค่านิยมและศีลธรรมอันดีของสังคมต่อไป
ด้าน นพ.สุกิจ กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า จะขอรับเรื่องดังกล่าวเพื่อนำกราบเรียนประธานสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนโดยเร็ว
ด้าน น.ส.ผ่องศรี ธาราภูมิ กล่าวเพิ่มเติมว่า พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 28) พ.ศ. 2564 ได้ถูกประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ซึ่งแนวทางที่สามารถดำเนินการต่อจากนี้ คือ การปฏิบัติตาม รธน.ม.133 โดยประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 10,000 คน มีสิทธิเข้าชื่อกันเสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ต่อรัฐสภาเพื่อให้พิจารณาออกเป็นกฎหมายได้