xs
xsm
sm
md
lg

ดัชนีเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ม.ค.64 ลดลงต่ำสุดในรอบ 6 เดือน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนมกราคม 2564 อยู่ที่ระดับ 83.5 ปรับตัวลดลงจากระดับ 85.8 ในเดือนธันวาคม 2563 โดยค่าดัชนีฯ ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และต่ำสุดในรอบ 6 เดือน โดยมีปัจจัยลบจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 รอบใหม่ ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนธันวาคม 2563 ทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มมากขึ้นกว่ารอบแรก และขยายขอบเขตในหลายจังหวัด ส่งผลให้ภาครัฐออกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด โดยกำหนดพื้นที่ควบคุมตามความรุนแรงของสถานการณ์ รวมทั้งมีความเข้มงวดในมาตรการรักษาระยะห่าง การจำกัดจำนวนผู้ใช้บริการในร้านอาหาร และสถานที่ต่างๆ

ขณะที่ภาครัฐและเอกชนให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน (work from home) มากขึ้น ส่วนสถานศึกษายังปิดเรียนชั่วคราว โดยให้เรียนผ่านระบบออนไลน์ ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและอุปสงค์ในประเทศชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้า ขณะที่ด้านการส่งออก ผู้ประกอบการยังประสบปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ไม่เพียงพอ ทำให้มีต้นทุนค่าขนส่งสินค้าทางเรือเพิ่มขึ้น รวมทั้งปัญหาการแข็งค่าของเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่อง ซึ่งยังคงกดดันภาคการส่งออกไทย

อย่างไรก็ตาม ค่าดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมยังอยู่ในระดับที่สูงกว่าการระบาดรอบแรกในช่วงเดือนเมษายน 2563 ซึ่งลดลงมาอยู่ที่ระดับ 75.9 เนื่องจากการระบาดในรอบนี้ภาคการผลิตไม่ได้หยุดชะงัก และยังมีปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ และมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทั้งผู้ประกอบการ แรงงาน และประชาชนผ่านโครงการต่างๆ ยังช่วยพยุงเศรษฐกิจและบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการระบาดของโควิด-19

ทั้งนี้ ประธาน ส.อ.ท. ได้มีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ ให้เร่งแก้ไขปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อช่วยเหลือผู้ส่งออก เร่งรัดการจัดซื้อและการแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19 ของไทย ให้ได้ตามกำหนดเวลาและมีปริมาณเพียงพอ เพื่อให้ประชาชนและภาคธุรกิจสามารถดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ตามปกติ รวมทั้งเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติและประเทศคู่ค้า เกี่ยวกับมาตรการควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ของไทย

นอกจากนี้ ขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดูแลค่าเงินบาทให้อยู่ในทิศทางเดียวกับประเทศอื่นในภูมิภาค เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันด้านราคา ขณะเดียวกัน ขอให้ภาครัฐมีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ โดยเฉพาะมาตรการเสริมสภาพคล่อง จัดหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (Soft loan) อย่างเป็นรูปธรรมสำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งแก้ไขกฎหมายและเงื่อนไข พ.ร.ก.ซอฟต์โลน ที่เป็นอุปสรรคเพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำได้ และให้ภาครัฐพิจารณานำโครงการ "ช็อปดีมีคืน" กลับมาใช้ในปี 2564 เพื่อกระตุ้นการบริโภคของประชาชน โดยให้นำค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ จากเดิม 30,000 บาท เป็น 50,000 บาท