xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” สั่งทำแผนฉีดวัคซีน “อนุทิน” ยันการเมืองไม่จุ้นจัดลำดับ “โสภณ” ชี้ รมต.ได้ลอตแรก

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายกฯ มอบนโยบายคณะอนุ กก.บริหารจัดการสถานการณ์วัคซีน เร่งทำแผนฉีดรวดเร็ว โปร่งใส มีประสิทธิภาพ เน้นปลอดภัย “อนุทิน” ยันจัดลำดับฉีดไร้แรงกดดันการเมือง ไม่กล้าสั่งหมอ “โสภณ” เผย นายกฯ-รมต.มีสิทธิรับวัคซีนลอตแรก อยู่ที่ความสมัครใจ

วันนี้ (15 ม.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข นำคณะอนุกรรมการบริหารจัดการสถานการณ์วัคซีน เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ต่อมาเวลา 16.20 น. ภายหลังการหารือ นายอนุทิน เปิดเผยว่า หลังจากนายกฯได้แต่งตั้ง นพ.โสภณ เมฆธน ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานคณะอนุกรรมการ จึงได้พามารับนโยบาย โดยนายกฯได้กำชับเรื่องการจัดทำแผนกระจายวัคซีนว่าต้องรวดเร็วและโปร่งใส เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เน้นความปลอดภัย และต้องจัดหาวัคซีนมาให้ได้โดยเร็วที่สุด ซึ่งทุกวันนี้เราได้ดำเนินการหลายขั้นตอนไปแล้ว วัคซีนที่เราสั่งอยู่ในมือแน่ๆ คือ จาก บริษัท แอสตราเซนเนกา 26 ล้านโดส เดือน มิ.ย.จะเริ่มส่งลอตแรกเข้ามาถึงไทย ขณะเดียวกัน จากนี้ไปจนถึงเดือน มิ.ย.จะมีการเจรจากับทาง บริษัท ซิโนแวค ขณะที่ทางบริษัท ซิโนแวค รอผลการขึ้นทะเบียนกับจีนอยู่ นอกจากนี้ ก็ยังต้องเจรจาอีกหลายๆ เจ้า คือ ทั้งหมดต้องมาขึ้นทะเบียนก่อน ตอนนี้บริษัทที่มาขอขึ้นทะเบียนมีเพียง บริษัท แอสตราเซนเนกา เพียงบริษัทเดียวเท่านั้นเอง หากวัคซีนบริษัทจากประเทศไหนมาขอจดทะเบียนที่ไทย เราก็ยินดีพิจารณา ซึ่งจะต้องดูเอกสารให้ถูกต้อง เราก็อนุมัติอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้พิจารณาการจัดวางระบบการกระจายวัคซีนอย่างไร เพราะทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประกาศจะซื้อมาฉีดประชาชนในพื้นที่ แต่บางส่วนเกรงว่าจะเกิดความเหลื่อมล้ำ นายอนุทิน กล่าวว่า รัฐบาลไทยจะฉีดให้พี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนอย่างทั่วถึง ไม่มีเหลื่อมล้ำ หน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุข คือ ฉีดให้ประชาชนทุกคนตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี แต่เรื่องของท้องถิ่นไม่ใช่เรื่องที่ตนจะพูดได้ เมื่อถามว่า แผนการกระจายวัคซีนที่จะฉีดให้ประชาชนและกลุ่มต่างๆ จะต้องมีการทำประชาสัมพันธ์ควบคู่ไปด้วยหรือไม่ เพื่อให้เกิดความเข้าใจว่าทำไมรัฐบาลต้องฉีดกลุ่มนั้นกลุ่มนี้ก่อน นายอนุทินกล่าวว่า ตนถึงได้ให้ผู้มีประสบการณ์ นักวิชาการ คณะกรรมการที่ประกอบไปด้วยคณะแพทย์และคนที่เป็นนักวิชาการส่วนใหญ่ เพื่อที่จะอธิบายประชาชนได้

“ขอให้มั่นใจว่า ไม่มีความกดดันทางการเมือง หรืออิทธิพลทางการเมือง ผมไม่กล้าสั่งหมออยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง” นายอนุทินกล่าว

เมื่อถามว่า จะกลายเป็นว่ารัฐบาลผลักภาระให้ท้องถิ่นจัดหาวัคซีนฉีดให้ประชาชนในพื้นที่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า รัฐบาลไม่เคยคิดจะผลักภาระ ทุกวันนี้คุยกันถึงจำนวนประชาชน 70 ล้านคน เอาฐานตัวเลข 70 ล้านคน มาคำนวณ ฉีดให้ครบโดสแล้วไม่ต้องฉีดซ้ำซ้อน เมื่อถามว่ามีการประเมินหรือไม่ว่าจะสามารถฉีดวัคซีนให้คนไทยได้ทั่วประเทศภายในระยะเวลาเท่าไหร่ นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องนี้ทางกรมควบคุมโรคจะเป็นผู้รับผิดชอบ โดยมีการตั้งกฎเกณฑ์ต่างๆ ในการฉีด เรื่องนี้ถือเป็นวัคซีนใหม่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน ฉะนั้น การฉีดในช่วงแรก จากที่กรมควบคุมโรคอธิบายมาต้องมีการฉีดในสถานพยาบาลก่อน เพราะต้องมีการเฝ้าระวังสังเกตการณ์หลังการฉีด เมื่อตัวเลขนิ่งสถานการณ์ดีก็สามารถเร่งทยอยฉีดได้ ทั้งนี้ ต้องอยู่ในห้วงเวลา 1 ปีนี้ ที่จะฉีดให้หมด และครั้งนี้ถือเป็นการฉีดวัคซีนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยตั้งแต่เคยมีมา ก็จะต้องมีการวางแผนให้ดี

ด้าน นพ.โสภณ กล่าวเพิ่มเติมถึงกลุ่มคนที่ยังไม่ควรรับวัคซีน ว่า หากดูประสิทธิภาพของวัคซีนจะเป็นเรื่องของการป้องกันการป่วย ป้องกันความรุนแรง ทางวิชาการมาแบบนี้เราก็ต้องวางเป้าหมายการฉีด คือ คนที่เสี่ยงในการเสียชีวิตหรือป่วยรุนแรง ดังนั้น กลุ่มที่ 1 คือ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป กลุ่มที่ 2 ผู้ป่วยเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดัน หรือโรคทางปอด ส่วนคนท้องยังไม่แนะนำให้รับวัคซีน รวมถึงเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี หรือ 18 ปี ด้วย ซึ่งกลุ่มนี้มีประมาณ 10 กว่าล้านคน ต่อมาถ้าระบบสาธารณสุขเดินหน้าได้ก็ต้องฉีดให้บุคลากรไปจนถึงอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) คนทำงานหน้างาน จากนั้นไปดูในพื้นที่เสี่ยงเช่น พื้นที่สีแดงที่เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด จ.ระยอง ชลบุรี ตราด และต้องดูตามจำนวนวัคซีนที่ได้เข้ามาด้วยในการบริหารจัดการ

“นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำให้ทำแผนออกมาให้ชัดเจน และให้มั่นใจไปจนถึงเรื่องเข็ม ไซริงก์ ตู้เย็น ต้องเตรียมความพร้อมให้หมด ซึ่งจะต้องมีการจัดทำแผนที่ชัดเจนเสนอให้นายกฯได้เห็น” นพ.โสภณ กล่าว

เมื่อถามว่า เรื่องประสิทธิภาพของวัคซีนที่จะเข้ามาในไทยลอตแรก มีการนำมาเปรียบเทียบกับวัคซีนที่จะเข้ามาปลายปีมีความแตกต่างกัน จะอธิบายสังคมอย่างไรไม่ให้เกิดความลังเลในการรับวัคซีน นพ.โสภณ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ออกมา แต่ข้อมูลวันนี้คนยังไม่รู้ทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น ต้องรอข้อมูลที่ชัดเจน แต่ข้อมูลที่มีอยู่คือลดความสูญเสียความรุนแรง อย่างไรก็ตาม วัคซีนที่จะเข้ามาลอตแรกขณะนี้ เราได้จัดทำแผนไว้แล้ว เมื่อเข้ามาก็ต้องรอการขึ้นทะเบียน ยืนยันว่า วัคซีนที่เข้ามาจะต้องมีคุณภาพและคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ต้องรับรอง

เมื่อถามว่า วัคซีนลอตแรกที่เข้ามา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีจะอยู่ในกลุ่มแรกที่ต้องฉีด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นก่อนหรือไม่ นพ.โสภณ กล่าวว่า ถือเป็นสิทธิที่ควรได้ฉีดตามกลุ่มเป้าหมาย แต่คนไทยคนไหนจะฉีดหรือไม่ฉีดขึ้นอยู่กับความสมัครใจ ต้องช่างน้ำหนักเอาเอง ตนจะไปบอกแทนไม่ได้ ส่วนที่มีข่าวว่าคนที่ศัลยกรรมใบหน้า ฉีดโบท็อกซ์ ไม่ควรรับวัคซีนนั้น ยังไม่มีข้อมูลแบบนี้ ต้องดูว่าเอาข้อมูลมาจากไหน อ้างอิงจากใคร ถ้าเป็นแค่ข่าวส่งต่อกันต้องเช็กดูว่าจริงหรือไม่ วัคซีนแต่ละตัวมีข้อบ่งชี้ข้อห้ามใช้ที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม วันนี้ได้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมา 4 ชุด ซึ่งมีชุดที่ทำเรื่องการสื่อสารด้วย และคุณภาพวัคซีน การลงแอปพลิเคชัน การลงทะเบียนติดตามการรักษาหลังการฉีด เข้าใจว่า เรื่องการสื่อสารเป็นเรื่องสำคัญ ในส่วนของโรงพยาบาลเอกชนรัฐบาลอาจขอความร่วมมือในการช่วยฉีดวัคซีน เพราะนายกฯต้องการให้คนไทยทุกคนมีสิทธิ์ได้ฉีด ดังนั้น ต้องช่วยกัน แต่ก็ขึ้นอยู่กับคนไทยว่าใครจะฉีดไม่ฉีด และเรียงลำดับความสำคัญ วัคซีนทยอยเข้ามา ไม่ได้เข้ามาทีเดียว 70-80 ล้านโดส ดังนั้น ต้องมีการบริหารจัดการ แต่ระยะแรกคงไปโมบายไม่ได้ ต้องระมัดระวังถ้าฉีดแล้วมีผลข้างเคียงจะเสียหายมาก ระยะแรกต้องใช้โรงพยาบาลใหญ่ 700-800 แห่ง ถ้ามั่นใจก็ไประดับตำบล และถ้ามั่นใจก็ออกเคลื่อนที่ สรุปแล้วการวางแผนจะเร่งฉีดให้เร็วที่สุด ขอให้ใจเย็นๆตอนนี้ยังตอบไม่ได้วัคซีนจะมาตอนไหน

เมื่อถามว่า หากภาคเอกชนนำเข้าวัคซีนมาแล้วผ่านตรวจสอบคุณภาพจาก อย.ไทยเรียบร้อย เขาสามารถกำหนดราคาวัคซีนเองได้ใช่หรือไม่ หรือทางกระทรวงสาธารณสุขจะมีการควบคุมราคาวัคซีน นพ.โสภณ กล่าวว่า ต้องรอทาง อย.จะว่าอย่างไร แต่ถ้าเราให้ฟรีทุกคนแล้ว หากมาช้า แล้วมีเอกชนสั่งเข้ามา ใครคิดจะฉีดก่อนมันก็แล้วแต่ ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับวัคซีนว่ามีหรือเปล่า และเอกชนจะหามาได้หรือเปล่าด้วย ส่วนเรื่องต้นทุนที่มองว่ารัฐบาลซื้อมาในราคาแพงนั้น เราสามารถชี้แจงได้อยู่แล้ว ต้องดูที่ชนิดวัคซีน ปริมาณการสั่งซื้อ เวลาสั่งซื้อด้วย อย่าดูปัจจัยที่ราคาอย่างเดียว แต่ช่วงนี้ตลาดเป็นของคนขาย แต่เราก็ทำด้วยความโปร่งใส ข้อมูลเหล่านี้สามารถตรวจสอบและถามได้ไม่มีปัญหา






กำลังโหลดความคิดเห็น