“สินบนที่ดินเจ้า” ฉาวโฉ่ “ธนาธร” ปิดปากเงียบ !?

เมืองไทย 360 องศา

ต้องยอมรับว่า เรื่อง “สินบน 20 ล้าน” ของ นายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ น้องชายนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ “แดง” ขึ้นมาแบบกะทันหัน ทำเอา “บางคน” ไปไม่เป็น โดยเฉพาะนายธนาธร ถึงกับต้อง “ปิดปาก” เงียบ ไม่อยากให้สัมภาษณ์สื่อ รวมไปถึงไม่มีอารมณ์โพสต์เรื่อง “ความเสมอภาคและประชาธิปไตยที่เท่าเทียม” มาสักพักหนึ่งแล้ว

เพราะขนาดเมื่อสองสามวันก่อน ขณะไปรับทราบข้อกล่าวหาในเรื่องทำผิดฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในการชุมนุมที่ห้าแยกลาดพร้าว ก็ยังไปแบบ “ย่องเงียบ” เสร็จแล้วก็รีบกลับ ไม่มียืนให้สัมภาษณ์แบบยาวๆ และที่สำคัญไม่มีการพูดถึงเรื่อง “สินบนของน้องชาย” แต่อย่างใด

ขณะเดียวกัน ยังเป็นที่น่าสังเกตอีกก็คือ “พวกนักประชาธิปไตย” ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมือง กลุ่มการเมือง ทั้งสื่อบางจำพวก โซเชียลฯ ต่างๆ เหมือนกับพร้อมใจกัน “มองไม่เห็น” หรือทำเหมือนกับว่าไม่เคยมีเรื่องนี้เกิดขึ้น ทั้งที่เป็นผลมาจากคำพิพากษาของศาล ที่สั่งจำคุกเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (ชื่อเดิม) จำนวน 2 คน ฐานรับสินบนจากนายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานบริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด น้องชายของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำกลุ่มก้าวหน้า ที่กำลังถูกกล่าวหาว่า ให้การสนับสนุน “ม็อบสามนิ้ว” และมีพฤติกรรม “ล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์”
แน่นอนว่า สำหรับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ยิ่งปิดปากเงียบ เพราะหลังจาก “เรื่องแดง” ขึ้นมา เขาก็ไม่เคยออกมาให้ความเห็น หรือแม้กระทั่งโพสต์ชี้แจงในเรื่องที่เกิดขึ้นทางสื่อโซเชียลฯ แต่อย่างใด เหมือนกับการตั้งข้อสังเกตจากการที่ไปรับทราบข้อกล่าวหา ในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จากกรณีเข้าร่วมชุมนุมที่ห้าแยกลาดพร้าว เมื่อวันก่อน ก็ไม่ยอมพูดถึงเรื่องนี้แต่อย่างใด
สำหรับที่มาที่ไปของคดีดังกล่าวสืบเนื่องจากคดีที่ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ มอบอำนาจให้ นายอิศรา จารุวนิชกุล ผู้กล่าวหา ดำเนินคดีกับ นายประสิทธิ์ อภัยพลชาญ ผู้ต้องหาที่ 1 และ นายสุรกิจ ตั้งวิทูวนิช ผู้ต้องหาที่ 2 ซึ่งถูกตั้งข้อกล่าวหา ร่วมกันปลอมเอกสารราชการ และใช้เอกสารราชการปลอม และร่วมกันเรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่น เป็นการตอบแทนในการที่จะจูงใจ หรือได้จูงใจเจ้าพนักงานโดยทุจริต หรือผิดกฎหมาย ให้ทำการหรือไม่กระทำการในหน้าที่ เหตุเกิดเมื่อ มี.ค. - พ.ย. 60 ต่อเนื่องกัน ในท้องที่แขวงดุสิต เขตดุสิต และแขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง โดยคดีดังกล่าว ศาลมีคำสั่งจำคุกผู้ต้องหาที่ 1-2 ไปแล้ว เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 62 โดยศาลได้จำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 6 ปี แต่ลดโทษให้เหลือจำคุกคนละ 3 ปี
โดยพฤติการณ์แห่งคดีก็คือ จำเลยทั้งสองคนดังกล่าว รับหรือเรียกรับสินบนจาก นายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ เพื่อไปวิ่งเต้นให้ได้เช่าที่ดินเพื่อทำธุรกิจจำนวน 2 แปลง ในซอยร่วมฤดี และในเขตสำนักงานใหญ่องค์การโทรศัพท์ชิดลม โดยมีการจ่ายเงินจำนวน 20 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี สำหรับ นายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ กลับไม่ถูกดำเนินคดีในข้อหา “ให้สินบนเจ้าพนักงาน” ซึ่งถือว่าอาจจะเป็น “เรื่องยาว” ตามมาอีก ซ้ำรอยคดี “บอส กระทิงแดง” อีกหรือไม่ ก็ต้องชวนติดตามอีกเรื่องหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อไปเกี่ยวข้องกับทั้งฝ่ายอัยการ และฝ่ายตำรวจ ที่เป็นพนักงานสอบสวน ผู้ทำสำนวน
แต่งานนี้ หากให้โฟกัสเฉพาะนายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ต้องเกี่ยวพันไปถึงนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พี่ชาย รวมไปถึงครอบครัวของพวกเขาทั้งหมด ในฐานะผู้ถือหุ้น ในบริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ในขณะนั้นว่าเกี่ยวข้องอย่างไร หรือไม่ เพราะในช่วงเกิดเหตุมีการตั้งข้อสังเกตว่า นายธนาธร อาจจะยังเป็นผู้ถือหุ้นอยู่ รวมไปถึงคนอื่นในครอบครัว เช่น นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดา ของพวกเขาอีกด้วย
เพราะสิ่งที่ตามมาในอีกไม่นานก็คือ เมื่อ “เรื่องแดง” ฉาวโฉ่แบบนี้ มันก็ยิ่งทำให้เกิดการเคลื่อนไหวตามมา อย่างน้อยก็ได้เห็นการตั้งโต๊ะแถลงแบบ “ทีมใหญ่” ของฝ่ายอัยการ ในทำนองว่า เป็นเพราะฝ่ายตำรวจไม่ได้ตั้งข้อหา “การให้สินบน” ของนายสกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ แต่ขณะเดียวกัน ก็มีการยืนยันจากฝ่ายตำรวจว่า อยู่ในขั้นรวบรวมพยานหลักฐานอยู่
แน่นอนว่า เมื่อรูปการณ์เป็นแบบนี้ คนที่กำลังลุ้นระทึกนอกเหนือจากนายสกุลธร แล้ว ก็ต้องมี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ รวมอยู่ด้วยเป็นแน่ เพราะนับตั้งแต่เกิดเรื่องนี้ขึ้นมา และปรากฏออกมาตามสื่อมากขึ้น มันก็ยิ่งทำให้เกิดคำถามมาถึงตัวเขามากมายทำนอง “ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง” และเป็นหนักกว่าใครเสียด้วย เนื่องจาก “เรื่องสินบน” ก็ไม่ต่างจากเรื่องทุจริต ที่ร้ายแรง อย่างน้อยก็ในเรื่องจริยธรรม และโดยเฉพาะภาพลักษณ์ที่พยายามแสดงออกให้เห็นในเรื่องนักการเมืองรุ่นใหม่ ที่เน้นในเรื่องของความโปร่งใส การตรวจสอบ ความเสมอภาค ที่กำลังเคลื่อนไหวผ่านทาง “ม็อบสามนิ้ว” อย่างร้อนแรงในเวลานี้ ก็จะทำให้ลดน้ำหนักลงไปอย่างฮวบฮาบ แม้ว่าก่อนหน้านี้ ถูกจับได้ในกรณี ทำ “บลายด์ทรัสต์” ที่เคยถูกเยาะเย้ยมาแล้วว่าเป็นแค่ “สร้างภาพ” มาแล้วก็ตาม
หรือแม้แต่ข้อเสนอเรื่องการ “ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์” ที่สังคมเริ่มตั้งคำถามว่า มีเจตนาล้มล้าง แต่ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งใน “มุมมืด” กลับมีน้องชาย ไปจ่ายเงินสินบน เหมือนกับว่า “พี่ถูกมองว่าล้มเจ้า แต่น้องชายกลับอยากได้ทรัพย์สินในส่วนพระมหากษัตริย์” อย่างนี้หมายความว่าอย่างไร
เอาเป็นว่างานนี้ สำหรับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ “จุก” อีกดอกใหญ่ รวมไปถึงส่งผลทำให้ “รวน” ไปทั้งขบวน เพราะเป็นเรื่องใหญ่ ปล่อยผ่านไปไม่ได้เป็นอันขาด !!