มีที่มา! “ไพศาล” แฉ “บิ๊กกวิ้น” ล้างบาง “การ์ด 3 นิ้ว” ผวา “สายลับ” แฝงตัวแอบถ่ายคลิปหวิวแกนนำ “เก่ง อาชีวะ” เผย “ม็อบ” ไปไม่สุด 4 เหตุผล ที่สำคัญคือ ความรุนแรง “แก้วสรร” เปรียบม็อบเด็กเหมือน “ปูเสฉวน” ฟันธงจุดจบไม่มีอะไร
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (11 ธ.ค. 63) จากกรณี นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แกนนำคณะราษฎร 2563 โพสต์เฟซบุ๊ก ประกาศยุติบทบาทของการ์ดอาสาทั้งหมดในการชุมนุม
โดยระบุด้วยว่า ทางผู้จัดจะจัดทีมงานที่ได้รับการฝึกฝนและมีทักษะอย่างมืออาชีพมาช่วยอำนวยความสะดวกในการจัดการชุมนุมต่อไป เพื่อไม่ต้องเป็นภาระของพี่น้องการ์ดแต่เพียงถ่ายเดียวดังที่เป็นมาในหลายหน ทั้งนี้ เรายังคงรู้สึกซาบซึ้งต่อน้ำจิตน้ำใจและแรงกายแรงใจของพี่น้องผู้ทำหน้าที่การ์ดรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มแข็ง และขอขอบคุณการ์ดทุกท่าน ทุกกลุ่มสังกัด ไว้อีกครั้งหนึ่ง
เรื่องนี้ นายไพศาล พืชมงคล อดีตที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า
“ด่วน!!! การ์ดอาสากาเหว่าวินาศแล้ว “บิ๊กกวิ้น” สำแดงเดช ประกาศยกเลิกการ์ดอาสาทั้งหมดแล้วเมื่อบ่ายวันนี้ สำนักข่าวคนรู กระซิบว่า ในบรรดาหมู่การ์ดอาสานั้น จำนวนหนึ่งขัดแย้งแตกแยกกันเองในเรื่องผลประโยชน์ บางพวกก็เคยบาดหมางกันมาก่อน แต่ที่สำคัญ จำนวนหนึ่งเป็นสายสืบอิสระของตำรวจ ที่แฝงมาเป็นการ์ดอาสา คอยส่งข่าวให้เจ้าหน้าที่หรือไม่ก็สร้างความแตกแยกระหว่างการ์ดด้วยกัน
แหล่งข่าวระบุด้วยว่า การ์ดที่เป็นสายลับที่แฝงตัวบางคนได้แอบถ่ายคลิปแกนนำชนิดลับพิเศษ บางส่วนส่งให้ผู้สื่อข่าวหรือเจ้าหน้าที่ด้วย จึงมีเรื่องอับอายขายหน้าออกมาเป็นระยะ นี่ขนาดคลิปลับวาบหวิวพิเศษยังไม่ปล่อยออกมานะครับ มีการแถลงด้วยว่า ต่อไปนี้ จะมีการว่าจ้างการ์ดอาชีพเฉพาะ มาดูแลรักษาความปลอดภัยให้แกนนำและผู้ชุมนุม”
ขณะเดียวกัน นายเกวลัง ธัญญเจริญ หรือ “เก่ง อาชีวะ” แกนนำกลุ่มอาชีวะพิทักษ์ประชาชน ซึ่งเป็นหนึ่งผู้ก่อตั้ง “การ์ดภาคีเพื่อประชาชน” โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า มีหลายคนถามมานะครับทำไมม็อบทำแล้วเดินไม่สุดไม่เด็ดขาด
1. ถ้าเดินสุดทำแบบเด็ดขาดมีคนเจ็บมีคนตายคำถามคือนายกฯออกไหม
2. ม็อบทุกวันนี้ ยังไม่ต้องการมวลชนที่จะออกมามากๆ ม็อบทุกวันนี้ต้องการทำเพื่อส่ง message คำพูดบนเวที ให้คนได้หาข้อมูลตื่นรู้ด้วยตัวเอง แล้ววันหนึ่งเพราะคนที่รู้ด้วยตัวเองตาสว่างแล้วจะออกมาเป็นพวกเราเอง
3. ม็อบทุกวันนี้ปิดตามห้างตาม BTS เพื่อตัดท่อน้ำเลี้ยงของพรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาล หุ้นตกรัฐบาลขาดงบ เนื่องจากการจัดตั้งรัฐบาลเป็นพรรคร่วมหลายพรรคมากๆ 1 กระทรวง จะมีทีมงาน 3-4 พรรคประจำกระทรวงนั้นๆ งบที่ได้มาต้องหาร 4 ไม่รู้คนละกี่เปอร์เซ็นต์หารแน่นอน จึงมีเงินกลับเข้าพรรคไม่มาก หุ้นจากการลงทุนของรัฐบาลตก เงินที่ได้จากการฉ้อราษฎร์บังหลวงน้อย ทำให้เสถียรภาพของการเป็นรัฐบาลลดน้อยลงไปทุกวัน
4. ม็อบทุกวันนี้ใช้การสันติวิธีเคลื่อนไหวเพื่อให้ชาวต่างชาติได้เห็นและกดดันชนชั้นผู้นำประเทศ ถ้าเราใช้ความรุนแรงเดินสุดเมื่อไหร่ จะก่อให้เกิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และตามมาด้วยการปฏิวัติ (มันก็จะกลับมาเหมือนเดิม) ประเทศไม่ก้าวข้ามทหาร
เดินสุดแล้วได้อะไร ลองนั่งคิดแล้วถามตัวเองใหม่ อินเดียปฏิวัติประเทศใช้เวลากี่ปี แกนนำไม่อยากให้เกิดความสูญเสียกับใครทั้งสิ้นทั้งตัวเองและมวลชนพวกเราสูญเสียมามากพอแล้ว”
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความเรื่อง “กำเนิดมวลชนปลดแอก (๒)” ผ่านเว็บไซต์ www.thaipost.net
ขอยกเนื้อหาบางตอนมานำเสนอ นับแต่...
ตัวการร่วม - ผู้สนับสนุน
ถาม กลุ่มชาวบ้านจะนะ สงขลา ยกพวกมาชุมนุมที่เดียวกับม็อบมวลชนปลดแอก แล้วประกาศแต่ว่าให้ยกเลิกโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะ หรือกลุ่มผู้ใช้แรงงานก็ประกาศแต่ว่าขอเพิ่มค่าชดเชยเลิกจ้าง อย่างนี้พวกเขาจะมีโอกาสเป็นจำเลยในข้อหา 112 กับ 116 ร่วมกับผู้นำเด็กของมวลชนปลดแอกได้ไหมครับ
ตอบ นี่เป็นเรื่องที่พวกเขาจะต้องตัดสินใจตั้งแต่แรกเลย ในทางสังคมก็ต้องตอบพวกสมาชิกเวทีของตนให้ได้ว่าทำไมยกพวกไปชุมนุมกับพวกล้มเจ้า ส่วนในทางกฎหมายก็ต้องตอบศาลให้ได้จริงๆ ว่า เข้ามาชุมนุมข้างเคียงมวลชนปลดแอกเพื่อฉวยโอกาสเสนอข้อเรียกร้องของตนเท่านั้น ไม่รู้เห็นอะไรด้วยจริงๆ เห็นรัฐบาลเซ ก็ต้องเข้ามาซ้ำด้วยเป็นธรรมดา
ถาม ถ้าเข้าเป็นแนวร่วมขึ้นเวทีเดียวกันเลยล่ะครับ
ตอบ ก็โดนเหมือนกันหมด ใครจะบอกว่าผมรักสถาบันแล้วขอไล่ประยุทธ์เท่านั้นไม่ได้ เพราะอาจโดนข้อหาสนับสนุน 112 ด้วยอยู่ดี
ถาม ดูแล้ว...ชุมนุมแบบวี๊ดบึ้มเรียกทุกความเคลื่อนไหวมาขึ้นเวทีเดียวกันนี้ ไม่น่าจะง่ายเลยนะครับ
ตอบ ไม่ง่ายหรอกครับ คุณออกตัวเล่นเกมแรงถึงขบถล้มเจ้ามา 3 เดือน แล้วจะชวนคนอื่นมาตั้งเวทีเล่นหมากเก็บยื่นข้อเสนอเล็กๆ น้อย อยู่ข้างๆ ด้วยเท่านั้น อย่างนี้มันเป็นไปได้ยากมากๆ
ถาม เห็นแผนกโฆษณาของมวลชนปลดแอก เขาออกแบบสร้างโลโก้ใหม่ มีสัญลักษณ์ค้อนเคียว ของคอมมิวนิสต์ แฝงอยู่ด้วยแล้วนะครับ
ตอบ เขาหวังผนวกผู้ใช้แรงงานเข้ามาด้วยเท่านั้น คงไม่ใช่เปลี่ยนมวลชนปลดแอกไปเป็นคอมมิวนิสต์แล้วหรอกครับ
พวกนี้เขาอยู่ในโลกโซเชียลแล้วออกมามุ๊งมุิ๊งในโลกจริงด้วยสัญลักษณ์นานาเท่านั้น มาวันนี้พอนึกจะจับมือกับผู้ใช้แรงงานก็ได้แต่สร้างสัญลักษณ์เท่านั้นอยู่ดี
มาตรา 112 : ความผิดทางความคิดที่ผิดต่อความมั่นคง?
ถาม เรื่อง ม.112 ไปยื่นกับ UN ได้อย่างไร
ตอบ ใน UN เขามีกรอบการดูแลคุ้มครองสิทธิมนุษยชนอยู่ ถ้าต้องการโวยวายให้เป็นสากลก็ต้องมาที่นี่ด้วย
ถาม แล้วความผิด ม.112 เรื่องหมิ่นประมาท ดูหมิ่น อาฆาตมาดร้าย บุคคลในสถาบัน มันมาเป็นละเมิดสิทธิมนุษยชนได้อย่างไรครับ
ตอบ ในกรอบสิทธิมนุษยชนจริงๆ เรื่อง 112 นี่มีเส้นแบ่งทางทฤษฎีที่เป็นสากลอยู่เส้นเดียวเท่านั้น คือ คนเราจะมีความผิดหรือถูกลงโทษเพียงเพราะมีความคิดที่ไม่เป็นที่ชอบใจของใครเท่านั้นไม่ได้ มันต้องผิดเพราะมีการกระทำอันไม่ถูกต้องเท่านั้น
ในกรอบทฤษฎีเช่นนี้ ลำพังการกระทำที่แสดงออกซึ่งความไม่เคารพสถาบัน เช่น ไม่ยืนทำความเคารพหรือให้ความเห็นว่าเป็นสถาบันล้าสมัย หลุดโลกไปแล้วเหล่านี้ มันไม่มีการกระทำผิดอะไรเลย ไปจับเขาลงโทษเขาไม่ได้ เพราะคนเรามีสิทธิโดยธรรมชาติที่จะมีความคิดของตนได้โดยอิสระ
ถาม แล้วถ้าด่าในหลวงว่า เป็น...สังคมล่ะครับ?
ตอบ พูดอย่างนี้กับคนธรรมดาก็ผิดแล้ว ถูกลงโทษก็ไม่ใช่เพราะความคิด แต่ติดคุกเพราะปากหมาว่าเขาเสียหายเป็นสำคัญ
ถาม แล้ว มี 112 เป็นความผิดพิเศษ... เพราะด่าในหลวงอีกทำไม ใช้ความผิดตามกฎหมายธรรมดาก็ได้แล้วนี่ครับ
ตอบ สถาบันกษัตริย์ ควรจะต้องอยู่เหนือพ้นจากคดีความทั้งปวง ในทางการปกครองก็มีผู้รับสนองพระบรมราชโองการเป็นผู้รับผิดชอบถูกฟ้องร้องได้ ในทางส่วนตัวก็มีสำนักงานทรัพย์สินทำธุรกรรม จัดการทรัพย์สินต่างๆ แทนพระองค์ ในส่วนชีวิต เนื้อตัว ร่างกาย ชื่อเสียง ใครไปละเมิดก็มีรัฐเป็นผู้เสียหายแทน ไม่ใช่ให้ในหลวงไปฟ้องไปแจ้งความเอง
หลักกฎหมายก็มีอยู่แค่นี้ ว่าที่ว่าเป็นที่สักการะผู้ใดละเมิดมิได้นั้น มันไม่ใช่กฎหมายที่ไปกดหัวให้ใครเคารพใคร ยอมอยู่ใต้ตีนใคร แต่อย่างใดไม่ กฎหมายทำแต่เพียงกำหนดให้รัฐเป็นผู้เสียหายแทน ในฐานะที่เป็นความผิดต่อแผ่นดิน ในส่วนความผิดต่อความมั่นคงเท่านั้น
ถาม ถ้าเรามีประธานาธิบดีเป็นประมุข แทนกษัตริย์ ก็ต้องมีการคุ้มครองดูแลของรัฐเช่นนี้อยู่ดีใช่ไหมครับ
ตอบ เป็นเช่นนั้น ประมุขคือ “ที่รวม” ที่แสดงถึงความเป็นหนึ่งของคนในชาติ โลกประชาธิปไตยก็ต้องมีประมุข มีความคุ้มครองเช่นนี้ให้ประมุข ไม่ว่ากษัตริย์หรือคนธรรมดาที่เป็นประธานาธิบดี ลำพัง ม.112 ของเรา มันจึงไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชนอะไร มีแต่การตีความหรือใช้กฎหมายบ้าๆ บอๆ จนเกินเลยไปกดหัว ไปบังคับหัวใจคนอื่น ให้ก้มหัวตามหัวตนเองด้วยเท่านั้น ที่เป็นคดีละเมิดสิทธิมนุษยชนได้
ถาม ถ้าจะโวยวาย จะร้องกัน ก็ต้องว่าเป็นคดีๆ ไป
ตอบ ถูกต้องครับ อย่าเอาตัว ม.112 ไปเป็นจำเลย อยากจะเป็นสาธารณรัฐก็พูดมาตรงๆ ว่ามันดีกว่าอย่างไร ผมพร้อมจะรับฟังอยู่แล้ว อภิปรายดีๆ เป็นวิชาการจริงๆ ก็ไม่มีทางผิด 112 ได้หรอกครับ
มวลชนปูเสฉวน!
ถาม ตกลง คนพวกนี้เขาจะเป็นอะไร จะเอาอะไรกันแน่ครับ เดี๋ยวจะล้มเจ้า เดี๋ยวจะชูค้อนเคียวเป็นคอมมิวนิสต์ เดี๋ยวจะเป็น NGO เพื่อชุมชนชาวบ้านชายขอบ เดี๋ยวจะเป็นนักสิทธิมนุษยชน ดูมุ๊งๆ มิ๊งๆ ผลุบๆ โผล่ๆ ราวกับปูเสฉวนตามชายหาดเลยทีเดียว
ตอบ ที่คุณพูด นั้นมันแค่ “ธง” ที่เขาชูขึ้นมาดึงดูดคนเข้าร่วมเท่านั้น เมื่อไม่มีทฤษฎีปฏิวัติ และผู้นำแท้จริงมาชี้นำ ซุ่มสั่งสมความจงเกลียดจงชังคอยฉวยโอกาสอยู่ในโลกโซเชียลเท่านั้นอย่างนี้ มันก็ทรงพลังด้วยตัวเองไม่ได้ ต้องวี๊ดบึ้มโบกหลายๆ ธง ดึงคนหลายๆ พวก มาช่วยสมทบด้วยเป็นธรรมดา
ถาม แล้วจุดจบจะเป็นอย่างไร
ตอบ ปูเสฉวนก็เป็นปูเสฉวน ที่ออกมาเล่นคลื่นเดินไปเดินมาตามชายหาด แล้วก็หาที่ร่มหลบแดดเข้านอนเท่านั้น ไม่มีอนาคตอะไรทั้งต่อประเทศชาติและตนเองเลย
น่าเสียดายพลังใหม่ของลูกหลานไทยมากๆ ที่ถูกชี้นำชักพาไปในนามของการปฏิวัติสุ่มเสี่ยงจอมปลอม จนต้องกลายเป็นปูเกลื่อนชายหาดอย่างนี้
แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ ม็อบคณะราษฎร 2563 พยายามจะปักหลักชูธง “ปฏิรูปสถาบัน” หรือ เลยกว่านั้นก็ไม่แน่? เพื่อ ทำให้สถาบันฯ ถูกพูดถึง จนกลายเป็นเรื่องธรรมดา หรือที่เรียกว่า วิจารณ์อย่างตรงไปตรงมาได้
จากนั้น ก็ขยายผลดึงแนวร่วมจากกลุ่มอุดมการณ์อื่น ทุกแนวร่วม ที่มีเป้าหมายการต่อสู้เดียวกัน รวมทั้งกลุ่มปัญหาทางเศรษฐกิจ กลุ่มปัญหาผลกระทบจากนโยบายรัฐ ฯลฯ เรียกได้ว่า ไม่เลือกยุทธวิธีนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม ถ้ามองว่า ถึงที่สุดแล้ว การขยายแนวร่วมของม็อบคณะราษฎร ก็ยังมีปัญหาการนำไม่ชัดเจน หรือ ไม่มีพลังในโลกแห่งความเป็นจริงมากพอ อย่างที่ อ.แก้วสรร วิเคราะห์ จนยากที่จะสำเร็จตามธงที่ตั้งไว้ หรือในที่สุด อาจเหมือน “ปูเสฉวน” ที่ออกมาเล่นคลื่นเดินไปเดินมาตามชายหาด แล้วก็หาที่ร่มหลบแดดเข้านอนเท่านั้น ไม่มีอนาคตอะไรทั้งต่อประเทศชาติและตนเองเลย
แต่ถามว่า ความเสียหายที่เกิดจากความยืดเยื้อยาวนาน และสถานการณ์ที่บ่อนทำลายทางเศรษฐกิจ บรรยากาศความปกติสุขของประเทศ คุ้มหรือไม่ นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่หลายฝ่ายจะต้องช่วยกันหาทางแก้ปัญหา และทบทวนให้ชัดเจน เพราะอย่าลืมว่า เวลานี้ที่พูดกันถึงวิกฤตซ้อนวิกฤตนั้น มันยิ่งกว่านั้นไปแล้ว ระวังให้ดี จะเกิดปัญหาซ้อน คนไทยจะลุกฮือ ไม่ใช่เพราะเข้าร่วมม็อบ แต่ไล่ทั้งม็อบและรัฐบาล ก็อาจเป็นได้ เพราะสุดที่จะทนแล้ว และไม่เชื่อใครทั้งนั้น
ไม่เชื่อก็อย่าประมาท เพราะสถานการณ์อย่างนี้ อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น หรือว่าไม่จริง!?
