“ณฐพร” ยื่น กกต.ยุบพรรคก้าวไกล ชี้ประกันตัวม็อบ-แก้ ม.112 เป็นพฤติกรรมปฏิปักษ์ต่อการปกครอง ยันหลักฐานชัดเจนครบถ้วน จึงต้องทำหน้าที่ตรวจสอบพรรคในฐานะ ปชช. ปัดโกรธแค้นส่วนตัว
วันนี้ (2 ก.พ.) นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เข้ายื่นคำร้องต่อ กกต.ขอให้พิจารณาตรวจสอบการกระทำของพรรคก้าวไกล กรณีพรรคและสมาชิกพรรคการแสดงความเห็นทางการเมือง เข้าร่วมกับผู้ชุมนุม ประกันตัวผู้ต้องหาในคดีชุมนุมทางการเมือง ถือเป็นการกระทำการ หรือส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้ใดกระทำการอันเป็นการก่อกวนหรือคุกคามความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน รวมทั้งกรณียื่นร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา ในฐานความผิดเกี่ยวกับการหมิ่นประมาททั้งหมด และมาตรา 112, ร่างแก้ไข พ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560, และร่างแก้ไข พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 ตลอดจนการลงมติเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมฉบับไอลอว์ ว่าเข้าข่ายการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันเป็นความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 45 และมาตรา 92 (2) (3) จึงขอให้ กกต.พิจารณาวินิจฉัย และเสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค
นายณฐพรกล่าวว่า ที่มายื่นร้องเนื่องจากพรรคก้าวไกลมีการกระทำใน 2 ประเด็น ยุยงส่งเสริม สนับสนุนให้มีการชุมนุม ก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง และมีการประกันตัวผู้ต้องหาในคดีมาตรา 112 มีการเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งการกระทำเหล่านี้ตนได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานมานาน และมีหลักฐานครบทั้งหมด จึงมายื่นให้ กกต.พิจารณา และศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นผู้วินิจฉัยว่าหลักฐานดังกล่าวเป็นความผิดที่สามารถสั่งยุบพรรคได้หรือไม่ ยืนยันว่าการดำเนินการครั้งนี้เป็นการตรวจสอบการทำงานของพรรคการเมืองในฐานะประชาชนตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 51 กำหนด
ส่วนที่ ส.ส.พรรคก้าวไกลอ้างว่าการประกันตัวผู้ต้องหาและการเสนอแก้ไขกฎหมายเป็นการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ ขอถามกลับว่าหากตนไปหมิ่นประมาทแม่ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.พรรคก้าวไกล จะประกันตัวให้ตนหรือไม่ ส่วนการแก้ไขมาตรา 112 การเป็นนักการเมืองจะทำอะไรก็ต้องศึกษาว่ามาตราดังกล่าวมีผลร้ายต่อประเทศและประชาชนอย่างไร และกฎหมายมาตรานี้ไม่ใช่เพิ่งมี แต่มีมานานแล้ว ทั่วโลกก็มีกฎหมายคุ้มครองประมุข เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเอามาชุมนุมกัน ซึ่งการเสนอแก้ไขมาตรา 112 ไม่ใช่เพียงเรื่องการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญเพื่อขอแก้ไขกฎหมายเท่านั้น แต่ยังมีการโยงใยไปถึงการล้มล้างระบอบการปกครองซึ่งเรามีหลักฐาน
“พฤติกรรมหลายๆ อย่างที่ทำมามันไม่ถูกต้องตามกฎหมาย อย่างเช่น หัวหน้าพรรคก้าวไกลยื่นประกันตัวทนายอานนท์ นำภา ที่ละเมิดต่อมาตรา 6 ของกฎหมายอาญา ซึ่งการไปประกันตัวบุคคลพวกนี้ถือว่าละเมิดหรือไม่ แม้จะอ้างว่าศาลยังไม่ตัดสิน แต่ความผิดซึ่งหน้ามันชัดเจนว่าทำผิด และยังมีการละเมิดสิทธิบุคคลอย่างกรณีสถาบันฯ ถูกละเมิดอย่างแรง กรณีการฉีกรูปพระบรมฉายาลักษณ์ อย่างไรก็ตาม บอกได้เลยที่มายื่นวันนี้หลักฐานชัดเจน ไม่มีหลักฐานที่เคลือบคลุม อันไหนที่ต้องตีความกันเราไม่ยื่น เอกสารหลักฐานต่างๆ เราขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างเรื่องการโอนเงินก็มีหลักฐานว่าพวกที่ชุมนุมได้เงินจากใคร ใครโอนเงินให้ ใครจ่ายเงินให้ จ่ายเงินที่ไหน เรามีหลักฐานครบทุกอย่าง ทั้งนี้เราเชื่อว่าเราจะพิสูจน์ให้สังคมเห็นว่าที่เรายื่นไม่ได้กลั่นแกล้ง แต่มีหลักฐานเพียงพอ”
นายณฐพรยังยืนยันว่า การยื่นยุบพรรคก้าวไกลในวันนี้ไม่ได้โกรธแค้นส่วนตัวกับใคร แต่ทำในฐานะประชาชนที่มีหน้าที่ที่รวบรวมพยานหลักฐานมานาน ก่อนหน้านี้ก่อนการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญตนก็ยื่นเสนอศาลรัฐธรรมนูญทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล เราเอากฎหมายเป็นหลัก บ้านเมืองมีกฎหมาย ถ้าเรายกการบังคับใช้กฎหมายให้คนกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดก็จะทำให้การบังคับใช้กฎหมายไม่ครบถ้วน ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่ได้ต้องจ้องยุบพรรค แต่มีกฎหมายชัดเจนว่าการทำหน้าที่ ส.ส. ไม่ใช่จ้องล้มล้างสถาบันฯ เพื่อจะเอาใจคนใดคนหนึ่ง