“สมพงษ์” ชักธงรบ เปิดศึกซักฟอก 10 รมต. ซัด “ประยุทธ์” ไร้ภาวะผู้นำทำประเทศล้มเหลว ทุกข์ยากถ้วนหน้า เป็นได้แค่ผู้นำรัฐบาลปรสิต มั่นใจฝ่ายค้านอภิปรายจุดแสงการเมืองแห่งความหวัง เชื่อจุดจบรัฐบาลจะมาในไม่ช้า
วันนี้ (16 ก.พ.) เมื่อเวลา 09.42 น. เริ่มเข้าสู่การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลของพรรคร่วมฝ่ายค้าน บรรดาคณะรัฐมนตรีนำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มาร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
ก่อนเริ่มเข้าสู่วาระ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานที่ประชุม ได้แจ้งให้สมาชิกทราบว่าได้รับแจ้งจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ว่าขอความร่วมมือจากสมาชิก ด้วยมาตรา 37 ของ พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 ห้ามมิให้ออกอากาศรายการที่มีเนื้อหาที่ก่อให้เกิดการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข หรือที่ผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ มิฉะนั้น สถานีวิทยุโทรศัทน์รัฐสภาอาจถูกระงับออกอากาศทันที และอาจถูกพัก หรือเพิกถอนการใช้ใบอนุญาต
จากนั้นที่ประชุมได้หารือถึงแนวทางการอภิปรายในสภาที่จะไม่ให้กระทบต่อสถาบันเบื้องสูง โดยทั้งสองฝ่ายแสดงความคิดเห็นกันอย่างหลากหลายร่วมชั่วโมง ก่อนที่จะได้เข้าสู่วาระพิจารณาญัตติดังกล่าว
เริ่มจากนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลว่า วันนี้เป็นวันที่จะถูกบันทึกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย เพราะเป็นวันเริ่มต้นนับถอยหลังไปสู่จุดจบของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 4 วันนับจากนี้ การอภิปรายไม่ไว้วางใจของ ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้านจะเปิดเผยความไร้ประสิทธิภาพ ขลาดเขลา เบาปัญญาของผู้บริหารประเทศอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเปิดโปงการทุจริตฉ้อฉลของ พล.อ.ประยุทธ์และคณะ และจะเปิดหน้ากากของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ใช้อำนาจเบ็ดเสร็จทำร้ายประเทศชาติบั่นทอนประชาธิปไตย และคุกคามเสรีภาพของประชาชน
นายสมพงษ์กล่าวว่า เวลา 6 ปี 8 เดือน 26 วัน ที่ พล.อ.ประยุทธ์บริหารประเทศนี้ ทั้งในฐานะหัวหน้า คสช. เป็นนายกรัฐมนตรีหลังการรัฐประหาร และในฐานะนายกรัฐมนตรีจากการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญที่ถูกออกแบบเพื่อ พล.อ.ประยุทธ์และพวกพ้อง ทำให้เศรษฐกิจของประเทศชาติพังพินาศ ประชาชนทุกข์ยากแสนเข็ญยิ่งกว่ารัฐบาลใดๆ ในรอบ 8 ทศวรรษ ประเทศไทยมีหนี้สาธารณะมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ธุรกิจใหญ่น้อยล้มละลายทั่วทุกหัวระแหง ยิ่งกว่าวิกฤตเศรษฐกิจทุกครั้งที่ผ่านมารวมกัน ประชาชนมีความทุกข์ยากอย่างถึงที่สุด อึดอัดคับข้องใจในชะตากรรมที่ต้องใช้ชีวิตภายใต้การบริหารประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์มากที่สุด
ผู้นำฝ่ายค้านกล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยทำตามสัญญาที่เขาให้ไว้เมื่อเกือบ 7 ปีที่แล้วว่าจะคืนความสุขมาให้ประชาชน แทนที่จะเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง เขากลับเอาตนเองเป็นศูนย์กลาง แทนที่จะแสวงหาทางออกในทุกปัญหา เขากลับตีโพยตีพาย เห็นปัญหาในทุกทางออก แทนที่จะคิดเก่งทำเก่งดังเช่นที่เขาเคยโอ้อวดว่า การบริหารประเทศไม่เห็นยาก กลับบริหารประเทศแบบคิดไปทำไปไม่มีการวางแผน ไม่รอบคอบ ไม่รัดกุม กลับไปกลับมา และโยนความผิดให้ประชาชน ทำให้เมื่อเผชิญวิกฤตอย่างโรคโควิด-19 ประชาชนจึงทุกข์แสนสาหัส ธุรกิจใหญ่น้อยจึงทยอยล้มลง แม้ธุรกิจที่ยืนหยัดต้านทุกวิกฤตมาได้หลายสิบปีก็ต้องปิดกิจการในยุคของท่าน คงลืมไปว่าประชาชน 67 ล้านคนจ่ายเงินเดือนให้เขามาทำงานเพื่อทำให้ชีวิตประชาชนดีขึ้น ประชาชนต้องการนายกรัฐมนตรีที่ห่วงใยประชาชนมากกว่าห่วงการรักษาอำนาจของตนเอง ต้องการนายกรัฐมนตรีที่ทำสิ่งที่ถูกต้อง มากกว่านายกรัฐมนตรีที่สนใจแต่ความนิยมในโพลที่ลิ่วล้อบริวารเสกสรรปั้นแต่งขึ้นมา
“พล.อ.ประยุทธ์ไม่มีวิสัยทัศน์ ไม่มีภาวะผู้นำ ไม่สามารถรวมพลังผู้มีความรู้ความสามารถเข้ามาช่วยกันพัฒนาประเทศชาติ ได้แต่อวดอ้างไปวันๆ ว่าตนซื่อสัตย์ แต่กลับนิ่งดูดาย วางเฉยให้พวกพ้องและบริวารทุจริตฉ้อฉล รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์จึงเป็นได้เพียง “รัฐบาลปรสิต” ที่กัดกร่อนอนาคตของประเทศและกลืนกินความฝันของประชาชน รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ไม่ใช่รัฐบาลของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน
วันนี้ เรามาประชุมร่วมกันในที่นี่เพื่อร่วมกันยืนยันให้ประชาชนได้ประจักษ์ว่า การเมืองในระบบรัฐสภายังเป็นที่พึ่งหวังให้กับประชาชนได้ ดังนั้น เราต้องร่วมสร้าง “การเมืองแห่งความหวัง” เราจะประกาศศักดิ์ศรีของนักการเมืองที่รักประเทศชาติ รักประชาชน ว่าพร้อมจะทำหน้าที่อย่างองอาจ ไม่หวั่นเกรงต่ออำนาจอยุติธรรม และไม่หวั่นไหวต่อผลประโยชน์ใดๆ ส.ส.ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน จะอภิปรายคนแล้วคนเล่าไม่หยุดยั้งเพื่อแสดงหลักฐานอย่างแจ้งชัดว่า เราไม่อาจยินยอมให้ พล.อ.ประยุทธ์ยังทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อไป แล้วฉุดรั้งให้ชีวิตประชาชนจมดิ่งสู่ความทุกข์ทนยิ่งกว่านี้อีก เราเชื่อมั่นว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้จะเป็นแสงแห่งความหวังที่ส่องสว่างไปทุกแห่งหน เพื่อไล่ความมืดมนที่ พล.อ.ประยุทธ์สร้างไว้มาเกือบ 7 ปี เราต้องมีความหวังอยู่เสมอ เพราะจุดจบของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์กำลังมาถึงในไม่ช้านี้” นายสมพงษ์กล่าว