“คุณหญิงสุดารัตน์” สะพรึง “ตรอกข้าวสาร” เงียบเหงา-ไร้นักท่องเที่ยว ร่วมวงเสวนา ชี้ เยียวยาขาดประสิทธิภาพ เกาไม่ถูกที่คัน มาตรการไม่ตรงความต้องการคนตัวเล็ก แนะเร่งช่วย SMEs รักษาสภาพงาน แก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรค
เมื่อเวลา 18.00 น. ที่ถนนข้าวสาร เขตพระนคร กทม. สถาบันสร้างไทย จัดเสวนานักดนตรี และผู้ประกอบการ เพื่อศึกษาผลกระทบเชิงลึกจากมาตรการของรัฐต่อตัวธุรกิจ พร้อมหามาตรการ หรือแนวทางที่ภาคธุรกิจอยากนำเสนอต่อภาครัฐ เพื่อให้กิจการดำเนินต่อไปได้ รวมถึงศึกษาความเสี่ยงที่ต้องกังวล หากกลับมาเปิดดำเนินการ และการจัดหาสวัสดิการที่ควรมีสำหรับอาชีพอิสระ
โดย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานกลุ่มสร้างไทย กล่าวตอนหนึ่งว่า ขอเรียกร้องให้ภาครัฐมองผู้เดือดร้อนทุกกลุ่มเห็นสภาพความเป็นจริง ซึ่งกำลังยากลำบาก สำหรับคนตั้งใจทำกิน ขณะเดียวกัน ที่ผ่านมา เคยเสนอว่า เงินช่วยเหลือเพื่อไม่ให้ผู้ประกอบการล้ม และรักษาตำแหน่งงานให้กับลูกจ้าง เงินยังมีอยู่อยากให้เกาให้ถูกที่คัน โดยหลักการคือ ต้องให้รักษาตำแหน่งงาน และผู้ประกอบการสามารถอยู่ได้ พร้อมระบุด้วยว่า การขายแอลกอฮอล์ก็ไม่เปิดโอกาสให้เกิดการแข่งขันอย่างเท่าเทียม โดยเฉพาะกฎหมายที่ระบุว่าการดำเนินการต้องผลิตในปริมาณไม่น้อยกว่า 1 แสนลิตร จึงต้องตั้งคำถามว่ามีวิธีคิดต่อเรื่องดังกล่าวอย่างไร
“ภาครัฐไม่ได้ขาดเม็ดเงิน แต่เกาไม่ถูกที่คัน แม้แต่การแจกเงินก็ยังไม่มีประสิทธิภาพ พร้อมย้ำว่า สิ่งที่ต้องทำเพื่อการแก้ปัญหา คือ การรักษาสภาพงานไม่ให้คนตกงานไปมากกว่านี้ รักษา SMEs อย่าให้ล้ม โดยเฉพาะเรื่อง Soft Loan และเงินช่วยเหลือขอให้ลงไปที่ผู้เดือดร้อนให้ตรงคนที่เดือดร้อนอย่างทั่วถึง ต้องเปลี่ยนวิธีการบริหารจัดการ โดยเฉพาะขั้นตอนการลงทะเบียน เพื่อให้เงินช่วยเหลือ ลงไปถึงผู้เดือดร้อน และควรจ่ายเป็นเงินสด” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว
คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุด้วยว่า การออกกฎหมาย การขอใบอนุญาตยังเป็นอุปสรรค เน้นการควบคุม มองผู้ประกอบการเป็นผู้ร้าย ซึ่งการแก้ปัญหาดังกล่าวให้รวดเร็วที่สุด คือ การ ออก พ.ร.ก.มายกเลิกข้อบังคับ หรือใบอนุญาตที่เป็นอุปสรรคต่อการทำมาหากิน โดยปล่อยให้ผู้ประกอบการเดินหน้าประกอบอาชีพ แต่อย่าทำผิดกฎหมาย โดยดำเนินการควบคู่ไปพร้อมกับการขออนุญาตต่างๆ ให้ถูกต้อง
ด้าน นายธนากร คุปตจิตต์ นายกสมาคมเหล้าเบียร์ ระบุว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการ คนทำมาหากิน จะไม่ตายเพราะโควิด แต่ตายเพราะไม่มีจะกิน จึงขอให้รัฐทบทวนมาตรการที่ออกมา และขอให้ลงมาดูข้อเท็จจริง ว่า แต่ละพื้นที่มีมาตรการในการดูแลอย่างไร อนุญาตให้ขายแอลกอฮอลอย่างไรให้เหมาะสม ส่วนการขายแอลกอฮอล์ออนไลน์ ต้องมีการควบคุมอย่างเหมาะสม ไม่ใช่จัดการในลักษณะที่ออกมาตรการกำจัดการขาย หรือปิดกั้นการขายของผู้ประกอบการรายย่อย ขณะที่การออกกฎหมาย ก็ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ซึ่งการออกมาตรการ ต้องทำให้คนค้าขายอยู่ได้ ซึ่งผู้บริหารประเทศ จะต้องมีวิสัยทัศน์ ขณะเดียวกัน เห็นว่า ภาษีที่เรียกเก็บจากยอดขายหนักมาก สำหรับผู้ประกอบการ ส่วนร้านค้า ที่พัก โฮเต็ล หรือร้านนวด ลำบากมาก แต่คนเหล่านี้ ก็พยายามปรับเปลี่ยนตัวเอง แต่ปัญหาสำคัญ คือ การเข้าถึงแหล่งเงินทุน ซึ่งเป็นไปด้วยความยากลำบาก ถือเป็นโจทย์ใหญ่ ที่ภาครัฐจะต้องเข้ามาดูแต่ละส่วนอย่างละเอียด
นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบการค้าถนนข้าวสาร เปิดเผยว่า ถนนข้าวสารไม่เคยเงียบแบบนี้ ต่างชาติหายทำให้ธุรกิจการค้าตกลงกว่าร้อยละ 80 จึงต้องมาคิดว่าจะทำอย่างไรให้ร้อยละ 20 ซึ่งเป็นคนไทยกลับมา แต่ก็ยังไม่สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะยังมีข้อจำกัดในหลายเรื่อง แม้ล่าสุด จะมีการผ่อนคลายให้กลับมาเปิดได้ถึงเวลา 23.00 น.ก็ตาม เพราะสถานบันเทิงยังไม่ได้ประโยชน์เต็มที่ โดยเฉพาะผับบาร์ ซึ่งเวลาดังกล่าวจะได้ประโยชน์ เฉพาะในส่วนของร้านอาหารเท่านั้น
“ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการพยายามตอบสนองมาตรการของภาครัฐ และพยายามปรับตัว แต่รัฐบาลก็ควรมีแผนบริหารจัดการที่ดีกว่า ออกมาตการที่ชัดเจน ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลควรกลับไปทบทวน และขอให้รัฐปรับแก้ไขกฎหมาย ให้เอื้อต่อการทำมาหากิน ให้สามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้ โดยเฉพาะในแง่ของธุรกิจท่องเที่ยว และขอให้ทบทวนกฎหมายว่าจะบริหารจัดการอย่างไร ในแต่ละส่วนให้เหมาะสม ไม่ใช่เหมารวมทุกธุรกิจ” นายสง่า กล่าว
นายทักษะศิลป์ อุดมชัย นักดนตรีอิสระ เผยว่า รายได้หายไปกว่าร้อยละ 90 แต่ค่าใช้จ่ายยังเท่าเดิม ถือเป็นช่วงที่ลำบากที่สุดในรอบ 17 ปี รัฐต้องเข้ามาช่วยเยียวยา แบ่งเบาภาระผู้ประกอบการ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐ แม้แต่เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ก็ไม่ถึงผู้ประกอบการ
ด้านผู้ร่วมเสวนาหลายรายแสดงความเห็นตรงกันว่า การบังคับใช้กฎหมาย ต้องเชื่อมต่อการทำมาหากินของประชาชน ไม่ใช่ออกกฎหมายเพื่อบังคับให้ประชาชน ทำตามความต้องการของผู้มีอำนาจ
จากนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ และคณะ ได้ร่วมเดินสำรวจธุรกิจร้านค้าในถนนข้าวสาร พบว่า เป็นไปอย่างเงียบเหงา ไม่มีนักท่องเที่ยว ขณะที่ผู้ประกอบการ ร้านค้า ปิดตัวเป็นจำนวนมาก.