xs
xsm
sm
md
lg

“บ่อนโควิดระยอง” เส้นใหญ่ไม่ธรรมดาเจ้าของเดียวกับ “หลงจู๊สมชาย” เจ้าเก่า ที่ลูกชายเป็นคณะทำงาน “พ่อมดดำ” ** กำลังใจส่งให้ล้นหลาม ผู้ว่าฯสมุทรสาคร ติดโควิด แต่นายกฯบอกป่วยรักษาก็หาย ยามีพอ !!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


สุชาติ ตันเจริญ-หลงจู๊สมชาย-พล.ต.ต.ปภัชเดช เกตุพันธ์-วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี
ข่าวปนคน คนปนข่าว



** มิน่าล่ะช่วยกันแถบ่อนโควิดระยอง” เส้นใหญ่ไม่ธรรมดาเจ้าของเดียวกับ “หลงจู๊สมชาย” เจ้าเก่า ที่ลูกชายเป็นคณะทำงาน “พ่อมดดำ”

ผลจากระยองมีผู้ติดเชื้อโควิดจำนวนมาก ซึ่งเชื่อมโยงกับ “บ่อน” ในท้องที่ที่เป็นแหล่งแพร่เชื้อ แต่ตำรวจใหญ่ในจังหวัดและภาค 2 แทนที่จะยอมรับ กลับแถไปว่า ไม่มีบ่อนเป็นแค่ “สถานที่ลักลอบเล่นพนัน”จนชาวบ้านด่ากันขรม กดดันให้มีผู้รับผิดชอบในเรื่องนี้

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย “พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข” ผบ.ตร. จึงมีคำสั่งเด้ง “ผู้การระยอง” พล.ต.ต.ปภัชเดช เกตุพันธ์ ผบก.ภ.จว.ระยอง มาปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) โดยให้ขาดจากการปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งเดิม และตามคาดคำสั่งเด้งยังรวมถึงนายตำรวจที่เกี่ยว หรือ 4 เสือ โรงพักเท่านั้น ยกเว้น ผกก.สภ.เมืองระยอง และ ผกก.สืบจังหวัด เพราะเพิ่งมาดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา

ฟังว่า จากข้อมูลการสืบสวนหาข้อเท็จจริงของ “พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ” จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) พบว่า ระยองมีบ่อนจริง และมีหลายแห่งด้วย ขัดแย้งกับตำรวจในพื้นที่ออกตัว ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องนี้ชาวบ้านชาวช่องก็รู้ แต่ตำรวจในพื้นที่ ตะแบงว่าไม่มีๆ นั่นจะให้คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ว่า งานนี้มี “ส่วย” มาเกี่ยวข้องแน่ๆ แม้แต่ลงพื้นที่ไปดูสถานที่ก็ยังถูกชาวเน็ตจับโป๊ะ เรื่องกล้องวงจรปิดที่หายไป และภายในโกดังติดวอลเปเปอร์สวยงามเกินกว่าจะเป็นโกดังเก็บสินค้า

ข้อพิสูจน์ว่าบ่อนนั้นมีอยู่จริงยังเห็นได้จาก ผู่ป่วยติดโควิดที่เสียชีวิตรายล่าได้รับการยืนยันว่า เป็นพนักงานรับรถของบ่อนระยองที่ว่ากันนี้

คำสั่งเด้งผู้การระยอง และ 4 เสือโรงพัก ถามว่า โอเคมั้ย?... สังคมย่อมยังไม่พอใจเพราะการกระทำการลูบหน้าปะจมูกของเจ้าหน้าที่รัฐและส่วยผลประโยชน์บ่อนพนันครั้งนี้ มันสร้างผลกระทบและความเสียหายรุนแรงกว่าคดีเล่นพนันธรรมดาู
ดูๆ แล้ว “บ่อนระยอง” ไม่ใช่แค่มิติของแหล่งแพร่เชื้อโรค ประจานเรื่องราวตำรวจกับส่วยเท่านั้น กรณีที่พบว่ามีหนุ่มชาว จ.ระยองวัย 26 ปี ที่ต้องสงสัยติดโควิด เข้าร่วมประชุมอนุกมธ.พนันฯ จนหวาดผวากันทั่งรัฐสภาแล้วต่อมาเฉลยว่า เป็นหนึ่งในคณะทำงานของ “พ่อมดดำ” สุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 นักการเมืองชื่อดัง สืบไปสืบมา ก็ได้ความว่าเด้กหนุ่มเป็นทายาท เจ้าของบ่อนที่ระยองด้วย แปลว่า บ่อนนี้ไม่ธรรมดา “เส้นใหญ่” จริงๆ

หนุ่มคนนี้ “พ่อมดดำ” ยอมรับว่าได้รับการแนะนำจาก นายเสริมศักดิ์ การุญ อดีต ส.ส.ระยอง และอดีต รมช.หลายกระทรวง ให้เข้ามาช่วยงานตัวเอง โดยดูจากประวัติด้านการศึกษาที่เกี่ยวกับการบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ จากมหาวิทยาลัยชื่อดัง และเห็นว่าเป็นคนรุ่นใหม่จึงรับเข้ามาเป็นคณะทำงาน แต่ไม่ได้มอบหมายเรื่องใดเป็นพิเศษ มีเพียงการประสานงานด้านการเมืองในพื้นที่ จ.ระยอง และพื้นที่ภาคตะวันออกบ้างเท่านั้น โดยที่ไม่รู้ว่าเป็นลูกเจ้าของบ่อน

นี่ย่อมสะท้อนว่า “บ่อนระยอง” ไม่ธรรมดาจริงๆ แล้วก็ถึงบางอ้อกันว่า ที่ตำรวจท้องที่ช่วยกันแถ ไม่มีบ่อน มีแค่ “สถานที่ลักลอบเล่นพนัน” ก็เพราะอย่างนี้นี่เอง มิน่าล่ะ ลูกชายเจ้าของบ่อนเป็นถึงคณะทำงานของนักการเมืองใหญ่

ว่ากันว่า คนนี้ที่แท้ก็คือลูกชาย “หลงจู๊สมชาย” ผู้กว้างขวางใน จ.ระยอง มีธุรกิจสถานบันเทิงทำบ่อนมานานตั้งแต่มาบตาพุด เป็นเจ้าของตู้ม้า ตู้สลอต ตั้งอยู่ทั่วประเทศโดยเฉพาะภาคอีสาน

เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา บ่อน"หลงจู๊ สมชาย" ซึ่งเคยตั้งอยู่ที่มาบตาพุด ใจกลางขุมชนที่รู้จักกันดีในชื่อบ่อน RJเปิดให้นักพนันเล่นกันโจ่งครึ่ม ได้ถูกกรมการปกครอง สนธิกำลังบุกทลาย ก่อนที่จะย้ายมาเปิดในเมือง และโป๊ะแตกเพราะแพร่ระบาดเชื้อโควิดครั้งนี้

คนที่รู้จัก “หลงจู๊” จะรู้ว่า เขาเป็นหนุ่มใหญ่ใจนักเลง ร่ำรวยระดับพันล้าน เป็นผู้มีอิทธิพล เบอร์ 1 ของจังหวัดระยอง มีเรื่องเล่าว่า ขนาดอดีต ผบช.คนหนึ่ง ที่เคยถูกคุมขังในเรือนจำยังต้องมาร่วมงานวันเกิด

“หลงจู๊”รายนี้จัดว่า เป็นที่รู้จักในแวดวงสีกากี ตั้งแต่ระดับจังหวัดระยองไปจนถึงระดับประเทศ

ว่ากันว่า อิทธิพลบารมีหลงจู๊ มีมากถึงจะแผ่ขยายบ่อนมาพัทยา ชลบุรี ครั้งหนึ่งถึงกับลงทุนจ้างม็อบจากบางปะกงมากดดัน “ผบก.ชลบุรี” เพื่อให้ไฟเขียวเปิดตั๋วบ่อนในเมืองพัทยา และเตรียมการที่จะมาตั้ง ตู้ม้า ตู้สลอต ในเมืองพัทยาชลบุรี อีกด้วย

“บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ ผบ.ตร. และ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ตร. ควรต้องทำอย่างไรต่อก็คงไม่ต้องให้ถามกันกระมัง

งานนี้ ใครมีเอี่ยวบ่อนระยอง โยงไปถึงใคร ต้องจัดการให้เด็ดขาด ซึ่งถ้ายังทำแบบเดิมๆ แล้วปล่อยให้เรื่องเงียบหาย เชื่อได้ว่าสังคมจะต้องเรียกร้องให้พวกท่านพิจารณาตัวเองอย่างไม่ต้องสงสัย !!



**กำลังใจคนไทยส่งให้ล้นหลาม เมื่อทราบข่าว ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร ป่วย ติดเชื้อโควิด แต่นายกฯบอกว่า ป่วยรักษาก็หาย ยามีพอ !!

ช็อกสังคมไทย บางคนถึงกับน้ำตารื้น เมื่อทราบข่าว ผู้ว่าฯสมุทรสาคร “วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี” ต้องติดเชื้อโควิด จากการปฏิบัติภารกิจ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้กับประชาชนด้วยความมุ่งมั่นทุ่มเท ในพื้นที่ “สีแดง” ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของการแพร่ระบาดโควิดรอบนี้ ...ด้วยความหวังสูงสุด หยุดการแพร่ระบาดให้เป็น “ศูนย์” ให้สถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติ ให้คนทั่วประเทศคลายความวิตกกังวล ให้คนมหาชัย สมุทรสาคร กลับมามีรอยยิ้มเหมือนเดิม ไม่ต้องถูกสังคม “บูลลี่” ว่าเป็นต้นตอแพร่เชื้อ

เมื่อสองวันก่อน “ผู้ว่าฯ วีระศักดิ์” เพิ่งโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า... อีก 2 ปี เกษียณอายุราชการ คงไม่มีใครอยากเกษียณ พร้อมกับปัญหาคาราคาซังอยู่ ความมุ่งมั่นเดียว ณ ตอนนี้คือ ทำอย่างไรให้มหาชัย สมุทรสาคร กลับมามีรอยยิ้มเหมือนเดิม...
มีคนถามว่า ช่วงนี้ให้สัมภาษณ์บ่อย แต่ทุกครั้งที่สัมภาษณ์ มักยิ้ม หรือหัวเราะ ...“ออกรบทัพจับศึก จะร้องไห้ให้ไพร่พลเห็นได้อย่างไร แม้หัวใจจะร้องไห้ ด้วยความสงสารคนสมุทรสาครมาหลายครั้งหลายหน มีเรื่องราวอีกมากมายที่อยากพูด แต่ไม่ได้พูด โดยเฉพาะคนที่ปล่อยให้ COVID-19 เข้ามาในใจกลางเมืองสมุทรสาคร”

ยิ้ม หรือหัวเราะ ไม่ได้หมายถึงมีความสุข บนความทุกข์ของคนอื่น ...ยิ้ม หรือหัวเราะ ไม่ได้หมายถึง ไม่ยี่หระ ไม่สนใจ เก้าอี้ตัวนี้มั่นคงแข็งแรง...ไล่ผมเถิดครับ ถ้ายังไม่มีคุณภาพแห่งการทำงานพอ !!

ความระหว่างบรรทัด บ่งบอกถึงความในใจว่า แม้จะอยู่ในสภาพ “น้ำตาตกใน” แต่ก็ต้อง “ยิ้มสู้” เพื่อสร้างขวัญ กำลังใจ ให้ผู้ใต้บังคับบัญชา บุคลากรทางการแพทย์ ประชาชนชาวสมุทรสาครและแรงงานเมียนมา ในการที่จะต่อสู้ ยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคในครั้งนี้ให้ได้ ...โดยไม่ต้องไปฟื้นฝอย หรือโยนความผิดไปให้คนอื่นว่า...ใครคือตัวการที่ปล่อยให้โควิดเข้ามาถึงใจกลางเมืองสมุทรสาคร

ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค “ผู้ว่าฯ วีระศักดิ์” ต้องอยู่ในพื้นที่ตลอด เป็นแม่ทัพบัญชาการ มาตรการต่างๆ ท่ามกลางความโกลาหล ทั้งด้านสาธารณสุข ตรวจสอบ คัดกรอง รักษาผู้ป่วย ทำความเข้าใจกับคนในพื้นที่ที่ขัดขวางการสร้างโรงพยาบาลสนาม ทั้งด้านความมั่นคง ตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ต้องรองรับแรงกดดันจากผู้บังคับบัญชาระดับสูง และสังคมที่ “บูลลี่” ว่า สมุทรสาคร กลายเป็นดินแดนมิกสัญญี ดินแดนซอมบี้ ใครเฉียดกรายเข้ามาจะกลายเป็นผีดิบ หรือเป็นบุคคลอันตราย ... แรงงานเมียนมา ยิ่งโดนหนัก ถูกตราหน้าว่าเป็นคนนำโรคนี้เข้ามา เป็นคนทำให้เชื้อโรคนี้ลุกลาม !!

“ผู้ว่าฯ วีระศักดิ์” ได้ให้สัมภาษณ์ในเชิงวิงวอน ขอความเห็นใจจากสังคมภายนอกว่า ... แรงงานเมียนมากับคนสมุทรสาคร เป็นเหมือนพี่เหมือนน้องกัน ยามที่เศรษฐกิจของเราคึกคัก ก็ได้อาศัยพละกำลังของคนพม่า ช่วยกันก่อร่างสร้างฐานขึ้นไป ทำให้เศรษฐกิจของเรามั่นคงแข็งแรงยิ่งขึ้น ...ดังนั้น หมดเวลาที่จะไปดูถูกคนสมุทรสาคร ดูถูกคนเมียนมา ไม่ว่าจะเข้ามาโดยถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ เพราะเขาก็มีหัวใจ แล้วก็เป็นหัวใจที่เป็นเพื่อนมนุษยชาติเหมือนกัน เป็นหัวใจที่เป็นดวงเดียวกัน...

เป็นการให้สติว่า เมื่อเกิดเหตุขึ้นแล้ว เรื่องอื่นขอให้พักไว้ก่อน เอาเรื่องโควิดให้เรียบร้อยก่อน เมื่อเสร็จศึกแล้วมาดูกันว่าจะช่วยเหลือคนเมียนมาให้ก้าวมาเดินสู่วิถีทางที่ถูกต้องได้อย่างไร อย่าไปโทษใครคนใดคนหนึ่ง เพราะสถานการณ์ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะที่ประเทศไทย หรือเฉพาะที่สมุทรสาครที่เดียว แต่เกิดขึ้นไปทั่วโลก

ความจริงแล้ว ใช่ว่า “ผู้ว่าฯ วีระศักดิ์” จะเพิ่งจะมามีแอกชันเมื่อตรวจพบผู้ติดเชื้อ แต่ได้วางนโยบาย “ป้องกัน” ตั้งแต่เริ่มเข้ามารับตำแหน่ง เมื่อช่วงปลายปี 62 ที่โควิดเริ่มระบาดครั้งแรกแล้ว ... ทั้งมาตรการตักเตือน จับปรับ ผู้ที่ไม่สวมหน้ากากอนามัยออกมาจากบ้าน เข้มงวดคัดกรองตามชุมชน ตลาดสด ตลาดกุ้ง ตลาดปลา เพื่อให้เป็น “โมเดล” ในการป้องกันโควิดระดับประเทศ จนบางครั้งมีเสียงบ่นจากพวกที่ “การ์ดตก” ว่าเข้มงวดเกินเหตุ

เมื่อสมุทรสาคร เกิดการติดเชื้อรอบนี้ “ผู้ว่าฯ วีระศักดิ์” ก็ถูก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เค้นถามจากที่ประชุม ครม.ว่า สาเหตุที่ระบาดนั้นรู้แล้วว่ามาจากแรงงานต่างด้าว แต่ต่างด้าวที่ว่านั้นมาได้อย่างไร เกิดจากจุดใด ...พร้อมตำหนิแรงๆไปว่า...ปล่อยให้มีการแพร่ระบาดเช่นนี้ได้ยังไง การระบาดครั้งนี้ เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน แต่ผู้ว่าฯก็ผิด ที่ปล่อยให้มีการระบาด...

ผู้ว่าฯ ต้องตกเป็นจำเลยเต็มๆ ทั้งที่นายกฯและคนรอบข้างน่าจะรู้เต็มอกว่า แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ที่ไม่ได้ผ่านการคัดกรอง ป้องกันโรคตามมาตรฐานของสาธารณสุขนั้นมาได้อย่างไร เพราะประชาชนเขารู้กันทั้งประเทศ!!

“ผู้ว่าฯ วีระศักดิ์” ที่แบกความทุกข์ของชาวสมุทรสาคร ทำงานหนักจนป่วย แล้วพวกที่จ้องแต่จะ “ว่าร้าย” รวมถึงคนในรัฐบาลจะรู้สึกอะไรกันบ้าง...

“จะเป็นหรือไม่เป็น ตรวจสอบแล้วก็รักษาพยาบาล ยาฟาวิพิราเวียร์มีเพียงพอ รักษาก็หาย ผมเองก็มีโอกาสติด ถ้าผมไปที่นั่นที่นี่เหมือนกับเขาไป” นั่นเป็นคำตอบของ “ลุงตู่” ที่เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของผู้ว่าฯ ...ช่างเป็นคำตอบที่ “แห้งแล้ง” เหลือเกิน!!
ต่างจาก “กำลังใจ” จากคนไทยที่หลั่งไหลไปถึง “ผู้ว่าฯ วีระศักดิ์” กันอย่างล้นหลาม อบอุ่น...ไม่มีใครไล่ผู้ว่าฯ ไม่มีใครว่าท่านไม่มีคุณภาพในการทำงาน !!




กำลังโหลดความคิดเห็น