xs
xsm
sm
md
lg

วัคซีนโควิด “แอสตร้าเซนเนก้า” ล็อตแรกถึงไทยแล้ว เร็วกว่ากำหนด รับมือระบาดรอบใหม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วัคซีนโควิด-19 จากแอสตร้าเซนเนก้าล็อตแรกมาถึงไทยแล้วเมื่อวานนี้ เร็วกว่ากำหนดเดิมที่กำหนดไว้เดือน มิ.ย. 64 เพื่อเร่งบรรเทาสถานการณ์การระบาดระลอกใหม่ในประเทศ

วันนี้ (25 ก.พ.) นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ เผยว่า วัคซีนโควิด-19 ที่ประเทศไทยจัดหาจากแอสตร้าเซนเนก้าล็อตแรกมาถึงไทยแล้วจำนวน 117,600 โดส ในวันที่ 24 ก.พ. 2564 ทั้งนี้ การส่งมอบวัคซีนเกิดขึ้นเร็วกว่ากำหนดการเดิมที่วางไว้ โดยกระทรวงสาธารณสุขและแอสตร้าเซนเนก้ามีจุดมุ่งหมายร่วมกันเพื่อเร่งบรรเทาสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ และเพื่อให้ประเทศไทยฟื้นตัวจากวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเร็ว

“กำหนดการเดิมในการส่งมอบวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าให้กับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จะเกิดขึ้นประมาณเดือนมิถุนายน 2564 ซึ่งประเทศไทยจะได้รับวัคซีนที่ผลิตจากโรงงานสยามไบโอไซเอนซ์ จำนวน 61 ล้านโดส โดยการทยอยส่งมอบเพื่อให้กระทรวงสาธารณสุขสามารถดำเนินการบริหารจัดการวัคซีนได้อย่างเหมาะสม ซึ่งการดำเนินการผลิตวัคซีนโควิด-19 ของสยามไบโอไซเอนซ์ยังคงเป็นไปตามแผนที่วางไว้ อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ในประเทศทำให้ประเทศไทยมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องใช้วัคซีนเพื่อเสริมกำลังให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า สร้างภูมิคุ้มกันให้กับเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมโรคโควิด-19 ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ป่วย และใช้เพื่อป้องกันการเกิดอาการป่วยที่รุนแรงและลดอัตราการเสียชีวิตของประชากรกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคสูง ทั้งนี้ ด้วยความร่วมมือจากแอสตร้าเซนเนก้า ทำให้ประเทศไทยสามารถเข้าถึงวัคซีนได้เร็วกว่ากำหนดเดิม โดยวัคซีนที่ส่งมอบดังกล่าวมาจากสายการผลิตในระดับโลกของแอสตร้าเซนเนก้า และเป็นไปตามพันธกิจในการสนับสนุนให้ประชาชนสามารถเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 ได้อย่างเท่าเทียมของบริษัทฯ”

นพ.นครกล่าวอีกว่า “วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าล็อตที่มาถึงนี้จะต้องผ่านการตรวจรับรองคุณภาพและผ่านการรับรองรุ่นการผลิต (Lot Release) จากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ก่อนจึงจะสามารถขนส่งและกระจายวัคซีนไปให้บริการแก่ประชาชนกลุ่มเป้าหมายระยะแรกตามแผน ที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้”

ทั้งนี้ วัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าได้รับการอนุมัติทะเบียนแบบมีเงื่อนไขเพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉินเพื่อการสร้างภูมิคุ้มกันในประชากรอายุ 18 ปีขึ้นไป จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2564 ที่ผ่านมา ถือเป็นวัคซีนโควิด-19 ชนิดแรกที่ได้รับการอนุมัติทะเบียนแบบมีเงื่อนไขในประเทศไทย และยังได้รับอนุญาตให้ใช้ในกรณีฉุกเฉินในกว่า 50 ประเทศทั่วโลก ต่อมาในวันที่ 15 ก.พ. 2564 วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าได้รับการรับรอง Emergency Use Listing (EUL) จากองค์การอนามัยโลก ซึ่ง EUL เป็นขั้นตอนในการประเมินวัคซีนในภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขโดยมีเป้าหมายสูงสุดเพื่อให้สามารถใช้ผลิตภัณฑ์วัคซีนได้ในวงกว้าง เนื่องจากระบบควบคุมกำกับของบางประเทศอาจไม่มีความพร้อมและไม่มีมาตรฐานเพียงพอ จึงให้ใช้การอ้างอิงจาก EUL ได้ โดยการประเมินจะทำโดยผู้เชี่ยวชาญขององค์การอนามัยโลก นอกจากนี้ ภายหลังจากมีการใช้วัคซีนในวงกว้างยังไม่พบการรายงานเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ที่รุนแรงจากการใช้วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าแต่อย่างใด

“อย่างไรก็ตาม แม้ข้อมูลการศึกษาในปัจจุบันจะแสดงให้เห็นว่าการฉีดวัคซีนโควิด-19 สามารถลดอาการป่วยที่รุนแรงของผู้ติดเชื้อ แต่ยังไม่มีข้อมูลสนับสนุนที่บ่งชี้ว่าวัคซีนสามารถป้องกันการติดเชื้อและลดการแพร่กระจายของเชื้อได้ ดังนั้น แม้จะได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้ว มาตรการสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือ ยังคงเป็นมาตรการสำคัญที่ต้องทำควบคู่ไปด้วย” นพ.นครกล่าวย้ำ






กำลังโหลดความคิดเห็น