ผู้จัดการรายวัน360- "ณฐพร" ยื่น กกต. พิจารณาส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล ชี้ปัญหาการประกันตัว ม็อบ-แก้ม.112 เป็นพฤติกรรมปฏิปักษ์ต่อการปกครองส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้ใดก่อการกระทำอันเป็นการก่อกวน คุกคาม ความสงบ ยันหลักฐานเพียบชัดเจนครบถ้วน ไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งใครแต่อย่างใด ด้าน"พิธา" โพสต์เฟซบุ๊ก ส่วนตัว โต้กลับทันที ว่า เลอะเทอะ ไร้สาระ ยิ่งกว่าคำร้องคดี อิลูมินาติ แถมขู่ซ้ำ เตรียมจะฟ้อร้องกลับด้วยในข้อหากล่าวหาอันเป็นเท็จ ตามมาตรา 101 เชื่อว่าตั้งใจก่อกวน เบี่ยงเบนกลบเกลื่อนความผิดพลาด
วานนี้ ( 2ก.พ.) นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เข้ายื่นคำร้องต่อ กกต. ขอให้ตรวจสอบการกระทำของพรรคก้าวไกล กรณี พรรคและสมาชิกพรรค แสดงความเห็นทางการเมือง เข้าร่วมกับผู้ชุมนุม ประกันตัวผู้ต้องหาในคดีชุมนุมทางการเมือง ถือเป็นการกระทำการ หรือส่งเสริม สนับสนุน ให้ผู้ใดกระทำการอันเป็นการก่อกวน หรือคุกคามความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
รวมทั้งกรณียื่นร่างแก้ไข ประมวลกฎหมายอาญา ในฐานความผิดเกี่ยวกับการหมิ่นประมาททั้งหมด และมาตรา 112, ร่าง แก้ไข พ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560, และ ร่าง แก้ไข พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558
ตลอดจนการลงมติเห็นชอบ ร่าง รธน.แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับไอลอว์ ว่าเข้าข่ายการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันเป็นความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 45 และมาตรา 92 (2) (3) จึงขอให้ กกต.พิจารณาวินิจฉัย และเสนอเรื่องให้ศาล รธน.สั่งยุบพรรค
นายณฐพร กล่าวว่า พรรคก้าวไกลมีการกระทำใน 2 ประเด็น ยุยงส่งเสริม สนับสนุนให้มีการชุมนุม ก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง และมีการประกันตัวผู้ต้องหาในคดี มาตรา 112 มีการเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งการกระทำเหล่านี้ มีหลักฐานครบทั้งหมด จึงมายื่นให้ กกต.พิจารณา และ ศาลรธน.จะเป็นผู้วินิจฉัยว่า หลักฐานดังกล่าวเป็นความผิดที่สามารถสั่งยุบพรรคได้หรือไม่
"พฤติกรรมหลายๆอย่าง ที่ทำมา มันไม่ถูกต้องตามกฎหมาย อย่างเช่น หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยื่นประกันตัวทนายอานนท์ นำภา ที่ละเมิดต่อ มาตรา 6 ของกฎหมายอาญา ซึ่งการไปประกันตัวบุคคลพวกนี้ ถือว่าละเมิดหรือไม่ และยังมีการละเมิดสิทธิบุคคล อย่างกรณีสถาบันฯ ถูกละเมิดอย่างแรง กรณีการฉีกรูปพระบรมฉายาลักษณ์ ที่มายื่นวันนี้หลักฐานชัดเจน เอกสารหลักฐานต่างๆ เราขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้เราเชื่อว่าเราจะพิสูจน์ให้สังคมเห็นว่าที่เรายื่นไม่ได้กลั่นแกล้ง แต่มีหลักฐานเพียงพอ" นายณฐพร กล่าว และว่า การยื่นยุบพรรคครั้งนี้ ไม่ได้โกรธแค้นส่วนตัวกับใคร แต่ทำในฐานะประชาชน
ด้านนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพลต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงเรื่องนี้ว่า ได้อ่านเอกสารคำร้อง ที่นายณัฐพร ส่งให้ กกต.แล้ว ไม่มีอะไรจะพูดอะไรมากนอกจากคำว่า"เลอะเทอะ"และ"ไร้สาระ"
คุณณัฐพร โตประยูร ชื่อคุ้นๆ เพราะเป็นหนึ่งในผู้เกี่ยวของกับคดีฟอกเงินที่ดินคลองจั่น เกือบ 5 ร้อยล้านบาท เป็นผู้สนับสนุนระบอบสืบทอดอำนาจ คสช. และเขายังเป็นคนเดียวกับที่เคยยื่นให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ คดี ‘อิลูมินาติ’ด้วย ซึ่งในคดีนั้น ก็จบลงที่ศาลฯวินิจฉัยไม่ยุบพรรคอนาคตใหม่
คำร้องยุบพรรค ที่เขียนมานั้น ข้อเท็จจริงที่กล่าวอ้างมา ก็ไม่มีส่วนไหนเลยที่สนับสนุนสิ่งที่ตัวเองกล่าวหา ซึ่งอ่านทั้งหมดแล้ว ก็รู้สึกว่าไร้สาระยิ่งกว่าคดี"อิลูมินาติ" เสียอีก ดังนั้นทางผมและพรรค กำลังพิจารณาฟ้องร้องดำเนินคดีกับคุณณัฐพร ในความผิด มาตรา 101 แห่ง พ.ร.บ.พรรคการเมือง 2560 ในข้อหา “ผู้ใดแจ้งหรือกล่าวหาพรรคการเมือง หรือบุคคลใดว่ากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ ต่อคณะกรรมการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยรู้อยู่ว่าเป็นความเท็จ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น..."
วานนี้ ( 2ก.พ.) นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เข้ายื่นคำร้องต่อ กกต. ขอให้ตรวจสอบการกระทำของพรรคก้าวไกล กรณี พรรคและสมาชิกพรรค แสดงความเห็นทางการเมือง เข้าร่วมกับผู้ชุมนุม ประกันตัวผู้ต้องหาในคดีชุมนุมทางการเมือง ถือเป็นการกระทำการ หรือส่งเสริม สนับสนุน ให้ผู้ใดกระทำการอันเป็นการก่อกวน หรือคุกคามความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
รวมทั้งกรณียื่นร่างแก้ไข ประมวลกฎหมายอาญา ในฐานความผิดเกี่ยวกับการหมิ่นประมาททั้งหมด และมาตรา 112, ร่าง แก้ไข พ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560, และ ร่าง แก้ไข พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558
ตลอดจนการลงมติเห็นชอบ ร่าง รธน.แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับไอลอว์ ว่าเข้าข่ายการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันเป็นความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 45 และมาตรา 92 (2) (3) จึงขอให้ กกต.พิจารณาวินิจฉัย และเสนอเรื่องให้ศาล รธน.สั่งยุบพรรค
นายณฐพร กล่าวว่า พรรคก้าวไกลมีการกระทำใน 2 ประเด็น ยุยงส่งเสริม สนับสนุนให้มีการชุมนุม ก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง และมีการประกันตัวผู้ต้องหาในคดี มาตรา 112 มีการเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งการกระทำเหล่านี้ มีหลักฐานครบทั้งหมด จึงมายื่นให้ กกต.พิจารณา และ ศาลรธน.จะเป็นผู้วินิจฉัยว่า หลักฐานดังกล่าวเป็นความผิดที่สามารถสั่งยุบพรรคได้หรือไม่
"พฤติกรรมหลายๆอย่าง ที่ทำมา มันไม่ถูกต้องตามกฎหมาย อย่างเช่น หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยื่นประกันตัวทนายอานนท์ นำภา ที่ละเมิดต่อ มาตรา 6 ของกฎหมายอาญา ซึ่งการไปประกันตัวบุคคลพวกนี้ ถือว่าละเมิดหรือไม่ และยังมีการละเมิดสิทธิบุคคล อย่างกรณีสถาบันฯ ถูกละเมิดอย่างแรง กรณีการฉีกรูปพระบรมฉายาลักษณ์ ที่มายื่นวันนี้หลักฐานชัดเจน เอกสารหลักฐานต่างๆ เราขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้เราเชื่อว่าเราจะพิสูจน์ให้สังคมเห็นว่าที่เรายื่นไม่ได้กลั่นแกล้ง แต่มีหลักฐานเพียงพอ" นายณฐพร กล่าว และว่า การยื่นยุบพรรคครั้งนี้ ไม่ได้โกรธแค้นส่วนตัวกับใคร แต่ทำในฐานะประชาชน
ด้านนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพลต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงเรื่องนี้ว่า ได้อ่านเอกสารคำร้อง ที่นายณัฐพร ส่งให้ กกต.แล้ว ไม่มีอะไรจะพูดอะไรมากนอกจากคำว่า"เลอะเทอะ"และ"ไร้สาระ"
คุณณัฐพร โตประยูร ชื่อคุ้นๆ เพราะเป็นหนึ่งในผู้เกี่ยวของกับคดีฟอกเงินที่ดินคลองจั่น เกือบ 5 ร้อยล้านบาท เป็นผู้สนับสนุนระบอบสืบทอดอำนาจ คสช. และเขายังเป็นคนเดียวกับที่เคยยื่นให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ คดี ‘อิลูมินาติ’ด้วย ซึ่งในคดีนั้น ก็จบลงที่ศาลฯวินิจฉัยไม่ยุบพรรคอนาคตใหม่
คำร้องยุบพรรค ที่เขียนมานั้น ข้อเท็จจริงที่กล่าวอ้างมา ก็ไม่มีส่วนไหนเลยที่สนับสนุนสิ่งที่ตัวเองกล่าวหา ซึ่งอ่านทั้งหมดแล้ว ก็รู้สึกว่าไร้สาระยิ่งกว่าคดี"อิลูมินาติ" เสียอีก ดังนั้นทางผมและพรรค กำลังพิจารณาฟ้องร้องดำเนินคดีกับคุณณัฐพร ในความผิด มาตรา 101 แห่ง พ.ร.บ.พรรคการเมือง 2560 ในข้อหา “ผู้ใดแจ้งหรือกล่าวหาพรรคการเมือง หรือบุคคลใดว่ากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ ต่อคณะกรรมการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยรู้อยู่ว่าเป็นความเท็จ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น..."