xs
xsm
sm
md
lg

ปรับ ครม.จำเป็น แต่ “ลุงตู่” ไม่เสี่ยงตอนนี้ !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์
เมืองไทย 360 องศา


ก็คงเป็นธรรมเนียมที่หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเสร็จสิ้นลงไปคราวใดก็จะมีการสำรวจความเห็นของชาวบ้าน ทั้งในเรื่องการอภิปรายของทั้งฝ่ายค้าน และการชี้แจงของฝ่ายที่ถูกซักฟอก คือ รัฐมนตรีในคณะรัฐบาล พร้อมๆ กับถามถึงเรื่องความเหมาะสมในเรื่องการ “ปรับคณะรัฐมนตรี”

อย่างไรก็ดี ขอข้ามเรื่องอื่นไปก่อน เพราะถือว่าผ่านมาแล้ว มีการวิพากษ์วิจารณ์กันไปมากแล้ว แต่สิ่งที่น่าจะมาโฟกัสกันหลังจากนี้ ก็คือ เรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี ซึ่งผลการสำรวจที่ออกมา สนับสนุนให้ “ปรับใหญ่” ในระดับที่มีเปอร์เซ็นต์ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว
แต่ขณะเดียวกัน ก็ต้องพิจารณากันตามสถานการณ์ทางการเมืองที่เป็นจริงด้วยว่ามันได้คุ้มเสีย หรือว่ามีความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหนอีกด้วย
แน่นอนว่า หากพิจารณากันแบบทั่วไป ถึงความเหมาะสมก็ต้องบอกว่า “เหมาะสมมาก” เนื่องจากอายุของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลังการเลือกตั้งและฟอร์มรัฐบาลก็ถือว่าเวลาล่วงมาปีกว่าแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องปรับรัฐมนตรี “บางตำแหน่ง” ที่ต้องยอมรับกันว่ามีปัญหาในเรื่องของ “ผลงาน” หรือมี “สีเทาๆ” รวมไปถึงการปรับเพื่อให้เกิดความหมุนเวียนให้เกิดความกระฉับกระเฉงในพรรคร่วมรัฐบาล เพราะเป็นรัฐบาลผสมหลายพรรค ในแบบ “สมบัติผลัดกันชม” อะไรประมาณนี้
แต่สิ่งที่มองมองข้ามไปไม่ได้ ก็คือ ต้องพิจารณากันทั้งสถานการณ์ความเป็นจริง และในทางการเมืองประกอบกันด้วย แม้ว่าหากมองกันถึงความเหมาะสม รวมไปถึงความต้องการของชาวบ้านตามผลสำรวจที่ออกมาดังกล่าว ซึ่งหากมองลึกเข้าไปในใจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มีอำนาจในการตัดสินใจก็น่าจะบอกว่า “ไม่อยากเสี่ยง” ในตอนนี้
ซึ่งอย่างที่รับรู้กันมาตลอดว่าหากมีการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งใด ก็จะเกิด “แรงกระเพื่อม” ขึ้นมาทั้งในรัฐบาล และในพรรคการเมือง เนื่องจากต้องมีคนที่ถูกปรับออก แต่ “ไม่อยากออก” บางคนผลงาน “สุดห่วย” แต่ดันมี “มุ้ง” มีก๊วนภายในพรรคมันก็ย่อมเกิดรายการป่วน ขณะที่มีอีกหลายคนที่รอคิวต้องการ “เข้ามาบ้าง” ก็ต้องสร้างแรงกดดัน บางทีถึงขั้น “ปล่อยข่าว” สารพัด
และยิ่งเป็นรัฐบาลผสมหลายพรรคแบบนี้ แค่หลับตาก็เห็นภาพความปั่นป่วนวุ่นวายตามมาทันที ซึ่งบางพรรคเต็มไปด้วยก๊วน หรือประเภทเขี้ยวลากดิน ซึ่งไม่ต้องมองไปไหนไกล เพราะหากมีการปรับคณะรัฐมนตรี หรือแค่ได้รับสัญญาณจากนายกรัฐมนตรีเท่านั้น เชื่อว่า ความปั่นป่วนวุ่นวายจะตามมาทันที
โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐที่เป็นพรรคแกนนำของรัฐบาลนั่นแหละ คราวที่แล้วกว่าจะลงตัวก็ทำเอาหัวเสียกันพอสมควร
อีกพรรคที่น่าจับตาไม่แพ้กัน หรืออาจจะหนักกว่าพรรคอื่น ก็คือ พรรคประชาธิปัตย์ ที่ลองมีการส่งสัญญาณปรับคณะรัฐมนตรีเมื่อไหร่ รับรองว่า “ป่วน” แน่นอน เพราะเริ่มเห็นสัญญาณเดิมๆ ที่เคยเห็นมาก่อนหน้านี้ ก็ยังมีเกิดซ้ำ ขณะมีการโหวตลงมติญัตติไม่ไว้วางใจ ก็ดันมี ส.ส.ในพรรคประชาธิปัตย์ จำนวนหนึ่ง เท่าที่ตรวจสอบได้ มีสามคนที่โหวตงดออกเสียงให้กับ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หัวหน้าพรรคของตัวเอง ซึ่งสะท้อนภาพชัดเจนว่า เป็นคนละพวกกันที่เห็นภาพชัดมาตั้งแต่การเลือกหัวหน้าพรรค ที่สร้างรอยร้าวมาจนถึงวันนี้

และเชื่อได้เลยว่า หากมีการปรับคณะรัฐมนตรี ก็ต้องมีการเคลื่อนไหวปั่นป่วนแน่นอน แม้ว่าจะพยายามอ้างว่าเป็นพรรคที่เป็นประชาธิปไตย เป็นมติพรรค แต่เท่าที่เห็นทุกครั้งจะเกิดความขัดแย้งวุ่นวายทุกที
นี่ยังไม่นับแรงกดดันที่เกิดขึ้นจากบรรดาพรรคเล็กพรรคน้อย ที่มีการ “รวมกลุ่ม” ต่อรองกันขอเก้าอี้รัฐมนตรีบ้าง และที่ผ่านมา ก็เคยมีการสัญญาปากเปล่าเอาไว้บ้าง บางพรรคที่มีเสียงรวมกัน 7-8 เสียง ก็ย่อมมีสิทธิ์ขอโควตารัฐมนตรีสักหนึ่งตำแหน่ง ก็ถือว่าวุ่นวายน่าปวดหัวไม่เบา
และที่สำคัญก็คือ หากมีภาพดังกล่าวออกมาให้เห็นมากเท่าใด ซึ่งก็ต้องเกิดขึ้นอยู่แล้ว มันก็ยิ่งทำให้ชาวบ้านเอือมระอา เป็นภาพติดลบมากขึ้นไปอีก
หากพิจารณากันในเวลานี้ แม้ว่ามองกันตามระยะเวลาที่ผ่านมาปีกว่า เป็นอายุของรัฐบาลที่เหมาะสำหรับการปรับคณะรัฐมนตรีแล้ว เพียงแต่ว่า หากมีการปรับเมื่อใดมันก็เกิดการ “กระเพื่อม” ขึ้นมาทันที ซึ่งเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็รู้ดี ก็คงยื้อออกไปก่อน อย่างน้อยก็น่าจะให้ผ่านช่วงเวลาสำคัญ เช่น การแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านไปก่อน คงไม่อยากให้เกิดรายการ “สองแรงบวก” วุ่นวายเป็นทวีคูณ
ดังนั้น ถ้าให้สรุปอีกทีก็ต้องย้ำว่า ปรับคณะรัฐมนตรีนั้น คงปรับแน่ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ คงต้องยื้อไปอีกระยะหนึ่ง ไม่เช่นนั้นอาจป่วนจนพังก็ได้ !!



กำลังโหลดความคิดเห็น