xs
xsm
sm
md
lg

“สามนิ้ว” ยืนงงในดงพม่า สู้เผด็จการ-ล้มเจ้า-ปากท้อง !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมืองไทย 360 องศา

ก็ต้องบอกว่างงงวยจริงๆ กับพวก “สามนิ้ว” ในไทย ที่ล่าสุด นัดชุมนุมกันอีกรอบ ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์นี้ คงคิดว่ากระแสสามนิ้วในเมียนมา หรือพม่ากำลังจุดติด หรืออย่างน้อยก็คงทำให้คณะเผด็จการทหารพม่า มือไม้ปั่นป่วนจากการลุกฮือขึ้นมาต่อต้านของประชาชนในหลายเมืองใหญ่ หลังจาก พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ก่อการรัฐประหารขับไล่รัฐบาลนางอองซาน ซูจี พ้นจากอำนาจ หลังจากชนะการเลือกตั้ง และชนะพรรคที่โปรทหารอย่างถล่มทลาย เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

ที่ต้องพูดถึงเพราะ “คณะสามนิ้วไทย” พยายาม “โหน” กระแสการชุมนุมในพม่า เพื่อลุ้นว่าจะกลับมาคึกคักในไทยอีกครั้ง หลังจากอยู่ในภาวะ “เสื่อม” ลงมาเรื่อยๆ ขณะที่ระดับแกนนำและแกนตาม ต่างสะสมคดียาวเป็นหางว่าว ประเภท “น้ำลดตอโผล่” หรือว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเองอะไรประมาณนั้น

หากให้โฟกัสแบบแปลกใจกับการนัดชุมนุมในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ของ “สามนิ้วไทย” ที่คราวนี้อ้างว่า “จะไม่ทน” กับการที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปล่อยให้เกิดความอดอยาก ความหมายก็คือ คราวนี้ยกเอาเรื่อง “ปากท้อง” มาอ้างสำหรับการปลุกกระแสครั้งล่าสุด ผิดเพี้ยนไปจากครั้งก่อนๆ ที่เอาเรื่อง “เผด็จการ” และมาเผยเจตนาแท้จริงก็คือ “ล้มเจ้า” ตามที่คนสนับสนุนชักใยอยู่ข้างหลังตั้งใจให้เป็น

แต่การเคลื่อนไหวที่ผ่านมา แม้ว่าในช่วงเริ่มต้นบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก ได้อารมณ์ร่วมพอสมควร แต่หลังจากที่ฝ่ายรัฐบาลสามารถแก้เกมได้ทันท่วงที ทั้งในเรื่องไฟเขียวให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เปิดทางให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่น ที่ก่อนหน้านี้มีการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ไปแล้ว และกำลังจะมีการเลือกตั้งระดับเทศบาลทั่วประเทศ เริ่มมีการรับสมัครกันไปแล้ว

ล่าสุด ก็กำลังจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือ “ซักฟอก” รัฐบาลในสภา วันที่ 16-19 กุมภาพันธ์นี้ ทำให้ความหมายเรื่อง “เผด็จการ” หมดไปทันที

เพราะพรรคการเมืองในเครือข่ายต่างก็เตรียม ส.ส.เอาไว้สำหรับอภิปรายอย่างเต็มที่อยู่แล้ว นั่นเท่ากับว่า พวกเขายอมรับกติกาแบบนั้นแล้ว เพราะหากไม่ยอมรับก็ต้องบอยคอต ไม่ร่วมตั้งแต่แรก เหมือนกับที่ยอมลงเลือกตั้ง ตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่และก็ได้ประโยชน์จากรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมากที่สุด แต่พยายามเลี่ยงไม่พูดถึง หรือแม้แต่เมื่อครั้งแพ้โหวตเลือกนายกฯ แข่งกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แพ้ขาดลอย โดยไม่ต้องพึ่งพา ส.ว. (เผด็จการ) มาโหวตช่วยแต่อย่างใด

เมื่อย้อนกลับไปพิจารณาเหตุการณ์การชุมนุมของ “คณะสามนิ้วเมืองไทย” ที่มีกลุ่ม นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พรรคก้าวไกล รวมไปถึงเครือข่ายคนเสื้อแดง ที่แตกฉานซ่านเซ็นออกมาจากการลอยแพของ นายทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว แม้ว่าช่วงแรกจะเน้นในเรื่อง “ต้านเผด็จการ” มีการสร้างกิจกรรมกันอย่างคึกคักต่อเนื่อง แต่เมื่อมีการเปิดเผยเป้าหมายแท้จริง คือ มุ่งไปสู่เจตนา “ล้มเจ้า” ก็ทำให้กระแสฝ่อลง รวมไปถึงเงื่อนไข และองค์ประกอบหลายอย่าง ทำให้ทุกอย่างเข้าสู่ภาวะ “ขาลง” อย่างรวดเร็ว จนเวลานี้ทั้งบรรดาแกนนำและผู้สนับสนุน ไม่ต่างจาก “ตัวตลก” ไร้เครดิต และเต็มไปด้วยความ “แตกแยก” แฉกันเองแทบจะรายวัน

 แน่นอนว่า หากจะให้เปรียบเทียบกับการชุมนุมในพม่า ที่ประชาชนกำลังรวมตัวลุกฮือขึ้นต่อต้านคณะรัฐประหาร ที่ทำท่าบานปลายในหลายเมือง มันมีบริบทที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง อย่างที่เห็นได้ชัด ก็คือ กองทัพพม่าได้ขับไล่รัฐบาลอองซาน ซูจี ที่เพิ่งชนะเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย และกำลังจะมีการประชุมสภานัดแรก เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ แต่ถูกยึดอำนาจเสียก่อน ขณะที่ในไทยเป็นเพราะโหวตในสภาแล้วแพ้หมดรูป และ สอง หากรัฐบาลชุดนี้ยิ่งอยู่นานตัวเองก็จะเดือดร้อน อดอยากปากแห้ง


จากนั้นก็เผยธาตุแท้ออกมาเป็นเจตนา “ล้มเจ้า” ที่สังคมมองออก มันก็ยิ่งทำให้ทุกอย่าง “จบเห่” เพราะแม้กระทั่ง “ลูกพี่” อย่าง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็หมดเครดิต จากพฤติกรรมพูดอย่างทำอีกอย่าง ตัวเองและคนในครอบครัวล้วนมีแต่เรื่องไม่ชอบมาพากล ทำผิดกฎหมายอยู่ตลอดเวลา มันก็ไร้น้ำหนัก

ดังนั้น อย่าได้แปลกใจที่ “กระแส” ระหว่างในประเทศไทยกับในเมียนมา หรือพม่า มันสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง เพราะในพม่าเป็นการต่อสู้กับ “เผด็จการ” อย่างแท้จริง มีความชอบธรรมกว่า แม้ว่าในรายละเอียดจะมีองค์ประกอบและเงื่อนไขแตกต่างกับการรัฐประหารในอดีตเมื่อหลายปีก่อนที่ “โหดกว่า” ก็ตาม รวมไปถึงเชื่อว่า มีมหาอำนาจตะวันตกแทรกแซงอยู่เบื้องหลังบ้างก็ตาม แต่เอาเป็นว่าสถานการณ์ยังอยู่ในความเสี่ยงที่จะพลิกผันได้ทุกเมื่อ

ขณะที่ “สามนิ้วเมืองไทย” ที่อาจจะหลงกระหยิ่ม ที่อย่างน้อยการชุมนุมในพม่าใช้สัญลักษณ์ “สามนิ้ว” เหมือนกัน แต่ก็คงไปอวดอ้างเคลมเป็นของตัวเองไม่ได้เต็มปาก เพราะตัวเองก็ลอกเอามาจากหนังตะวันตกเรื่องหนึ่งเท่านั้น แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นก็คือที่มาของการชุมนุมและเป้าหมายข้างหน้าว่าชอบธรรม และได้อารมณ์ร่วมจากสังคมมากแค่ไหนต่างหาก ซึ่งในพม่าน่าจะไปไกลกว่า

ขณะที่ “สามนิ้วในไทย” ได้แต่ยืนงงในดงโสร่ง เพราะกำลังสับสนไม่รู้จะไปทางไหนดี เดินหน้าก็ไม่ไป ถอยหลังก็ไม่ได้ มีแต่คุกรออยู่ !!



กำลังโหลดความคิดเห็น