ข่าวปนคน คนปนข่าว
** “หลงจู๊สมชาย” คือใคร ทำไมไม่มีใครกล้าแตะ แม้แต่ผู้การจังหวัดระยอง ยังกล้าสละเก้าอี้ แฉเส้นทางเจ้าพ่อสีเทาภาคตะวันออกคนนี้ไม่ธรรมดา
บ่อนพิษที่ระยองทำให้มีผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้นวันละหลายสิบราย ล่าสุด มีจำนวนยอดสะสม 148 รายแล้ว และเป็นการติดเชื้อแบบ “ซูเปอร์สเปรดเดอร์” กระจายออกไปในหลายพื้นที่ ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นทำให้ต้องยกระดับมาตรการควบคุมโรคในพื้นที่ อ.เมืองระยอง เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด
ว่ากันว่า ในการประชุม ครม. เมื่อวาน (29 ธ.ค.) “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำชับให้ไปตรวจสอบ ค้นหาให้ได้ว่าเกิดข้อเท็จจริงอย่างไรถึงได้มีการระบาดใหม่ขึ้น และติดแพร่ไปทั้งประเทศ ดังนั้น ต้องไล่เรียงกันให้ได้ว่าเจ้าหน้าที่ส่วนไหนรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่ ผู้กำกับ ผู้การ ขึ้นมาเรื่อยๆ ถึงขั้นถ้าสุดท้ายจะต้องย้าย ผบ.ตร. ก็ต้องทำ ต้องไล่เบี้ยกันไปให้ถึงที่สุด !!
ว่ากันตามตรง เรื่องนี้นายกฯต้องรู้อยู่แล้ว แทบไม่ต้องเริ่มงมเข็มในมหาสมุทร เพราะชาวบ้านรู้ นักข่าวในพื้นที่รู้กันทั่ว ชี้เป้าให้ขนาดนี้แล้วว่า คนที่เป็นเจ้าของบ่อนที่เป็นตัวแพร่เชื้อจนคนเดือดร้อนกันอยู่นี้ คือ “หลงจู๊สมชาย” ผู้มีอิทธิพลเบอร์ 1 ในระยอง ที่มีธุรกิจสถานบังเทิงและเครือข่ายบ่อน RJ กระจายหลายแห่งนั่นเอง
แต่ที่ผ่านๆ มา ก็ไม่มีใครกล้าแตะต้อง!
เพจ “หมอตี๋” สาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข คนในพื้นที่โพสต์ จม.เปิดผนึกเมื่อวันก่อน สะท้อนความนี้ได้ดีว่า บ่อนที่ระยองที่เปิดถาวรมีการลักลอบเล่นการพนันโดยมีคนจำนวนมากเข้าออกในแต่ละวัน มีการได้เสียเม็ดเงินจำนวนมหาศาล และเป็นแหล่งแพร่เชื้อโควิด-19 ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นครั้งแรกที่นี่ แต่เมื่อเดือนมิถุนายน ปีนี้ที่มีการระบาดของ โควิด-19 รุนแรงในรอบแรก เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองได้เข้าทลายเพื่อจับกุมบ่อนพนันแบบเดียวกันนี้ ที่ท้องที่ อ.เมืองฯ ต.มาบตาพุด จ.ระยอง จนเป็นประเด็นข่าวดังไปทั่วประเทศ
ครั้งนั้นมีการโยกย้ายนายตำรวจพื้นที่ 5 เสือ ที่รับผิดชอบและเกี่ยวข้อง โดยถูกย้ายไปประจำกองบังคับการ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงจากเบื้องบน เหมือนๆ ครั้งนี้ ที่ “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เชือด “ผู้การระยอง” และ 4 เสือ
แต่หลังจากนั้นไม่นาน พอหมดกระแสจากสื่อและสังคม นายตำรวจทั้งหมดเหล่านี้ก็กลับมาทำหน้าที่เหมือนเดิม ด้วยเหตุผลไม่พบว่าเกี่ยวข้องหรือมีส่วนรับผลประโยชน์จากบ่อนของ “หลงจู๊” คนนี้แต่ประการใด
ขณะนั้นมีการเรียกร้องให้ย้ายผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจจังหวัด เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เหมือนจะไม่ได้รับการตอบสนองในแง่ของผู้บังคับบัญชาที่สูงขึ้นไปจากระดับจังหวัดในเวลานั้น
ที่สำคัญ ไม่พบว่าเจ้าของบ่อนได้ถูกดำเนินคดีแต่อย่างใด !!
ชาวระยองสงสัยกันมานาน ทำไมผู้มีอำนาจไม่จัดการเสียที มิหนำซ้ำ “ลูกชายเจ้าของบ่อน” ยังได้รับฝากฝังกันมาเป็นคณะทำงานของนักการเมืองอีก
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วจากการปล่อยปละละเลย หรือจะจงใจหาประโยชน์ของฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่รัฐ สุดท้ายทำให้ผู้คนในจังหวัดระยองและประเทศไทยได้รับผลกระทบมหาศาล รวมทั้งตัวเลขเศรษฐกิจ
แว่วว่า การติดเชื้อแพร่จากบ่อนไปติดคนในครอบครัวนำพาไปติดในโรงเรียน และคนทำงานตามโรงงานในอุตสาหกรรมใหญ่ๆ ระดับประเทศตอนนี้ระส่ำระสายกันหนัก
แน่นอนว่า สิ่งที่ต้องทำวันนี้ คือ หยุดและควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ให้ได้ก่อน แต่สังคมก็ต้องการเห็น “ลุงตู่” จัดหนักกับปัญหาบ่อนการพนัน จัดการตัวต้นเหตุ ซึ่งต้องสาวไปให้ถึงตัวเจ้าของบ่อน เอามาลงโทษให้ได้ด้วย
วกกลับมาว่าด้วยหลงจู๊ผู้โด่งดัง ว่ากันว่า “หลงจู๊สมชาย” เป็นเจ้าของขาใหญ่ในยุทธจักรธุรกิจบ่อนพนันที่ระยอง
เส้นทาง “หลงจู๊สมชาย” นักธุรกิจสีเทาระดับประเทศ ที่ถูกกล่าวขานมาเป็นเวลานานในฐานะนักพนัน ตั้งแต่เริ่มต้นจากศูนย์ คนในวงการมักเปรียบว่ามาจาก “ผี” เพราะไม่มีอะไร แต่ด้วยความเป็นนักพนัน ใจถึง มีผู้หลักผู้ใหญ่ในจังหวัดระยอง สนับสนุนจึงค่อยๆ เติบโตจากคนเดินโพยหวย ขยับมาเป็นเจ้ามือหวย เป็นเจ้าของสถานบริการในเมืองระยอง ทั้งนวดแผนโบราณ คาราโอเกะ ต่อมาเข้าไปพัวพันกับแก๊ง “ล็อกหวย” มีด้วยกัน 3 คน คือ “กลม บางกรวย-ชัย โคกสำโรง” และตัวเขาเองเจ้าของฉายา “ชาย ระยอง” หรือ “ชาย บ้านค่าย”
ช่วงแรกแก๊งหวยล็อก จะเดินสายกระจายแทงเจ้ามือใหญ่ในหัวเมืองต่างๆ และไปสะดุดตอที่เจ้าพ่ออีสานโดย “เป๊กตั๊ก” เจ้าพ่อหวยเมืองสุรินทร์ เห็นว่า ถูกลูกค้านิรนามกินติดต่อกันหลายงวด และสงสัยกลุ่ม “ชาย ระยอง” หรือ “หลงจู๊สมชาย” ในปัจจุบัน จะเป็นตัวการจึงเข้าแจ้งกองปราบปราม และเป็นที่มาของการเปิดโปงขบวนการ “หวยล็อก” ต่อมามีการดำเนินคดี...แต่ “หลงจู้ สมชาย” รอดมาได้
หลังข่าวคราวหวยล็อกเงียบไป ชื่อเสียงของ “หลงจู๊สมชาย” กลับโด่งดังในยุทธจักรบ่อนพนัน และกิจการตู้ม้า ตู้สลอต ทั้งนี้วงการบู๊ลิ้มว่ากันว่า เขาได้รับการสนับสนุนจาก “นักการเมืองคนดัง” ของจังหวัดนครราชสีมา และนายตำรวจระดับ พล.ต.ต.คนหนึ่งแถวภาคอีสาน ให้สัมปทานบ่อน ตู้ม้า ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภาค 3 ทั้ง จ.นครราชสีมา จ.อุบลราชธานี และอื่นๆ อีกหลายแห่ง
เมื่อครั้งน้ำท่วมใหญ่ จ.อุบลฯ เงินจำนวน 1 ล้านบาท ของ “หลงจู๊สมชาย” ก็ถูกนำไปสร้างบารมี สร้างฐานสีเทาให้กับตัวเอง โดยมีลูกน้องคนสนิทซึ่งแท้จริงเป็นคนโปรโมตบ่อน สวมบทเป็นผู้ใจบุญบริจาค
ด้วยความใจถึง อีกทั้งระยะหลังมักมีข่าวว่า “หลงจู๊สมชาย” มีอาการเพี้ยน เนื่องจากผลข้างเคียงของการใช้ยาบางอย่าง และอาจเป็นคนใจถึงอยู่แล้ว อีกทั้งมีแรงหนุนจาก “นักการเมืองคนดังภาคอีสาน” ที่ทำงานติดตัวเบอร์ต้นๆ ของขั้วอำนาจในรัฐบาล “หลงจู้สมชาย” จึงบ่ายหน้าเข้าสู่วงการบู๊ลิ้มเมืองหลวง
ระยะแรกสร้างความปั่นป่วนไม่น้อย เพราะการปล่อยสมุนมือขวาออกป่วน แต่ในที่สุดไปไม่รอด ต้องกลับไปดูแลฐานเดิมคือภาคตะวันออกในหลายพื้นที่ของภาค 2 ภาค 3 จนช่วงหนึ่ง ถูกระดมปราบปรามจากชุดเฉพาะกิจกรมการปกครอง อย่างหนักหน่วง จากปฏิบัติการทะลายบ่อน RJ ต.มาบตาพุด จ.ระยอง ซึ่งทราบกันดีว่า บ่อนแห่งนี้เป็นของ “หลงจู๊สมชาย” ปรากฏเป็นข่าวครึกโครม
แต่ทว่า ด้วยเส้นสาย และ “นักการเมืองดังอีสานคนใกล้ตัวขั้วอำนาจ” ทำให้ในที่สุด “หลงจู๊สมชาย” รอดตัวเช่นเคย แถมดาบสองที่ฝ่ายมั่นคงเตรียมเชือด ชุดปฏิบัติการของดีเอสไอ ตั้งเป้าขยายผลเกี่ยวกับการฟอกเงิน หลายคนเชื่อว่านี่คือปฏิบัติการเชือดไก่เพื่อปิดตำนานความยื่งใหญ่ของ “เจ้าพ่อธุรกิจสีเทา” อย่างแน่นอน
แต่ผ่านไปเพียงไม่กี่วัน ความไม่ชอบมาพากลก็เกิดขึ้น โดยคอลัมน์นิสต์สื่อหลักเริ่มเขียนแขวะปฏิบัติการนี้ โดยให้เหตุผลว่าบ่อนพนันเป็นหน้าที่ของตำรวจก็พอแล้ว ไม่เห็นจำเป็นต้องให้ถึงมือ “กรมสอบสวนคดีพิเศษ” เพราะควรไปใช้กับคดีต่างๆ ที่มีความสลับซับซ้อน จากกระแสตีกลับทั้งที่เป็นเรื่องดีต่อสังคม “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์นักข่าวว่า ในฐานะคนดูแลกระทรวง ไม่เคยถูกนายกฯ ตำหนิในเรื่องนี้ และเป็นการทำหน้าที่โดยปกติ....
อย่างไรก็ตาม หลัง “สมศักดิ์” ให้สัมภาษณ์ไปไม่กี่วัน 6 ชุดปฏิบัติการดีเอสไอ ก็ถูกยุบโดยไม่ทราบเหตุผล และปฏิบัติการสยบเจ้าพ่อตะวันออก ก็กลายเป็นหมัน ไม่มีใครกล้าแตะต้อง “หลงจู๊สมชาย” เป็นต้นมา กระทั่งเกิดฝีแตกจากกรณีบ่อนระยอง กลายเป็นแหล่งแพร่โควิด-19 ครั้งนี้
งานนี้จะพิสูจน์กันหลายอย่าง และจะทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรม หรือยิ่งเสื่อม ถ้ายังปล่อยให้เจ้าของบ่อนลอยนวลอีกต่อไป
“ลุงตู่” ควรต้องปรับโหมดให้โหดกว่านี้ ต้องลงมาลุยเอง นั่งเป็นประธานสอบสวนเลยยิ่งดี ถ้าไม่ลุยเองปล่อย ผบ.ตร. ว่ากันไปตามยถากรรม ประเดี๋ยวก็เข้าอีหรอบเดิม “ไม่มีบ่อน มีแต่สถานที่ลักลอบเล่นพนัน” ตามด้วย ไม่สามารถสาวไปถึงใครเป็นเจ้าของ
ชาวระยองและสังคมตื่นรู้กันแล้ว น่าจะบีบให้ “ลุง และ ผบ.ตร.” จะมาทำเป็นลูบหน้าปะจมูก เห็นทีจะไม่ได้ แถมที่ลุงลงพื้นที่ระยองเมื่อวาน ก็ลั่นวาจากับชาวระยอง ว่า “ประเทศนี้ต้องไม่มีบ่อน” จะดูเป็นเรื่องตลกทันที
วันนี้ให้เขียนแปะข้างฝากันไว้...ที่ “ลุงตู่” สั่งไล่เบี้ยเอาผิดคนเอี่ยวบ่อน และบอกว่าประทศนี้จะไม่มีบ่อน ก็รอดูชมกันไปว่า ผลจะออกมาอย่างไร
** คงจำกันได้ ภาพ “ช่อ” และเพื่อนในชุดครุยรับปริญญา ชี้นิ้ว เบ้ปากใส่พระบรมฉายาลักษณ์ในหลวง ร.๙ พร้อมแคปชัน “ภาพนี้ไม่ควรมีคำบรรยาย” กำลังจะส่งผลให้ “ช่อ” ถูก ป.ป.ช.แจ้งข้อหา!!
ช่วงนี้ บรรดาแกนนำ “ม็อบ 3 นิ้ว” กำลังวุ่นอยู่กับการเดินสายรับทราบข้อกล่าวหา ความผิดอาญา มาตรา 112 จากการปราศรัย โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลฯ จาบจ้วง ล่วงละเมิด สถาบันพระมหากษัตริย์ จนต้องดิ้นรนออกมาเรียกร้องให้ ยกเลิก มาตรา 112
ขณะที่กลุ่มบุคคลที่เป็นที่รับรู้กันว่า “แอบ” อยู่เบื้องหลังม็อบ 3 นิ้ว อย่าง “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ-ปิยบุตร แสงกนกกุล-พรรณิการ์ วานิช” ที่เป็นแกนนำ “คณะก้าวหน้า” ยังไม่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดี แม้จะออกมาแสดงความคิดเห็นแบบ “เฉี่ยวไป เฉี่ยวมา” อยู่เป็นระยะๆ
แต่ “ช่อ” พรรณิการ์ วานิช คงจะโดนก่อนใคร จาก “คดีเก่า” ที่เกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์
คงจำกันได้ว่าเคยมีนักขุดคุ้ยในโลกโซเชียลฯนำภาพเมื่อครั้งที่ “ช่อ” รับปริญญา แล้วโพสต์ไว้มาตีแผ่ให้เห็นถึงทัศนคติของ “ช่อ” ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
เป็นภาพที่ “ช่อ” สวมชุดครุยรับปริญญาของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กับเพื่อนๆ โดยมีเพื่อนคนหนึ่งชี้นิ้วไปที่พระบรมฉายาลักษณ์ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ พร้อมกับเบ้ปาก แล้ว “ช่อ” โพสต์ข้อความกำกับว่า “ภาพนี้ไม่ควรมีคำบรรยาย =_=”
และจากภาพนี้ได้มีผู้นำเรื่องเข้าร้องเรียนต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ดำเนินการไต่สวน “น.ส.พรรณิการ์ วานิช” เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกอดีตพรรคอนาคตใหม่ กระทำความผิดจริยธรรมร้ายแรง ตามมาตรฐานทางจริยธรรม ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 โดยข้อ 3 วรรคห้า ของกฎหมายดังกล่าวระบุให้มีผลบังคับใช้กับ ส.ส.ด้วย
“ช่อ” ถูกร้องว่าโพสต์ภาพและข้อความในเฟซบุ๊กที่อาจทำให้ประชาชนเข้าใจไปในทางเชื่อมโยงกับเรื่องของสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างมิบังควรหรือไม่
เพราะรัฐธรรมนูญ ระบุว่า ส.ส.จะต้องให้ความเคารพ และปฏิบัติให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ส่วนมาตรฐานจริยธรรมฯ ระบุไว้เช่นกันว่า ต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์
อีกทั้ง รัฐธรรมนูญ หมวด 2 พระมหากษัตริย์ มาตรา 6 องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ และใน ข้อ 6 ระบุว่า ต้องพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ เอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งอาณาเขต และเขตที่ประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย เกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ ความมั่นคงของรัฐ และความสงบเรียบร้อยของประชาชน
นอกจากนี้ ในส่วนของมาตรฐานจริยธรรมฯ หมวด 1 มาตรฐานทางจริยธรรมอันเป็นอุดมการณ์ ข้อ 5 ระบุว่า ต้องยึดมั่นและธำรงไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
การที่ “ช่อ พรรณิการ์” โพสต์ภาพและข้อความในลักษณะดังกล่าว อาจเข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญ และขัดต่อมาตรฐานจริยธรรมฯจึงอาจผิดจริยธรรมร้ายแรงได้
ล่าสุด มีรายงานว่า กรรมการ ป.ป.ช.ได้พิจารณาข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวครบถ้วนแล้ว และเตรียมแจ้งข้อกล่าวหา “ช่อ พรรณิการ์” ในเร็วๆ นี้
และนี่ก็เป็นเหตุผลว่า ทำไมคนกลุ่มนี้ต้องการแก้รัฐธรรมนูญหมวดพระมหากษัตริย์ และมาตรา 112 กันนัก!!