“ก้าวไกล” ดาหน้าโต้ทุกข้อหา “ณฐพร” ร้องยุบพรรค โต้สร้างผลงานให้เข้าตาผู้มีอำนาจ แลกพ้นผิดคดีฟอกเงิน แถใช้ตำแหน่งส.ส.ประกันตัวผู้ชุมนุม ทำหน้าที่ผู้แทนฯที่ดี ชี้ ยิ่งใช้ม.112 ยิ่งขัดแย้ง ทำสัมพันธ์พระมหากษัตริย์-ประชาชนเสื่อม อัด “ณฐพร” ใช้องค์กรอิสระ-สถาบันบดขยี้ก้าวเกิน พร้อมเผย ยื่นร่างแก้ไขม.112 สัปดาห์หน้า
วันนี้ (3 ก.พ.) เมื่อเวลา 10.30 น. ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล พร้อมส.ส.ของพรรค แถลงการณ์ กรณีนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) พิจารณาวินิจฉัยและเสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งยุบพรรคก้าวไกล ว่า ข้อกล่าวหาของนายณฐพรต่อพรรคก้าวไกลล้วนเป็นความเท็จทั้งสิ้นพรรคก้าวไกลไม่ได้เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข แต่เราเป็นพรรคการเมืองที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญ ต่อต้านการสืบทอดอำนาจของระบอบรัฐประหารพรรคก้าวไกลมิได้กระทำการ หรือส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้ใดกระทำการอันเป็นการก่อกวนหรือคุกคามความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน แต่เราต้องการปกป้องสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน และคัดค้านนโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามนักเรียน นักศึกษา ประชาชน ที่ลุกขึ้นมาทวงคืนอนาคตของพวกเขา
นายชัยธวัช กล่าวว่า นายณฐพรใส่ร้ายพรรคก้าวไกลว่ามีแนวคิดเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขเช่นเดียวกับพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเป็นความเท็จที่นายณฐพรรู้ดีอยู่แก่ใจเนื่องจากเขาเคยยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยมาแล้วว่าพรรคอนาคตใหม่ใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข หรือคดีอิลลูมินาติแล้วศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยเมื่อวันที่21 มกราคม 2563 ว่าพรรคอนาคตใหม่มิได้มีการกระทำตามที่นายณฐพรกล่าวหา
“นี่เป็นพฤติกรรมกล่าวหาเท็จซ้ำซากของนายณฐพร เป็นพฤติการณ์ของโมษะบุรุษ ซึ่งปัจจุบันก็ยังตกเป็นจำเลยในศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบจากคดีฟอกเงินการขายที่ดินของอดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น น่าสงสัยว่า การไล่ร้องยุบพรรคอนาคตใหม่ต่อเนื่องมาถึงพรรคก้าวไกลนี้ เป็นการแสดงผลงานของนายณฐพรให้เข้าตาผู้มีอำนาจ เพื่อหวังจะพ้นผิดจากคดีฟอกเงินที่เป็นชะงักปักหลังอยู่หรือไม่” เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าว
นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า พรรคก้าวไกลยืนยันอีกครั้งว่า พฤติการณ์ที่นายณฐพรนำมากล่าวหาว่าเป็นความผิดนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นการกล่าวหาเท็จทั้งสิ้น เช่น กล่าวหาว่าการที่พรรคก้าวไกลสนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมฉบับประชาชน ซึ่งเปิดให้มี สสร. แก้รัฐธรรมนูญหมวด 1 และหมวด 2 ได้และการแสดงความคิดเห็นต่อการบังคับใช้ ม.112 อย่างไม่เป็นธรรมกับการจะเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ม.112 นั้นถือเป็นกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทั้งที่การลงมติเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมและการเสนอร่างกฎหมาย เป็นอำนาจของสมาชิกสภานิติบัญญัติและเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติของผู้แทนราษฎร
นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า แม้แต่การกล่าวหาว่า การที่ ส.ส. พรรคก้าวไกลไปสังเกตการณ์การชุมนุมของนักเรียนนักศึกษาและใช้ตำแหน่งประกันตัวนักเรียนนักศึกษาประชาชนที่ถูกดำเนินคดีนั้น ถือเป็นกระทำการ หรือส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้ใดกระทำการอันเป็นการก่อกวนหรือคุกคามความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนทั้งๆ ที่การไปสังเกตการณ์การชุมนุมของ ส.ส. นั้น ก็เพื่อทำหน้าที่ของผู้แทนราษฎรที่ดีในการไปรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและช่วยระงับความรุนแรง หากเกิดการปะทะกันส่วนการช่วยประกันตัวนักเรียนนักศึกษาประชาชนนั้น ก็เป็นการประกันสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนในกระบวนการยุติธรรมผู้ต้องหาทุกคนต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ เช่นเดียวกับนายณฐพรที่มีสิทธิได้รับการประกันตัวในคดีฟอกเงิน
นายชัยธวัช กล่าวด้วยว่า หาก ส.ส. ที่ไปประกันตัวนักเรียนนักศึกษาประชาชนจะมีความผิด ก็คงเป็นความผิดที่ไม่สยบยอมให้รัฐบาลในระบอบประยุทธ์ ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือปราบปรามทางการเมืองตามอำเภอใจ โดยทำลายหลักนิติรัฐและละเมิดสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน ทั้งนี้ พรรคก้าวไกลได้กล่าวเตือนรัฐบาลไว้ในหลายโอกาสแล้วว่า การรับมือกับความเรียกร้องต้องการของคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นความจริงอันน่ากระอักกระอ่วนใจสำหรับคนรุ่นเก่า โดยเฉพาะแนวคิดเรื่องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์นั้น ต้องมีกุศโลบายที่ละเอียดอ่อน และแทนที่จะเน้นมาตรการกดบังคับปราบปราม ควรเปิดพื้นที่ปลอดภัยให้แต่ละฝ่ายได้พูดคุยกันอย่างมีวุฒิภาวะ แต่แนวทางที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์กระทำมา รวมทั้งการบังคับใช้ ม.112 กลับยิ่งทำให้ความขัดแย้งทางการเมืองตึงเครียดมากขึ้น และจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพระมหากษัตริย์กับประชาชนเสื่อมทรามลง
เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวต่อท้ายว่า ปลายเดือน ก.พ. นี้ จะครบรอบ 1 ปีการยุบพรรคอนาคตใหม่ในโอกาสนี้พรรคก้าวไกลเห็นว่า คำร้องยุบพรรคของนายณฐพรดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการที่ต้องการบดขยี้พรรคอนาคตใหม่สืบเนื่องมาถึงพรรคก้าวไกล โดยใช้สถาบันพระมหากษัตริย์และกลไกองค์กรอิสระในระบอบประยุทธ์เป็นเครื่องมือทำลายล้างทางการเมือง ทั้งนี้ ก็เพราะอนาคตใหม่และก้าวไกลเป็นพรรคการเมืองที่เป็นอุปสรรคต่อการสถาปนาระบอบอำนาจนิยมสมบูรณาญาสิทธิ์ในปัจจุบัน พรรคก้าวไกลจะต่อสู้อย่างถึงที่สุด เพื่อปกป้องเสียงและเจตจำนงที่พวกเราได้รับมาจากประชาชน เพื่อผลักดันสังคมไทยให้มีอนาคต หลุดพ้นจากหลุมดำทางการเมืองของชนชั้นสูง กองทัพ และนายทุนผูกขาด ให้คนส่วนใหญ่ในชาติและลูกหลานของพวกเราได้มีโอกาสเจริญก้าวหน้าอย่างเท่าเทียมเป็นธรรม
เมื่อถามว่าทางพรรคจะดำเนินคดีกับนายณฐพรหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ทางพรรคจะดำเนินคดีนายณฐพรผิดพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 101 เกี่ยวกับการให้ความเท็จพรรคการเมือง
ถามถึงความคืบหน้าการยื่นร่างแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 นายชัยธวัช เปิดเผยว่า สัปดาห์หน้าพร้อมยื่น ส่วนการลงชื่อเป็นเรื่องเอกสิทธิ์ของแต่ละส.ส.