ศูนย์ข่าวศรีราชา - นครแหลมฉบัง เตรียมทุ่มเงิน 80 ล้านบาท เสนอตัวแบ่งเบาภาระรัฐบาล ขอแบ่งซื้อวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ที่จะสั่งมาจากต่างประเทศให้แก้ท้องถิ่น เพื่อมาแจกจ่ายให้ประชาชนในพื้นที่ โดยใช้งบประมาณของท้องถิ่น เพื่อให้ประชาชนได้วัคซีนครบทุกคน
นางจินดา ถนอมรอด นายกเทศมนตรีนครแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ได้เปิดเผยถึงแนวความคิดในการแบ่งเบาภาระของรัฐบาลในการจัดการกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ให้ประชาชนได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึง และมีความสะดวกปลอดภัยในการกระจายวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ในครั้งนี้ได้ด้วย ซึ่งรัฐบาลได้เตรียมจัดซื้อวัคซีน จำนวน 70 ล้านโดส ถ้าฉีดคนละ 2 โดส ก็จะสามารถฉีดให้ประชาชนได้เพียง 35 ล้านคน เป็นจำนวนประชาชนเพียงครึ่งหนึ่งของประเทศ ซึ่งอาจจะไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนในประเทศไทยที่มีถึงกว่า 70 ล้านคน
เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในครั้งนี้ถือว่าเป็นการแพร่ระบาดกันทั่วประเทศ โดยเฉพาะในจังหวัดชลบุรีที่เป็นพื้นที่สีแดง ทางรัฐบาลได้มีแนวทางจัดซื้อวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ได้เป็นบางส่วน แต่ในความเป็นจริงแล้วประชาชนทุกคนต้องได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึงกัน แต่ถ้าทางรัฐบาลได้อนุมัติให้ท้องถิ่นได้มีการจัดซื้อวัคซีนได้เอง ทางเทศบาลนครแหลมฉบังก็มีความพร้อมที่จะสามารถจัดซื้อวัคซีนป้องกันมาให้ประชาชนในพื้นที่ ที่มีจำนวนประชากรประมาณ 80,000 คน ถ้าคิดเป็นจำนวนเงินต่อประชาชน 1 คนที่ต้องใช้คนละ 2 โด๊ส โดสละ 500 บาท ต้องใช้งบประมาณเป็นจำนวนเงิน 80,000,000 บาท แจกจ่ายให้แก่ประชาชนตามทะเบียนบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่
คาดว่าท้องถิ่นเราเองก็มีความพร้อมในทุกๆ ที่ ในการที่จะช่วยเหลือประชาชน ซึ่งมองดูแล้วถ้าประชาชนได้รับวัคซีนทุกคนก็จะสร้างความปลอดภัยและความมั่นใจในการดำเนินชีวิตให้แก่ประชาชนได้ ซึ่งตรงนี้ถือว่าเป็นความหวังของพี่น้องประชาชน ซึ่งถ้ารัฐบาลประกาศให้ทางท้องถิ่นทุกท้องถิ่นสามารถดำเนินการในเรื่องนี้ได้ ทางเทศบาลนครแหลมฉบังก็พร้อมจะดำเนินการให้แก่พี่น้องประชาชนได้ในเวลาเดียวกันทั้ง 80,000 คน
“ทางเทศบาลนครแหลมฉบังได้เตรียมเงินสะสมไว้จำนวน 80 ล้านบาท และวิธีดำเนินการนั้นเราไม่ต้องลงทะเบียน เพราะเรามีรายชื่อของประชากรอยู่ในมืออยู่แล้ว เราสามารถจัดระเบียบการฉีดวัคซีนในแต่ละวันได้เป็นอย่างดี เพื่อลดความแออัดและความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนได้มากขึ้น ถ้าทางรัฐบาลให้โอกาสท้องถิ่นได้ช่วยเหลือรัฐบาลในกรณีนี้ด้วย แต่วัคซีนที่จะนำมานั้นต้องได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ด้วย”
