นายกฯ ประกาศกลางสภา “3 ป.” ไม่เคยเรียกรับผลประโยชน์ ปมลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเข้าประเทศ ลั่นรังเกียจเงินชั่วๆ เกลียดลูกน้องเลวๆ เกียรติยศ-ศักดิ์ศรี อยู่ในสายเลือดตั้งแต่เกิดจนตาย
วันนี้ (17 ก.พ.) เวลา 17.30 น.ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาญัตติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ลุกชี้แจงกรณีที่ถูกฝ่ายค้านกล่าวหาว่า ลุล่วงอำนาจแทรกแซงการทำงานของหน่วยงาน ว่า รู้สึกแปลกใจผู้อภิปรายว่าอาจจะไม่มีความเข้าใจ สถานการณ์บทบาทหน้าที่ การบริหารราชการในเชิงโครงสร้าง แต่สิ่งที่เห็นตรงกัน คือ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นสถานการณ์ที่ฉุกเฉิน เป็นภัยคุกคามต่อบ้านเมืองหลายมิติ ถ้าช้าสถานการณ์จะแย่ลง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการรับรู้อย่างเป็นเอกภาพ หรือการทำให้เกิดความสับสน ยิ่งมีสื่อโซเชียลยิ่งจะทำให้การเข้าถึงข้อมูลมากขึ้นมีมากขึ้น บางคนใช้ความคิดเห็นตัวเองสรุปข้อมูลเอง อาจไม่ได้รับการสังเคราะห์ที่เพียงพอ หลายเรื่องเกี่ยวกับหลายกระทรวง มีความรับผิดชอบกฎหมายแตกต่างกัน แต่ทั้งหมดมีอำนาจตามกฎหมายเพียงแต่เปิดเวทีกลางให้ข้อมูลไปในทิศทางเดียวกันให้พื้นที่รับผิดชอบในสถานการณ์ที่มีความแตกต่างกัน เพื่อความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ ไม่มีใครอยากให้ทุกคนลำบาก หรือทำให้เศรษฐกิจไม่ดี เจตนาของพวกเราไม่ใช่แบบนั้น
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า การบริหารสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 อาจไม่ถูกใจ แต่ขอให้เข้าใจทุกคนทำงานเต็มที่ และหลายอย่างมีความย้อนแย้ง ท่านหนึ่งบอกว่าทำไมต้องใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เร็วเกินไป แต่อีกท่านบอกว่าใช้เร็วเกินไป มันย้อนแย้งกันเอง ตรงนี้ทำให้คนทำงานลำบาก แต่ตอนไม่สามารถบังคับให้ทุกคนเห็นชอบ เพราะนี่คือประชาธิปไตย ฉะนั้น ตนไปรวบอำนาจใครที่ไหนใครจะว่า ใครจะด่า ดูถูกเหยียดหยามตนก็นั่งฟังอยู่ ซึ่งมันไม่ควรจะเกิดขึ้นในสภาแห่งนี้ แต่ตนก็อดทน เพราะนี่คือประชาธิปไตย เพราะนี่คือประชาธิปไตยที่ท่านต้องการ ฉะนั้น อย่ามาหาว่าตนเอาแต่อำนาจ ถ้าใช้อำนาจแบบนั้นตนคงไม่ต้องมานั่งแบบนี้ และตนก็ชอบทำงานแบบนี้ให้ทุกคนได้แสดงความคิดเห็น แต่บางครั้งในช่วงที่สถานการณ์ไม่เรียบร้อย ไม่สงบสุขก่อนหน้านั้นหลายปีที่ผ่านมา วันนี้ท่านอาจจะลืมไปแล้วว่าความไม่สงบ 4-5 ปีมาด้วยอะไร ซึ่งท่านก็ตอบไม่ได้ ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น เพราะเป็นเรื่องของอนาคตทุกอย่างอยู่ที่ประชาชน อยู่ที่ระดับผู้บริหารและระดับสมาชิกผู้ทรงเกียรติจะต้องทำความเข้าใจกับประชาชนให้มีความรักความสามัคคี เข้าใจสถานการณ์โดยไม่บิดเบือนบางอย่างร่วมกันได้ แม้ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาลทุกอย่างต้องสร้างความรับรู้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ช่วงแรกเราไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้ โรคระบาดที่เคยเกิดขึ้นมาแก้ปัญหาคนละอย่าง เป็นการระบาดจากสัตว์สู่คน ตนจำได้มีการฆ่าไก่ 4-5 ล้านตัว แต่นี้เป็นคนฆ่าแบบนั้นไม่ได้ รัฐบาลไหนทำก็ไม่รู้เหมือนกัน ยอมรับว่าช่วงแรกอาจสับสน ดังนั้น จึงต้องมีมาตรการกลางมากน้อยขึ้นอยู่กับผู้ว่าราชการจังหวัด ยืนยันตนไม่อยากให้ใครเดือดร้อนทั้งสิ้น ทุกหน่วยงานใช้การบูรณาการร่วมกันด้วยกฏหมายของหน่วยงาน เพื่อไม่ให้สับสนอลหม่าน การจ่ายการบริหารงานต้องเป็นแบบนี้ ตนเชื่อว่า เหตุการณ์จะดีขึ้น ขอให้เชื่อมั่นเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ซึ่งตนเชื่อมั่นทุกฝ่ายไม่ได้เลือกฟัง แต่คนที่จะสรุปคือ ศบค. ตนทำงานรูปแบบคณะกรรมการเหมือนกับรูปแบบของคณะรัฐมนตรี (ครม.) นั่นคือ อำนาจหน้าที่ของตนตามความรับผิดชอบ ทั้งนี้ ตนไม่ได้ผูกขาดอำนาจแต่เพียงผู้เดียวในฐานะ ผอ.ศบค.ได้มีการออกคำสั่งจัดตั้งศูนย์ หลายประเทศก็ทำแบบนี้ ตนไม่อาจกล่าวอ้างว่าเขาใช้แนวทางเรามีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ฉุกเฉิน เพราะมีความขัดแย้งสูงในประเทศประชาธิปไตย สาเหตุที่เขาใช้ เพราะเห็นว่าเราทำได้ผล
“ส่วนข้อกล่าวหาที่ว่าปล่อยให้มีการลักลอบเข้าและออกแรงงานต่างด้าวเข้ามาในประเทศ มีการทุจริตผิดกฎหมาย มีการเรียกรับผลประโยชน์ ผมยืนยัน 3 ป.ไม่มีรับเงิน ไปพิสูจน์มาหาพยานมา แล้วไปสู้กับผมในคดีนี้ ในสภาพูดได้ไม่เป็นอะไร ท่านพูดได้ ผมก็พูดได้ แต่ผมก็ต้องรักษาเกียรติของผม และผมก็รู้ว่าท่านต้องการให้ผมโมโห อยากบอกไว้ก่อน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า วันนี้รัฐบาลพยายามหาวิธีการบริหารสร้างความเข้มแข็งด้านสาธารณสุข ทุกคนช่วยกันคนละไม้คนละมือ ทั้งพยาบาล ทั้งแพทย์ พยาบาล อสม.แต่ท่านกลับบอกว่าล้มเหลวทั้งหมด ทำไมไม่คิดว่าคนทำงานจะเสียใจ หลายอย่างที่รัฐบาลทำให้เกิดผลดี แต่อาจมีผลเสียด้านเศรษฐกิจอยู่บ้าง ซึ่งก็มีมาตรการเสริมเข้าไป แต่ทุกอย่างก็มีปัญหาอยู่บ้าง เพราะเราบริหารคนจำนวนมากที่เดือดร้อน ตนเข้าใจดีและอยากจะให้เร็วที่สุด ไม่มีใครอยากไม่ให้ แต่มันไม่ใช่เงินของตนเป็นเงินของทุกคน แต่อย่าไปพูดบิดเบือนให้เสียหายว่ารัฐบาลไม่ให้ความสนใจ ซึ่งหลายอย่างทำไปหมดแล้ว ส่วนเว็บไทยชนะที่บอกว่าเป็นการบังคับนั้น ขอถามว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นมา แล้วตามเขาไม่ได้จะเกิดอะไรขึ้น ทำเพื่อสุขภาพของประชาชนตรงนี้ต้องขอความร่วมมือด้วย เมื่อเจอปัญหาคือสิ่งที่ต้องแก้ไข ไม่มีอะไรได้มาทีเดียว เช่นเดียวกับการจดทะเบียนแรงงาน ซึ่งก่อนหน้านี้มีขบวนการแรงงานเถื่อน ตนก็ดำเนินการทั้งสิ้น บอกแล้วว่ารังเกียจคนทำผิดกฎหมาย รังเกียจเงินชั่วๆ ที่ได้มาจากการทำความผิด ตนเกลียดลูกน้องเลวๆ เกียรติยศและศักดิ์ศรีอยู่กับตนมาตั้งแต่เกิดจนตายในสายเลือดของตน อย่ามาบอกว่าตนไม่เคารพในศักดิ์ศรีและเกียรติของตัวเอง ไม่เช่นนั้นตนไม่มาทนนั่งอยู่แบบนี้ นี่ไม่ได้โมโห
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า เรื่องการเฝ้าระวังด้านความมั่นคง จะต้องสร้างเครือข่ายประชาชนให้มากที่สุดหลายอย่างเริ่มเปิดเผยมาเรื่อยๆ ต้องขอบคุณจากการพูดหรือการส่งข้อมูลผ่านโซเชียล ทำให้เราได้ข้อมูลในขั้นต้น และพิสูจน์ทราบต่อไป และวันนี้ได้เปิดช่องทางให้คนแจ้งสายตรงมาที่นายกรัฐมนตรี ทำให้ตนได้ข้อมูลมากขึ้นและทำให้ได้มีการจับกุมหลายคดี จะเป็นกระบวนการที่มีทหาร ตำรวจ มันมีอยู่แล้วแต่ตนไม่พูดตรงนี้ เพราะพูดไม่ได้กำลังสอบสวนอยู่ แต่ข้อมูลก็จะออกมาหมด ไม่ใช่ตนไม่รู้ทุกอย่างจะชัดเจนขึ้น ถ้าข้อมูลมาถึงผู้บังคับบัญชาระดับบน ที่ท่านบอกว่าระดับบนรอรับเงินอย่างเดียว เงินตรงไหน ตนไม่มีเรื่องของการทุจริตไม่เคยคุ้นชินกับการทุจริต ท่านพูดมาให้คนเข้าใจผิด จะผิดจะถูกไปว่ากันในกระบวนการยุติธรรมในสภาอยากให้พูดให้เกียรติกันบ้าง การดูถูกเหยียดหยามควรหรือไม่ ในสภาจะพูดอะไรก็พูดได้ แต่ถ้าไปพูดข้างนอกมีปัญหา
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลมีแนวทางในการป้องกันและเฝ้าระวังการแพร่ระบาดโควิด-19 แต่ท่านก็มาตีอันนั้นไม่ดี อันนี้ไม่ดีทำอะไรก็ไม่ถูก เอาไว้ท่านมาเป็นรัฐบาลก็แล้วกัน ก็อวยพรอยากให้เป็น แต่จะได้เป็นหรือไม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ตนไม่ได้หวงอำนาจ ท่านก็เข้ามาด้วยกระบวนการเดียวกันฉะนั้นอย่าพูดมาก