“ทัดดาว” ไม่ทน! ประกาศลา “ก้าวไกล” แฉ “ทุกคนเท่าเทียม” ไม่มีจริง “จตุพร” เตือนสาวก “ทอน” อย่าเพิ่งดีใจ

และแล้ว ก็ถึงคิว “ทัดดาว” ประกาศลาขาด “ก้าวไกล” แฉ “ทุกคนเท่าเทียม” ไม่มีจริง ระบุมีการแบ่งชนชั้น ทำงานเอาหน้า ยัดบัตรโต๊ะจีน “จตุพร” เตือนสาวก “ทอน” อย่าเพิ่งดีใจ “ม็อบ 3 นิ้ว” เอาอย่างพม่า ฝ่าโควิด-19 “ตีหม้อ(ข้าว)ไล่เผด็จการ”

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (8 ก.พ. 64) เฟซบุ๊ก ทัดดาว ตั้งตรงเจริญ ของ น.ส.ทัดดาว ตั้งตรงเจริญ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.เขตราชเทวี พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความระบุว่า

“ตัวดาวได้ยุติบทบาทการเป็นว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร เขตราชเทวี ในนามพรรคก้าวไกล และสิ้นสุดการเป็นสมาชิกของพรรค ตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2564 เป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ ตลอดช่วงเวลา 1 ปี 7 เดือนที่ได้ร่วมเดินทางมาด้วยกันในทุกๆ วัน คือ การเรียนรู้ ได้ประสบการณ์ ได้ทำงาน ได้ทำตามฝันที่อยากจะเห็นประเทศบ้านเกิดเราที่ดีขึ้น ดาวได้มีโอกาสเจอ ได้มีโอกาสที่จะได้พบกับคนรุ่นใหม่ที่มีฝันเหมือนๆกัน เป็นคนรุ่นใหม่ที่มาจากหลากหลายทิศ จากหลากหลายประสบการณ์ เป็นคนคุณภาพที่ล้วนแล้วแต่มีอนาคตที่สดใสกันทั้งนั้น แต่วันนี้ดาวขอแวะลงกลางทางค่ะ
ประเด็นสำคัญที่ใหญ่ที่สุดที่ขอแยกลงกลางทางคือตลอดเวลาที่ดาวอาสามาดูแลพื้นที่นั้น ข้อร้องขอเดียวที่มีระหว่างดาว และส่วนกลางคือ การขออำนาจสภาฯในวันที่จำเป็น ซึ่งก็เหมือนจะได้แต่ความจริงก็คือไม่ได้ค่ะ เพราะ ส.ส.บัญชีรายชื่อที่เข้ามาดูแลกรณีการแก้ไขปัญหาการเวนคืนที่ดินของการรถไฟฯ ที่ประชาชนชาวราชเทวีรวมไปถึงประชาชนตลอดสายโครงการ EEC หลักพันครัวเรือนกำลังได้รับผลกระทบนั้นนิ่งเฉย ไม่มีเวลาในการรับฟังเสียงของประชาชน

จู่ๆ นึกจะตัดงบงาน กมธ.ก็ตัดแบบไม่คุย ไม่ปรึกษา ไม่สนใจว่า คนหน้างานต้องแบกรับอะไร ทีแรกจะพาไปดูเส้นทาง EEC สุดท้ายย้ายไปจัดในโรงแรมแทน จัดงานก็เหมือนจัดละลายงบ ไม่ได้แคร์ว่า คนที่มาร่วมงานจะได้หรือไม่ได้ประโยชน์ ไม่รู้สึกถึงความเดือดร้อนของประชาชนอย่างแท้จริง ดาวต้องใช้คอนเนกชันส่วนตัวต่อไปถึงผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคการเมืองอื่นให้เข้ามาช่วยเหลือในการรับมือกับปัญหา จนถึงขั้นว่า ตัวท่านอดีตผู้ว่าการการรถไฟฯที่คนรถไฟรักที่สุดถึงกับมาลงพื้นที่ร่วมกับดาวด้วยตัวเอง เปิดช่องให้แล้ว พาท่านมาด้วยแล้ว ให้ได้เจอกันแล้ว แต่คุณก็ไม่ได้สนใจถึงการแก้ปัญหาจริงๆ และก็ปล่อยผ่านไป

จนถึงสุดๆ ต้องขอ ส.ส.เพียว (พ.ต.ต.ชวลิต เลาหอุดมพันธุ์) ให้เข้าไปเป็นปากเป็นเสียงในสภา ซึ่งซิมกับคริสนั่งเตรียมสคริปต์จนถึงตี 2 เพื่อให้ทันพูดตอนเช้า ตัวเพียวก็ไม่ได้นอน นั่งทำงานกันงกๆ จนถึงทุกวันนี้ดาวก็ยังดำเนินการกรณีนี้อยู่ด้วยตัวของดาวเอง และส.ส.ที่รับผิดชอบเรื่องนี้ก็หายสาบสูญไปนาน ยังหาตัวไม่เจอ บอกว่าติดภารกิจตรงนู้นตรงนี้ แบกทุกงานแต่ทำแค่ผิวๆทุกงาน กว่าจะได้เจอได้คุยก็ยากเย็น ประชุมแต่ละทีส่งแต่ตัวแทน ทำงานนี้มาเป็นปีได้เจอหน้ากัน 4 ครั้ง ผ่านสารพัดคนกว่าจะไปถึง คำว่า คนเท่ากันมันไม่มีอยู่จริง

ในพรรคมีลำดับขั้น มีทั้งคนมีสิทธิ์ และไม่มีสิทธิ์ คนที่เป็นส.ส.หรืออดีตผู้สมัครเป็นคนมีบั้ง คนทำพื้นที่งกๆเสียงไม่มี เป็นธรรมดาของพรรคการเมืองที่จะมีผู้บริหาร มีคนกำหนดนโยบาย เป็นการทำงานแบบบนลงล่าง แต่ที่นี่ช่องว่างมันห่างกันเกินไปมาก ห่างกันเกินกว่าจะชูนโยบายคนเท่ากันหรือพรรคนี้เป็นของทุกคนได้ เสียงคนล่างขึ้นไปไม่ถึงข้างบนเลย มันชัดมากว่าพรรคนี้ไม่ใช่ของทุกคนจริงๆ น้อยครั้งมากที่จะมีการหารือกับคนทำพื้นที่ ทั้งๆที่คนหน้างานต้องรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ

ชอบจัด workshop แล้วก็เช็คชื่อเหมือนตอนเรียนมหาลัย ชอบเรียกรวมคนไปตรงนั้นตรงนี้ ทั้งๆที่หน้าที่หลักของว่าที่ผู้สมัครทุกคนคือการดูแลพื้นที่ ไม่ใช่ไปงานสัมมนา ไม่ใช่ว่าให้ทีมงานในพรรคคอยจดชื่อใครมา ใครไม่มา แล้วก็ไป tag จี้ว่า มากี่วันไม่มากี่วันๆในที่สาธารณะ ทั้งๆทีขาด หรือสายเพราะติดภารกิจในพื้นที่

ไม่รู้จักการให้เกียรติ ส.ส.สอบตกเคยมาเชิญคนของดาวออกจากห้องประชุมเพราะส.ส.ในสภาฯเดินไปเรียกให้มาช่วยทำงาน เพราะเค้าไม่ใช่ผู้สมัคร อันนี้จำได้แม่น ไม่น่ารัก มีบั้งแล้วไม่น่ารัก นึกจะยัดบัตรโต๊ะจีนมูลค่า 30,000 ใส่มือผู้สมัครแต่ละคนโดยการบอกว่า หางบเข้าทีมกทม. ให้ผู้สมัครไปหาคนซื้อ นี่ก็ไม่ถูก ผู้สมัครทุกคนใช้ทุนทรัพย์ตัวเอง 100% ในการทำพื้นที่อยู่แล้ว พรรคต้องช่วยแบ่งเบาไม่ใช่เพิ่มภาระ ทำอะไรไม่เคยปรึกษา ภาพการทำงานจากบนลงล่างชัดมากๆ


ยอมรับเลยว่า วันที่ไปเซ็นใบลาออกใจสั่นหวิวอย่างบอกไม่ถูก แต่ชีวิตต้องดำเนินต่อ ดาวยังทำงานต่อไป และหลังจากนี้จะทำให้หนักขึ้นกว่าเดิม จะไปเป็นตัวแทนของชาวราชเทวีให้ได้ เพราะ "หัวใจ" หลักของการที่ดาวเดินเข้ามาในโลกการเมืองอย่างเต็มตัว "คือประชาชน" จุดยืนยังชัดเจน อุดมการณ์ไม่เปลี่ยนแปลง แยกกันวันนี้แต่เราจะไปเจอกันที่ปลายทางถนนสายประชาธิปไตย

ขอบคุณ ส.ส.พี่จ้อน(พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์) เป็นคนแรกที่รับลูกเรื่องรถไฟ และลงพื้นที่เลยทันที สามารถบรรเทาปัญหาในระดับหนึ่งได้เลย ขอบคุณ ส.ส.เพียว(พ.ต.ต.ชวลิต เลาหอุดมพันธุ์) ที่เป็นปากเป็นเสียงให้กับชาวราชเทวีรวมไปถึงประชาชนทุกคนที่ได้รับผลกระทบผ่านเข้าไปในสภาฯ ขอบคุณคริสที่เชื่อมั่นในพวกพี่ และตัดสินใจชวนร่วมทาง ได้เดินทางมาด้วยกัน ขอบคุณพี่เล้าที่เป็นคุณครูคอยติวน้องๆ ขอบคุณมาร์ทกับเฟิร์สที่เป็นน้องที่น่ารักมาเสมอ ขอบคุณพี่ๆน้องๆจนไปถึงเพื่อนๆผู้สมัครที่คอยคอมเม้นว่า สุดยอดครับท่าน แก็งค์เด็กหลังห้องจะมีอยู่ต่อไป

ขอบคุณพี่เอก ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ตลอดเวลาที่ผ่านมาชอบแอบมาลงพื้นที่เขตราชเทวี เข้าชุมชนนั้นทะลุชุมชนนี้ แอบมาเงียบๆ มาคนเดียว เดินสอบถามปัญหากับประชาชน ในบางครั้งใส่แมสแล้วคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือธนาธร มาแบบคนธรรมดาทั่วๆไป มาแบบคนเท่ากัน นี่คือแบบอย่างของตัวแทนประชาชนอย่างแท้จริง สำคัญที่สุดคือขอบคุณพี่น้องชาวราชเทวี ทุกกำลังใจในทุกวันที่มีให้กันคือแรงผลักดันที่พาดาวมาถึงจุดนี้ให้ได้มีแรงที่จะออกไปทำงานในทุกวันเลยจริงๆ

รู้ว่าทุกคนรออ่านกันมาหลายวัน รักนะคะ
ได้แต่ภาวนาให้ได้เกิดการเปลี่ยนแปลง”

ขณะเดียวกัน นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟชบุ๊กไลฟ์ peace talk หลายเรื่องที่อยู่ในสถานการณ์ ที่สำคัญ และนับว่าน่าสนใจ ก็คือ กรณี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ถูกดำเนินคดี เนื่องจากวิจารณ์วัคซีนรัฐบาล พาดพิงในหลวง ร.10

โดยระบุว่า “สำหรับคำสั่งศาลไม่ถอดคลิปวัคซีนโควิดของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานกลุ่มก้าวหน้านั้น กองเชียร์อย่าเพิ่งดีใจมากมาย เพราะกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ร้องขอ ห้ามเผยแพร่ แค่เรียกร้องความสนใจของประชาชนเท่านั้น เมื่อคำสั่งศาลให้เผยแพร่กันใหม่ จึงไม่น่าดีใจอะไรเลย แม้ชนะก็ไม่มีผลในทางปฏิบัติแล้ว แต่เรื่องอื่นควรทำใจไว้ด้วย เนื่องจากยังมีหนทางอีกยาวไกล...


ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน วันนี้ เพจเฟชบุ๊ก แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม - United Front of Thammasat and Demonstration ประกาศนัดจัดกิจกรรม รวมพลคนไม่มีจะกิน ตีหม้อไล่เผด็จการ

โดยระบุว่า “ราษฎรร่วมกับเครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน ร่วมกันประกาศกร้าว ว่าเราจะไม่ยอมทนอีกต่อไป ในเมื่อรัฐบาลประยุทธ์ ยังคงเพิกเฉยต่อความเดือดร้อนของประชาชน ปล่อยให้คนไทยอดตาย รับกรรมทั้งขึ้นทั้งล่อง งานก็ไม่มี เงินเยียวยาก็ไม่ได้ ทั้งที่ผู้ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมโรคต่างออกมาเรียกร้อง ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกันไม่เว้นแต่ละวัน รัฐบาลก็ยังแก้ปัญหาแบบขยักขย่อน ทำงานแบบขอไปที รัฐบาลแบบนี้มีไว้ทำไม!!

เตรียมหม้อเตรียมไม้มาเคาะ ส่งเสียงตะโกนไล่เผด็จการในคราบรัฐบาลไร้ประโยชน์ด้วยกัน วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 ตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป บริเวณสกายวอล์ก หน้า MBK Center ขอความร่วมมือทุกคนสวมหน้ากาก – เว้นระยะห่าง – พกเจลล้างมือ ช่วยกันดูแลตัวเองและผู้ร่วมอุดมการณ์ให้ปลอดภัยจากโควิด 19 #ม็อบ10 กุมภา #ราษฎร #TheRatsadon”


แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจ ล้วนมีความสัมพันธ์กันในเชิงลึก แม้ว่า แต่ละเรื่องจะมีหลักใหญ่ใจความของมันเองอยู่แล้วก็ตาม

นับแต่ ประเด็นความไม่เท่าเทียมในพรรคก้าวไกล ที่ “ทัดดาว” ออกมาแฉ และอย่าลืมว่า กรณีของ “ทัดดาว” ไม่ใช่กรณีแรก หากแต่ในช่วงที่ยังเป็นอดีตพรรคอนาคตใหม่ อดีตผู้สมัครส.ส.หลายคนที่ลาออกจากพรรค ก็เคยออกมาแฉในลักษณะเดียวกัน บางคนแฉถึงขั้นว่า มีชนชั้นศักดินาภายในพรรค ใครเป็นใคร มีแกนนำเผด็จการ ผูกขาดการตัดสินใจ กันเลยทีเดียว

ประเด็นก็คือ อดีตพรรคอนาคตใหม่ และพรรคก้าวไกลในเวลานี้ ประกาศอุดมการณ์ทางการเมือง เป็นการเมืองใหม่ เป็นฝ่ายประชาธิปไตยที่ต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาค ความเท่าเทียมกัน ซึ่งก็ไม่แปลกที่จะยืนหยัดเรียกร้อง “ปฏิรูปสถาบัน” ร่วมกับ “ม็อบ 3 นิ้ว”

แต่สิ่งที่ “ทัดดาว” สะท้อนออกมา มันคนละเรื่อง กับที่ต่อสู้เรียกร้อง เพราะภายในพรรคนั้น ความเท่าเทียมไม่มีจริง

ประเด็นต่อมา กรณีจตุพร เตือนสาวกนายธนาธรเอาไว้ อย่าเพิ่งดีใจให้มากนัก เกี่ยวกับกรณีที่ถูกแจ้งความเอาผิด ตาม ม.112 ถึงแม้ว่า ศาลจะเพิ่งสั่งไม่ถอดคลิปวัคซีนโควิด ออก ซึ่งน่าจะเป็นฝ่าย “ชนะ” ก็ตาม แต่ก็อย่าลืมว่า นี่ไม่ใช่คำพิพากษา ความผิด ม.112 ที่ยังคงดำเนินต่อไป

และประเด็นสุดท้าย กรณีม็อบ 3 นิ้ว นัดชุมนุมอีกครั้ง ท่ามกลางวิกฤตโควิด - 19 กำลังแพร่ระบาดรอบสองอย่างรุนแรง โดยเฉพาะคนไทยแทบจะทุกคนต่างรู้ว่า ม็อบนี้มีเจ้าของ และได้รับการหนุนช่วยจากส.ส.พรรคก้าวไกล มาตลอดในการใช้ตำแหน่งประกันตัวออกมาสู้คดี แล้วก็กลับไปทำผิดซ้ำ จนทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่า เกิดอะไรขึ้นกันแน่ กับการจับแล้วปล่อย และพรรคก้าวไกล ก็คือ ลูกน้องเก่านายธนาธร นั่นเอง

นี่คือ ความผูกพันกันอย่างซับซ้อน สอดประสานกันไปมา ระหว่าง กลุ่มนายธนาธร พรรคก้าวไกล และม็อบ 3 นิ้ว ที่มีเป้าหมายเดียวกันอย่างชัดแจ้ง คือ “ปฏิรูปสถาบัน” ไม่ว่า จะชูประเด็นต่อสู้เรื่องอะไรก็ตาม ในแต่ละสถานการณ์ อย่างล่าสุด ที่กำลังโหนความทุกข์ลำบากของประชาชน ในการชุมนุม ซึ่งแทบไม่ต้องสงสัยว่า เป้าใหญ่คืออะไร แม้พุ่งเป้าโจมตีรัฐบาล แต่ก็ไม่วายที่จะโยงถึง “เผด็จการ” ในภาพรวม อยู่นั่นเอง

เหนืออื่นใด สิ่งที่ “คนใน” แฉออกมาเอง ก็นับว่าน่าเชื่อถืออยู่ไม่น้อย คิดดูให้ดี ขนาดในพรรคยังมีชั้นชั้น ศักดินา แล้วข้ออ้างต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย จะให้คิดอย่างไร ทำเพื่อใคร เพื่อตัวเองหรือไม่ ลองคิดดู!