ไม่ยอมจบง่ายๆ กลายเป็น “พิมรี่พาย” อาฟเตอร์ช็อก! ไปแล้ว “จอม” โหน เทียบ “ตูน” ชี้เจตนาใครบริสุทธิ์ ใครรับใช้เผด็จการ “เพจหนุนฝ่ายค้าน” เผย “สรรพากร” เตรียมไล่บี้แล้ว “ดรามาอีก” โซลาร์เซลล์ กอ.รมน. ฝ่ายแค้นเผยเอกสารหน้าเดียว
น่าสนใจเป็นอย่างยิง เรื่องราวคลิปไวรัลจนลามไปสู่ดรามา ของเหตุการณ์ “พิมรี่พาย” ยูทูปเบอร์ชื่อดัง ขึ้นเขาไปหมู่บ้านแม่เกิบ อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ โดยหลังปล่อยเพียง 1 วัน ที่มีการบริจาคซื้อทีวี ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ และสร้างแปลงผักให้แก่เด็กๆ ปรากฏว่า มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาอย่างมาก ทั้งชื่นชม บางฝ่ายลามไปสู่การโหนกระทบชิงสถาบัน
อ่าน “สรุปเรื่องราว 10 ข้อ ของเหตุการณ์ดรามา “พิมรี่พาย” แม่ค้าออนไลน์ และยูทูปเบอร์ชื่อดัง...” https://mgronline.com/onlinesection/detail/9640000002332
อย่างไรก็ตาม วันนี้ (12 ม.ค. 64) เฟซบุ๊ก Jom Petchpradab สื่อมวลชนอิสระ ลี้ภัยในสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความระบุว่า
“แพรี่พาย” ของจริง เทียบไม่ได้กับ “ตูน บอดี้สแลม” ปรากฏการณ์ ของ “แพรี่พาย” ไม่ใช่เพิ่งเกิดในสังคมอุปถัมภ์ที่ความเหลื่อมล้ำระหว่างความเป็นคนมีอยู่ในทุกอณูของสังคมไทย เสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่แตกต่างหลากหลาย อื้ออึงกันอยู่ในสังคมไทยเวลานี้ เป็นสิ่งที่ไม่เกินคาดหมาย เพราะได้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว
สำหรับผม หากจะให้สรุปรวบยอด ไม่เอาแบบเทาๆ หรือกลางๆ ก็ต้องบอกว่า สิ่งที่แพรี่พายทำเป็นสิ่งดีงามที่มนุษย์พึงกระทำต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
ข้อจำกัดของสังคมไทย ที่คนธรรมดาทั่วไป ไม่มีตำแหน่ง ยศ ชั้น หรือบรรดาศักดิ์ ทำอะไรที่สร้างผลกระเทือนได้ทั้งแผ่นดินแบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
แน่นอนเมื่อแสงสว่างของโซลาร์เซลล์เพียงไม่กี่แผงของเธอ ได้ส่องสว่างกระจ่างแจ้งไปทั่วแผ่นดิน ทำให้เห็นถึง ปัญหา ความล้มเหลวของรัฐรวมศูนย์แบบไทยในหลายมิติ ทั้งมิติของกฎหมาย การจัดสรรทรัพยากร สำนึกของรัฐที่ยังมองคนไม่เท่ากัน สำนึกของชนชั้นสูง ชั้นกลาง ที่ให้นิยามความสุขบนฐานชีวิตที่เต็มพร้อมของตัวเอง ...เหล่านี้คือความสำเร็จของ แพรี่พาย
ต้องไม่ลืมว่า เธอคือแม่ค้า เธอไม่ใช่นักสิทธิมนุษยชน ไม่ใช่นักวิชาการด้านสังคมศาสตร์ ไม่ใช่นักเคลื่อนไหวเพื่อความเสมอภาคความเท่าเทียม และเธอก็ไม่ใช่นักเคลื่อนไหวทางการเมืองที่กำลังต่อสู้อยู่กับชนชั้นปกครองเผด็จการราชานิยมอยู่ในขณะนี้
การที่ แม่ค้าออนไลน์คนหนึ่ง พอจะมีฐานะขึ้นมาจากน้ำพักน้ำแรงของเธอ และต้องการช่วยเหลือ แบ่งปันให้กับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันที่เธอเห็นว่า ด้อยกว่า ขาดโอกาสกว่า เธอจึงตัดสินใจทำตามความคิดความเชื่อ และความฝันของเธอเอง ด้วยฐานคิดของคนทั่วไปที่มีจิตใจเมตตา จะหวังให้เธอใช้กระบวนการคิดเพื่อตอบสนองเป้าหมายของคนอีกหลายร้อย หลายพันกลุ่มในสังคมได้อย่างไร
กรณีของ แพรี่พาย อาจจะคล้ายกับ ตูน แต่ผมว่าแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงในเจตนารมณ์และเป้าหมาย แพรี่พาย เธอไม่ได้มีเป้าหมาย หรือนัยยะทางการเมืองอย่างชัดเจนเหมือน ตูน ขณะที่ตูนกลับช่วยปิดบัง ปกป้องปัญหาเชิงโครงสร้าง ช่วยปิดบังความล้มเหลวผิดพลาดของรัฐราชการที่ปกครองโดยชนชั้นนำ
ตูน เสนอตัวเองไปเป็นเครื่องมือทางการเมืองให้กับรัฐบาลเผด็จการ หรือกลุ่มการเมืองอย่างชัดเจนมากกว่า
ขณะที่ แพรี่พาย มาจากเจตนาที่จะช่วยเหลือเพื่อนร่วมประเทศของเธอล้วนๆ และด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นเรื่องที่น่าเศร้าและน่าเห็นใจอย่างยิ่ง ที่เธอกำลังถูกผลักและถูกสร้างให้กลายเป็นศัตรูคนใหม่ของรัฐราชการเผด็จการราชานิยมในสังคมไทยไปอีกคน
ซึ่งจะยิ่งสร้างความเสียหาย สร้างความผิดหวังให้กับคนไทยโดยส่วนใหญ่ เมื่อกลไกของรัฐไล่ล่าเธอ จนเธอไม่อาจจะสร้างความดีให้กับเพื่อนร่วมประเทศของเธอได้อีกต่อไป
เป็นกำลังใจให้ แพรี่พาย ทำความดีอย่างที่เธอหวังต่อไปครับ
ขณะเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก การเมืองไทย ในกะลา ที่ส่วนใหญ่นำเสนอเนื้อหาสนับสนุนการต่อสู้ของฝ่ายที่เรียกตัวเองเป็น ปชต. และฝ่ายค้าน โพสต์หัวข้อ “พิมรี่พาย” งานเข้าอีกแล้ว!! กรมสรรพากรเตรียมตรวจสอบภาษีเงินได้!?
โดยเนื้อหาชี้ประเด็นที่สรรพากร เตรียมตรวจสอบว่า
“...ตรวจสอบข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2564 พบว่า น.ส.พิมรดาภรณ์ เบญจวัฒนะพัชร์ เป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ในธุรกิจเสริมความงามอย่างน้อย 2 แห่ง ได้แก่
1. บริษัท พิมรี่พาย สกินแคร์ จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2562 ทุนปัจจุบัน 1 ล้านบาท แจ้งประกอบธุรกิจกิจกรรมคลินิกโรคเฉพาะทาง ตั้งอยู่ที่ 345/1 ซ.งามวงศ์วาน 47 แยก 42 (ชินเขต 2/40) แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม.
ปรากฏชื่อ น.ส.พิมรดาภรณ์ เบญจวัฒนะพัชร์ และ นายสานิต สนองเกียรติ เป็นกรรมการ
รายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุดเมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2562 น.ส.พิมรดาภรณ์ ถือใหญ่สุด 6,000 หุ้น (60%) นายสานิต ถือ 3,500 หุ้น (35%) และ นายธนิศ นภาดล ถือ 500 หุ้น (5%) ยังมิได้แจ้งงบการเงิน
2. บริษัท พิมรี่พาย คอสเมติก จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2562 ทุนปัจจุบัน 1 ล้านบาท แจ้งประกอบธุรกิจ การขายส่งเครื่องสำอาง ตั้งอยู่ที่เดียวกับบริษัท พิมรี่พาย สกินแคร์ จำกัด
ปรากฏชื่อ น.ส.พิมรดาภรณ์ เบญจวัฒนะพัชร์ และ นายสานิต สนองเกียรติ เป็นกรรมการ
รายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุดเมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2562 น.ส.พิมรดาภรณ์ ถือใหญ่สุด 6,000 หุ้น (60%) นายสานิต ถือ 3,500 หุ้น (35%) และ นายธนิศ นภาดล ถือ 500 หุ้น (5%) ยังมิได้แจ้งงบการเงิน
ขณะที่ นายสานิต ปรากฏชื่อเป็นกรรมการบริษัทอีกอย่างน้อย 1 แห่ง ได้แก่ บริษัท พิมรี่พาย แอนด์ เฟรนด์ จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2563 ทุนปัจจุบัน 1 ล้านบาท แจ้งประกอบธุรกิจร้านขายปลีกเครื่องสำอาง ตั้งอยู่ที่เดียวกับบริษัท พิมรี่พาย สกินแคร์ จำกัด
ปรากฏชื่อ นายสานิต สนองเกียรติ นายธนิศ นภาดล และ นายทัตพล ชัยชนะเมธี เป็นกรรมการ
รายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุดเมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2563 นายสานิต ถือหุ้นใหญ่สุด 6,000 หุ้น (60%) นายธนิศ นภาดล ถือ 3,000 หุ้น (30%) และ นายทัศพล ชัยชนะเมธี ถือ 1,000 หุ้น (10%) ยังมิได้แจ้งงบการเงิน
ทั้งหมดคือข้อมูลทางธุรกิจของ “พิมรี่พาย” เท่าที่สืบค้นได้ในขณะนี้ เห็นได้ว่า บริษัททั้ง 2 แห่ง เพิ่งตั้งในปี 2562 และประกอบกิจการเกี่ยวกับเครื่องสำอางเป็นหลัก ตรงกับที่เจ้าตัวเคยโพสต์ในเฟซบุ๊กหรือไลฟ์สดขายเครื่องสำอางมาก่อนหน้านี้
จนล่าสุด มีข่าว กรมสรรพากร จะเข้าตรวจสอบภาษีเงินได้จากการทำธุรกิจออนไลน์ (ภาษีขายของออนไลน์) ของพิมรี่พาย เพราะหลังจากที่มีประเด็นดรามา พิมรี่พายก็ได้มาไลฟ์สดขายของ มีคนเข้ามาดูกว่า 5 แสนคน และปิดการขายกว่า 16,000 กว่าออเดอร์ ภายในหนึ่งชั่วโมงเศษ อาจทำรายได้เป็นหลักล้านบาท”
https://www.tvpoolonline.com/content/1721570
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เพจเฟซบุ๊ก ซึ่งต้องพิสูจน์ โพสต์ข้อความระบุว่า
“#เอกสารฉบับเต็ม โครงการผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ ของทางด้าน กอ.รมน. ที่ อ.อมก๋อย
จากกรณีที่มีคนเอา #เอกสารเพียงหน้าเดียว มาเปิดเผย เเล้วก็มีสื่อเอาไปขยายผล เเล้วก็มีคนเอาไปโจมตี
ที่ในเอกสารหน้าเดียวซึ่งในหน้านั้น ไม่มีการระบุว่า พื้นที่ หรือระยะทางของโครงการ แค่ไหนแต่ก็มีคนเอาไปโจมตี
#แต่ในเอกสารฉบับเต็มที่ สื่อ และบางเพจ ไม่ได้นำไปเผยเเพร่ระบุชัด
- ติดตั้งโครงข่ายไฟฟ้าชุมชนระยะทางไม่น้อยกว่า 4,500 เมตร
- ติดตั้งเสาไฟสว่างพลังงานแสงอาทิตย์ จำนวน 120 ชุด
- พื้นที่ติดตั้ง จำนวน 5 เเห่ง
- บ้านพะอัน ตำบลสบโขง อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่
- บ้านจกปก ตำบลแม่ตื่น อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่
- บ้านห้วยไก่ป่า ตำบลแม่ตื่น อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่
- บ้านมูเซอหลังเมือง ตำบลม่อนจอง อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่
- ศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาความมั่นคงพื้นที่อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่
ข้อมูลอื่นๆ มีดังนี้
- จ้างเหมาติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าดวยเซลล์แสงอาทิตย์ ขนาดกำลังติดตั้งไม่น้อยกว่า 210 กิโลวัตต์
- พร้อมติดตั้งโครงสร้างรองรับแผงเซลล์แสงอาทิตย์ เครื่องควบคุมการประจุแบตเตอรี่ เครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า ระบบกักเก็บพลังงาน
(แบตเตอรี่ลิเทียม) ขนาดความจุไม่น้อยกวา 840 กิโลวัตต์ - ชั่วโมง พร้อมติดตั้งระบบป้องกันไฟฟ้าไหลย้อนกลับตามมาตรฐานการไฟฟ้า
.
ดาวน์โหลดเอกสารฉบับเต็มได้ที่
https://www.isoc.go.th/?p=12753
หรือลิงก์ตรง
https://www.isoc.go.th/.../%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0...
สอดรับกับวันนี้ พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวถึงกรณีที่มีเอกสารที่เกี่ยวกับโครงการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ในพื้นที่ห่างไกลทุรกันดาร อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ของ กอ.รมน.ภาค 3 ว่า
จากการประสานงานกับเลขาธิการ กอ.รมน.ภาค 3 ได้แจ้งมาแล้วว่า เอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารฉบับจริง และเป็นเอกสารที่ใช้ในการเผยแพร่ราคากลางของโครงการ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอน พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้าง มาตรา 56 วรรค 1 ของภาครัฐ ด้วยวิธีการประมูลราคากลางผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ของกรมบัญชีกลาง (e - Bidding)
สำหรับงบประมาณของโครงการจำนวน 45 ล้าน ได้ผ่านการรับรองราคาจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งรายละเอียดของโครงการ พอสรุปได้ดังนี้ เป็นการดำเนินการจำนวน 5 พื้นที่ใน อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ เป็นการดำเนินการโดยมีการติดตั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์ จำนวน 210 กิโลวัตต์ และเสาไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ จำนวน 120 ต้น พร้อมระบบกักเก็บพลังงาน (แบตเตอรี่ลิเทียม) จำนวน 998.40 กิโลวัตต์ และได้ดำเนินการจัดทำโครงข่ายไฟฟ้าชุมชน, โดยมีการลากสายไฟฟ้าเข้าไปในพื้นที่หมู่บ้าน จำนวน 5,409 เมตร และติดตั้งเสาไฟฟ้า เป็นต้น
https://www.matichon.co.th/politics/news_2525520
แน่นอน, สิ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ สาวกของทั้งสองขั้วขัดแย้ง ต่างโหนกระแส เพื่อที่จะนำเอาปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นของ “พิมรี่ พาย” มาขยายผลทางการเมืองเพื่อฝ่ายตัวเอง
สังเกตให้ดี ขั้วที่โหนกระแส “ล้มเจ้า” พยายามกระทบชิง โครงการหลวงบนดอยทั้งหลาย ว่า ทำมาหลายปี แต่ทำไมยังไม่ครอบคลุม
ขณะฝ่ายที่สนับสนุนรัฐบาล นอกจากจะช่วยแก้ต่างแล้ว ก็ยังพยายามที่จะหยิบยกประเด็นที่ นายทักษิณ ชินวัตร เคยกล่าวเอาไว้ตั้งแต่อยู่พรรคไทยรักไทย ว่า พื้นที่ไหนเลือกพรรคไทยรักไทย พื้นที่นั้นจะได้รับการพัฒนาก่อน จนในช่วงนั้นถูกโจมตีว่า แบ่งแยกประเทศไทยอยู่เหมือนกัน
พร้อมตั้งคำถาม เชียงใหม่ เป็นฐานเสียงใหญ่ของรัฐบาลในเครือข่าย “ทักษิณ” มาไม่รู้กี่สมัย แต่ทำไมยังไม่พัฒนาครอบคลุมทั้งหมด!?
สรุปก็คือ ทุกอย่างหนีไม่พ้นเกมการเมืองระหว่าง ฝ่าย “ล้มเจ้า” กับ ฝ่ายปกป้องสถาบัน และสนับสนุนรัฐบาลนั่นเอง