เมืองไทย 360 องศา
จะเรียกว่าบังเอิญ (อย่างร้ายกาจ) หรือว่าจงใจ “โผล่” ออกมาให้ได้จังหวะพอดีเป๊ะ สำหรับ นายทักษิณ ชินวัตร นักโทษหลบหนีคดีในต่างประเทศ ที่ล่าสุด ก็ออกมาเสนอแนวทางแก้ปัญหาความยากจนให้กับคนไทย ผ่านคลิปวิดีโอ ในงาน “คนไทย ไร้จน” จัดโดย “กลุ่มแคร์” ซึ่งเป็นกลุ่มการเมืองที่มีบุคคลมีความใกล้ชิดกันมาตั้งแต่พรรคไทยรักไทย ต่อเนื่องมาจนถึงพรรคเพื่อไทย
แม้ว่าในข้อเสนอของ นายทักษิณ ชินวัตร จะแสดงให้เห็นถึงมาตรการ และวิธีการแก้ปัญหาความยากจนในแบบที่แสดงให้เห็นว่า “เป็นแนวทางสมัยใหม่” มีการหยิบยกถึงหลักคิดของมหาเศรษฐีโลก อย่าง “บิล เกตส์” ในเรื่องเกิดมาจนไม่ใช่ความผิดของเรา และชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวของรัฐบาลในการแก้ปัญหา และยังเหน็บแนมไปถึงการซื้ออาวุธ ทั้งที่ยังไม่มีสงคราม รวมไปถึงการอ้างถึงรัฐธรรมนูญ ที่ไม่เอื้อต่อการลงทุน และการแก้ปัญหาความยากจน โดยมีรายละเอียดปลีกย่อยมากมาย เชื่อว่า ใครที่สนใจคงสามารถเข้าไปรับชมได้ไม่ยาก ในยุคสื่อโซเชียลปัจจุบันนี้
สิ่งที่น่าสังเกตมากไปกว่านั้น ก็คือ การ “โผล่” ออกมาของ นายทักษิณ ชินวัตร คราวนี้ ก็มาได้จังหวะ (อีกแล้ว) เพราะออกคลิปเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ตอนเย็นๆ ค่ำๆ ต่อเนื่องมาจนถึง วันที่ 15 กุมภาพันธ์ ซึ่งถัดมาอีกวันเดียว คือ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ ต่อเนื่องกันไปถึงวันที่ 19 เดือนเดียวกัน จะเป็น “มหกรรมซักฟอก” ของฝ่ายค้านพอดี ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากช่วงจังหวะเวลา ถือว่าบังเอิญพอดีเป๊ะ
แน่นอนว่า หากพิจารณากันในเชิงการเมือง มันก็ชัดเจนว่า เป็นการออกมาเพื่อ “ร่วมด้วยช่วยกันขย่ม” รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่กำลังถูกพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่นำโดยพรรคเพื่อไทย ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลจำนวนถึง10 คนเลยทีเดียว แน่นอนว่า เป้าหมายหลักก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ ที่อยู่ในอำนาจนานกว่า 7 ปีแล้ว และทำให้เครือข่ายของ นายทักษิณ ชินวัตร ต้องหลุดวงโคจรจากอำนาจรัฐ ต้องอดอยากปากแห้ง และที่สำคัญ ยังไม่มีอนาคตว่าจะได้กลับคืนสู่อำนาจได้อีกเมื่อไหร่
สำหรับคราวนี้ก็เช่นเดียวกัน ถือว่าเป็นจังหวะที่ต้องออกโรงขย่มอีกรอบ แต่คำถามก็คือ มันได้ผลแค่ไหน สามารถ “สร้างกระแส” ได้มากน้อยแค่ไหน หากเปรียบเทียบกับเมื่อหลายปีก่อนหน้านี้ ที่ไม่ว่าเขาจะขยับไปทางไหน แค่ได้เห็นความเคลื่อนไหวก็จะสร้างแรงสั่นสะเทือนเข้ามาในประเทศได้มากมาย
แต่ในระยะหลัง หากสังเกตจะเห็นว่า ความเคลื่อนไหวของ นายทักษิณ ชินวัตร ในแต่ละครั้ง มีลักษณะ “อ่อนแรง” ลงไปเรื่อยๆ เห็นได้ชัดจากครั้งล่าสุดที่ออกมารณรงค์สนับสนุนให้ชาวเชียงใหม่ เชียงราย สนับสนุนผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดของพรรคเพื่อไทย ซึ่งผลการเลือกตั้งที่ออกมา มีแค่ที่จังหวัดเชียงใหม่เท่านั้น ที่ชนะไปแบบฉิวเฉียด ขณะที่เชียงรายพ่ายแพ้ และที่น่าสนใจก็คือ เป็นการลดระดับลงมาในระดับท้องถิ่น และลงมาต่อสู้ขับเคี่ยวกับ “ลูกน้องเก่า” ที่ในอดีตไม่ต่างจากสถานะ “เด็กในบ้าน” เท่านั้น
ขณะเดียวกัน การออกมาครั้งล่าสุด ที่แม้ว่าเนื้อหาทั่วไปจะมีการกล่าวถึงเรื่องแนวทางและวิธีการแก้ไขปัญหาความยากจนของไทยในหลายด้านก็ตาม แต่กลับถูกโฟกัสในเรื่อง “การแก้ไขรัฐธรรมนูญ” ที่เขาอ้างว่า รัฐธรรมนูญเป็นอุปสรรคต่อการลงทุน เป็นการขัดขวางการแก้ปัญหาสารพัด ซึ่งก็อย่าได้แปลกใจที่มีเสียงตอกกลับอย่างทันควันจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้กุมอำนาจในปัจจุบัน ไปทำนองว่า “ทุกอย่างแก้ได้ แค่ทำตามกฎหมาย”
แน่นอนว่า มีหลายมุมมองและความเห็นตามมา แต่สำหรับคนที่หลบหนีคดี โดยเฉพาะคดีทุจริต แม้ว่าความเห็นในบางมุมอาจจะน่ารับฟังก็ตาม แต่อีกด้านหนึ่งมันก็ “ลดความชอบธรรม” ลงไปอย่างน่าเสียดาย
สำหรับ นายทักษิณ ชินวัตร นาทีนี้ ทั้งความชอบธรรม และความน่าสนใจได้ลดลงไปมาก กระแสของเขาในวันนี้ช่างต่างกันลิบลับกับในอดีต พิจารณาจากการออกมาเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดนี้ก็ได้ เมื่อวัดกระแสดูแล้วนับว่า แทบจะไม่มีใครให้ความสนใจนัก หรืออาจเป็นเพราะข้อเสนอไม่น่าสนใจ หรือแบบ “พื้นๆ” หรือเปล่า แต่อีกด้านหนึ่งอาจเป็นเพราะเขา “ตกกระแส” ไปแล้วจริงๆ !!