xs
xsm
sm
md
lg

ซักฟอกจืด-มั่วตามคาด เพื่อไทยยับเลือดไหล!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา - สมพงษ์ อมรวิวัฒน์
เมืองไทย 360 องศา



อาจจะยังไม่ชินกับบรรยากาศของ “การเมืองแบบใหม่” ตามที่แกนนำฝ่ายค้าน อย่าง นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวกับสื่อมวลชนที่สภา เมื่อถูกถามถึงเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่ผลออกมาแบบ “ไม่มีน้ำหนัก” ซึ่งความหมายตรงๆ ก็คือ “ไม่ได้เรื่อง” มีแต่น้ำไม่มีเนื้อหาสาระ หรือหลักฐานแบบมีทีเด็ดที่จะ “น็อก” ฝ่ายรัฐบาลได้เลย

เพราะเริ่มอภิปรายวันแรกก็ถูกวิจารณ์ว่า นำเอาข่าวเฟกนิวส์ตามสื่อสังคมออนไลน์ และลอกการบ้านสื่อที่ลงข่าวประจำวันมาตัดแปะ แล้วนำมาอภิปรายในสภา ไม่มีหลักฐานอะไรใหม่ ไม่สมกับญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี ตามที่ระบุเอาไว้ว่า มีความผิดข้อหาร้ายแรง ประเภทที่ว่าเอาไว้ไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว

อย่างไรก็ดี หากพิจารณากันตามความเป็นจริง ก็ต้องบอกว่า “ไม่ผิดความคาดหมาย” แต่อย่างใด เพราะเชื่อตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าจะต้องออกมาแบบนี้ ไม่อยากจะบอกว่า อภิปรายแบบ “เปลืองน้ำเปลืองไฟ” เนื่องจากจะเป็นการไม่ให้เกียรติกันตรงๆ เกินไป แต่หากจะมีใครก็ได้ว่ามีความจดจ่อสนใจทนฟังได้เกินหนึ่งชั่วโมงสักกี่คน เพราะด้วยเนื้อหาที่เบาหวิว ส่วนใหญ่หนักไปทางการใช้ “คำพูดเสียดสีหลอกด่า” ในสภา หรือบางคนก็พยายาม “เล่นใหญ่” มีเจตนา “ข้ามรุ่น” นั่นคือ หากสามารถ “ด่านายกฯ” ในสภา อาจถือว่า “เท่” มีความกล้าหาญทางการเมือง อะไรประมาณนั้น

ที่สำคัญบางพรรคการเมืองก็พยายามใช้โอกาสในการซักฟอกครั้งนี้ เพื่อ “แซะสถาบันพระมหากษัตริย์” เท่านั้น โดยเฉพาะการนำเอาเรื่องวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 นำร่องขึ้นมา ซึ่งสังคมก็รับรู้กันดีอยู่แล้ว อีกทั้งเนื้อหาที่นำมาอภิปราย ก็ซ้ำกับเนื้อหาในเฟกนิวส์ที่เคยว่อนอยู่ในโซเชียล หรือลอกมาจากสคริปต์ ที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จากกลุ่มก้าวหน้า เคยนำมาพูดเพื่อสื่อเจตนาบางอย่าง จนถูกตอบโต้หน้าหงายกลับไป

เอาเป็นว่า เมื่อทนฟังการอภิปรายในวันที่สองในแบบกระท่อนกระแท่น ก็สรุปว่า “ไร้มาตรฐาน” เสียเวลา แต่อีกมุมหนึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก หากพิจารณาจากศักยภาพของบรรดา ส.ส.ในยุคนี้


อย่างไรก็ดี สิ่งที่น่าจับตามองมากไปกว่านั้นก็คือ คำพูดแบบ “ซ่อนนัย” ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์หลังจากเสร็จสิ้นการอภิปรายที่สภาวันแรก เมื่อตอนเที่ยงคืนเศษ เมื่อถูกถามถึงเรื่องที่มีการพูดตอบอภิปราย “เรื่องคนข้างๆ พรรคเพื่อไทยจะขอมาอยู่ด้วยนั้นคือใคร” โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “เขาพูดๆ กัน ก็ไม่รู้” เมื่อถามย้ำว่า มีการส่งสัญญาณมาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เขาพูดๆ กัน การเมืองก็เป็นเช่นนี้”

ก็ต้องบอกว่า “แสบไม่เบา” เหมือนกัน สำหรับ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่นาทีนี้ถือว่าเป็น “นักการเมืองเต็มตัว” และมีการพัฒนาไปไกลมาก เมื่อเทียบกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งแรก โดยครั้งล่าสุดคือครั้งนี้ เขามีความมั่นใจมากสำหรับการตอบคำถาม หรือชี้แจงฝ่ายค้าน ทางหนึ่งแสดงให้เห็นว่าตั้งใจอย่างเต็มที่ ก็คือ อยู่ในที่ประชุมสภาตั้งแต่ต้นจนจบ สอง มีการลุกขึ้นชี้แจงด้วยตัวเองอย่างไม่ติดขัด และบางครั้งก็ตอกกลับได้อย่างถึงใจเหมือนกัน มีการเก็บอารมณ์ เก็บอาการได้ดี ไม่มีอาการ “หลุด” ออกมาให้เห็นเหมือนครั้งแรกๆ โดยครั้งนี้ถือว่า “ลีลา” ไม่ธรรมดา

แต่ที่น่าจับตาก็คือ การ “ปล่อย” ข่าวที่ว่า “มีคนอยู่ข้างในพรรคเพื่อไทยจะขอมาอยู่ด้วย” ซึ่งพูดแบบเป็นนัย ทิ้งปริศนาแบบนี้มันก็ทำให้ “หูผึ่ง” กันเป็นแถบ ต้องสอบถามกันให้วุ่น อีกด้านหนึ่งมันก็เหมือนกับการ “โยนระเบิดใส่กลางวง” กันเลยทีเดียว เพราะแน่นอนว่า พอสิ้นเสียงก็เชื่อว่าในพรรคเพื่อไทย ก็ต้องมีการ “เขม่นมอง” กันเองแบบไม่ให้ขยับตัวกันเลย ย่อมต้องสร้างความระแวงกันเอง ว่าจะมี “เลือดไหล” อีกชุดใหญ่หรือไม่

แม้ว่าเรื่อง “เลือดไหล” ในพรรคเพื่อไทยในยุคของ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ เกิดขึ้นอยู่เป็นระยะ มีทั้งออกมาตั้งพรรคแบบเปิดเผยเหมือนกรณีของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ซึ่งเชื่อว่ายังจะตามมาอีกชุดใหญ่ในช่วงก่อนการเลือกตั้ง หรือแม้กระทั่งประเภทที่ตัวยังไม่ไป แต่ใจไปนานแล้ว หากพิจารณาจากการ “โหวตสวน” ทุกครั้ง และครั้งนี้ก็น่าจะได้เห็นอีก

อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องการชี้ให้เห็น ก็คือ การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ หรือทุกครั้งที่ผ่านมาของฝ่ายค้านชุดนี้ ที่ถือว่าทำได้ “ต่ำกว่ามาตรฐานมาก” ไม่มีข้อมูลน่าสนใจให้ชวนติดตามแบบจดจ่อได้เลย ไม่สมราคาคุย ขณะเดียวกัน ด้วยข้อมูลหลักฐานที่เบาหวิว มันก็ยิ่งส่งให้รัฐบาลมั่นคงขึ้น อีกทั้งทำให้เห็นว่า ในการซักฟอกแต่ละครั้ง ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความโดดเด่นมากกว่าเดิม

 มิหนำซ้ำ ยังโยนระเบิดเข้าไปในพรรคเพื่อไทย ว่า ให้ระวัง “ลูกพรรค” ย้ายหนี มันก็ยิ่งสร้างความระแวงหนักกว่าเดิม กลายเป็นว่าเข้าเนื้อฝายค้านเต็มๆ !!



กำลังโหลดความคิดเห็น