เมืองไทย 360 องศา
ยังต้องวนอยู่กับปัญหาภายในพรรคเพื่อไทยกันอีกสักนิด เนื่องจากยังมีประเด็นที่ชวนให้ติดตามได้อย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญลักษณะความเคลื่อนไหวในแบบที่เป็นอยู่ขณะนี้ ถือว่าแทบไม่เคยเกิดขึ้นให้เห็นมาก่อน สำหรับพรรคที่ถูกสังคมมองว่าเป็นพรรค “ครอบครัว” ที่การตัดสินใจชี้นำเด็ดขาดมาจากคนๆ เดียวเท่านั้น เหมือนกับชี้นกให้เป็นไม้ ก็เกิดขึ้นได้
แน่นอนว่าหากพูดถึงพรรคเพื่อไทย ก็ย่อมปฏิเสธไม่ได้ว่า นายทักษิณ ชินวัตร ย่อมมีอิทธิพลอย่างสูง รวมไปถึงคนในครอบครัวของเขาด้วย และหากบอกว่าพวกเขาถูกมองว่าเป็น “เจ้าของพรรค” ก็คงไม่ผิดนัก และที่ผ่านมา ก็ได้เห็นบทบาทในทางชี้นำ ไม่ว่าทางตรงและทางอ้อมปรากฏให้เห็นมาอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน ที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ บรรดาสมาชิกพรรคทุกระดับ ตั้งแต่ระดับหัวหน้าพรรคลงไปจนถึงระดับล่าง ล้วนแสดงออกมาในแบบ “พินอบพิเทา” กับคนในครอบครัวนี้มาตลอด สิ่งที่สังเกตเห็น ก็คือ เมื่อใดก็ตามที่นายทักษิณ และคนในครอบครัวถูกพาดพิง ก็จะมีการ “ดาหน้า” ออกมาตอบโต้อย่างรุนแรงทุกครั้ง
อย่างไรก็ดี สถานการณ์ในปัจจุบันกลับเปลี่ยนแปลงไปในทางตรงกันอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งแน่นอนว่าหลายคนก็รับรู้กันไปแล้วว่า กำลังเกิดปัญหาความขัดแย้งภายในอย่างหนัก จนทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่า “เลือดไหลไม่หยุด” ซึ่งเป็นระดับ “บิ๊กเนม” ทั้งนั้น ซึ่งมีทั้งไหลออกมาแล้ว และยังรอจังหวะไหลออกมาอีกชุดใหญ่ในวันหน้า หากมีการเลือกตั้งใหม่
แม้ว่าหลายคนวิเคราะห์กันว่ามีหลายสาเหตุที่ทำให้เกิดสถานการณ์ในพรรคเพื่อไทยอย่างที่เห็น ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะการ “ห่างหายจากการเป็นรัฐบาล” ทำให้เกิดภาวะ “อดอยากปากแห้ง” เกิดขึ้นต่อเนื่องมานานเกือบสิบปีหรือเปล่า ขณะเดียวกันฝ่ายตรงข้ามในที่นี้ ก็คือ พวก คสช. ที่นำโดย “สาม ป.” มีการทำการบ้านแก้เกมมาดี แม้จะถูกตราหน้าในเรื่อง “เผด็จการ” แบ่งแยกกับฝ่าย “ประชาธิปไตย” มานาน แต่ก็ไม่ได้ผลนัก ผิดกับเผด็จการในอดีต
กลายเป็นว่าฝ่ายที่แอบอ้างประชาธิปไตยนั่นแหละที่มีบาดแผล สร้างจุดอ่อนให้เกิดขึ้นกับตัวเองอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเรื่อง “ทุจริต” รวมไปถึงเรื่อง “นิรโทษกรรมให้คนผิดคนโกง” อันอื้อฉาว
เมื่อวกกลับมาที่สถานการณ์ล่าสุดในพรรคเพื่อไทย ที่ต้องโฟกัสไปในช่วงที่ นายทักษิณ ชินวัตร กำลังออกโรงอย่างเปิดเผย ไม่ว่าจะเป็นการออดอ้อนขอเสียงสนับสนุนพี่น้องชาวเชียงใหม่บ้านเกิด ให้ช่วยกันสนับสนุนผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ในนามพรรค และการตำหนิโจมตีคนที่ย้ายออกไปจากพรรค ซึ่งปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว ถือว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สำหรับนายทักษิณ รวมไปถึงคนในครอบครัวของเขา ที่เคลื่อนไหวในลักษณะแบบนี้
เพราะลักษณะไม่ต่างจาก “อาการดิ้นรน” ไม่ใช่แบบ “ผู้มีบารมี” ที่เคยสั่งซ้ายหันขวาหันมาก่อน
อีกทั้งการออกมาแบบนี้มันก็เหมือนกับการ “เดิมพันหมดหน้าตัก” เพราะหากพลาดพ่ายแพ้ ก็จะยิ่งเสียหายหนัก ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งหากอยู่เฉยปล่อยให้ “พังคาตา” ก็ไม่ได้อีก เอาเป็นว่างานนี้มีแต่เสียกับเสียก็แล้วกัน
ขณะเดียวกัน อีกฟากหนึ่งที่น่าจับตามองไม่แพ้กัน ก็คือ การออกมา “วางระเบิดลูกใหญ่” ของลูกน้องเก่าอย่างนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. อดีต ส.ส.ของพรรค ที่เพิ่งออกมาทิ้ง “คำพูดปริศนา” แบบว่า “มีเจ๊เข้ามาล้วงลูกบงการในพรรคจนทำให้ฉิบหาย” จนทำให้หลายคนหูผึ่งขึ้นมาทันทีว่า “เจ๊” ที่ว่านั้นคือใครกันแน่ แม้หลายคนที่ติดตามการเมืองมาอย่างต่อเนื่องก็น่าจะพอเดาออกว่าเป็นใคร แต่เมื่อไม่มีการระบุชื่อให้ชัดว่าเป็นใคร ก็ต้องเดากันไปต่างๆ นานา
สำหรับบุคคลที่อยู่ในข่าย “เจ๊” ในพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีหลายคน ที่อาจต้องเดาสุ่มกันไป ไม่ว่าจะเป็น “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ “เจ๊ปู” น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ น้องสาวของนายทักษิณ ที่หลบหนีคดีที่เกี่ยวกับกรณีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว “เจ๊อ้อ” คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยาของนายทักษิณ และ “เจ๊แดง” นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวของนายทักษิณ ที่ตามรายงานข่าวระบุว่า สนับสนุน นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ในนามพรรคอย่างเต็มที่ ชนกับ นายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ อดีตนายก อบจ. ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ทรยศ และมี นายจตุพร พรหมพันธุ์ ไปช่วยหาเสียง และนำไปสู่การแฉโพยเรื่อง “เจ๊ๆ” ดังกล่าว ในแบบ “ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ” กันอีกต่อไป
แน่นอนว่า เมื่อพิจารณาจากรายชื่อทั้งหมดดังกล่าวที่อยู่ในระดับ “เจ๊” ทั้งหลาย รายแรก อย่าง “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ น่าจะพ้นบ่วงไปก่อน เพราะได้ “ลาขาด” ไปแล้ว และยังถูกมองว่า “ถูกเจ๊” ในพรรคกระทำเหมือนกัน ดังนั้น จึงเหลือรายชื่อคนอื่นว่าอยู่ในข่ายหรือไม่ คงต้องรอ นายจตุพร พรหมพันธุ์ มาเฉลยว่าเป็น “เจ๊” คนไหน แต่เชื่อว่าหลายคนคงเดาชื่อในใจกันอยู่แล้ว
งานนี้ถือว่าสั่นสะเทือนไปทั้งบางจริงๆ !!