กระทรวงสาธารณสุข เผย ประเทศไทยควบคุมโรคได้ดี พบผู้ติดเชื้อลดลง ขณะที่ผู้ป่วยรักษาหาย 19,893 ราย คิดเป็นร้อยละ 94 ของผู้ติดเชื้อระลอกใหม่ ส่วนอัตราการเสียชีวิตต่ำกว่าระดับโลก ย้ำ การกักตัวเอง 14 วัน เมื่อสัมผัสผู้ติดเชื้อ ช่วยป้องกันการแพร่เชื้อต่อ แม้พ้นการกักตัวยังต้องใส่หน้ากากและเว้นระยะห่าง
วันนี้ (19 ก.พ.) ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์เฉวตสรร นามวาท รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค แถลงข่าวสถานการณ์โรคโควิด-19 ของประเทศไทย วันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 130 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังในโรงพยาบาล 61 ราย ค้นหาเชิงรุกในชุมชน 55 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศ 14 ราย รักษาหายเพิ่มขึ้น 124 ราย เสียชีวิต 1 คน ทำให้ผู้ติดเชื้อสะสมระลอกใหม่ ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2563 - 19 กุมภาพันธ์ 2564 มีจำนวน 21,004 ราย หายป่วยสะสม 19,893 ราย คิดเป็นร้อยละ 94 ยังอยู่ระหว่างการรักษา 1,088 ราย เสียชีวิตสะสม 23 ราย ผู้ติดเชื้อรายใหม่มี 6 จังหวัด ได้แก่ สมุทรสาคร 71 ราย ปทุมธานี 22 ราย นครปฐม 10 ราย กทม. 7 ราย พระนครศรีอยุธยา 4 ราย และ นนทบุรี 2 ราย
“การควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในระลอกใหม่ ถือว่าควบคุมโรคได้ดี ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดเหลือ 100 กว่ารายต่อวัน จากเดิม 700-800 รายต่อวัน เช่น สมุทรสาคร และ ปทุมธานี ยังคัดกรองเชิงรุกต่อเนื่อง แต่จำนวนผู้ติดเชื้อไม่ได้สูงอย่างที่ผ่านมา เป็นผลมาจากมาตรการการกักตัว การค้นหาเชิงรุก การจำกัดวงไม่ให้เคลื่อนย้ายผู้ติดเชื้อ มาตรการสวมหน้ากาก ล้างมือ และเว้นระยะห่าง ส่วนอัตราการเสียชีวิตภาพรวมอยู่ที่ร้อยละ 0.33 ถือว่าน้อยกว่าของโลกซึ่งอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ร้อยละ 2.21” นายแพทย์เฉวตสรร กล่าว
นายแพทย์เฉวตสรร กล่าวต่อว่า ขอย้ำว่า มาตรการกักตัวมีความสำคัญและจำเป็น เช่น กรณี จ.นครราชสีมา ที่พบเด็กอายุ 7 ปีติดเชื้อจากมารดาที่ติดเชื้อจากตลาด จ.ปทุมธานี บิดาและลูกสาวที่กักตัวในโรงพยาบาลก็ทำให้ไม่แพร่เชื้อสู่ผู้อื่น ดังนั้น ขอความร่วมมือประชาชนเมื่อมีอาการป่วย หรือสงสัยว่าสัมผัสผู้ติดเชื้อ ควรแยกตัวออกจากคนในครอบครัว รีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาเชื้อ แม้ว่าผลตรวจเป็นลบ ยังคงต้องกักตัวต่อให้ครบ 14 วัน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ติดเชื้อ และสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้ รวมทั้งเมื่อพ้นการกักตัวจากการเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงแล้ว การสวมหน้ากากและเว้นระยะห่างยังเป็นมาตรการที่ต้องดำเนินการต่อเพื่อช่วยป้องกันและควบคุมโรค