xs
xsm
sm
md
lg

ท่อน้ำเลี้ยงเปิด!! ม็อบคึกคักแบบเบิ้มๆ ประกาศกร้าว ชุมนุมต่อเนื่องยาวถึงสิ้นปี หากมีรัฐประหารจะสู้ตาต่อตา ฟันต่อฟัน !! **เบื้องหลัง “Friendly deal” ซื้อขาย รพ.บำรุงราษฎร์ หมื่นล้าน มิตรภาพระหว่าง “หมอเสริฐ” และ “สาธิต”

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว



**ท่อน้ำเลี้ยงเปิด!! ม็อบคึกคักแบบเบิ้มๆ ประกาศกร้าว ชุมนุมต่อเนื่องยาวถึงสิ้นปี หากมีรัฐประหารจะสู้ตาต่อตา ฟันต่อฟัน !!

ลุ้นระทึกกันมาเกือบตลอดสัปดาห์ หลังจาก “คณะราษฎร” ประกาศจะชุมนุมแบบเบิ้มๆ ในวันที่ 25 พ.ย. ที่หน้าสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ถนนนครราชสีมา ย่านเทเวศร์ เขตดุสิต ... มีการเปิดตัว “กลุ่มเสื้อแดง” จะมาร่วมสมทบด้วย พร้อมจัดตั้ง “การ์ดภาคีเพื่อประชาชน” รวบรวมการ์ดมืออาชีพไว้ดูแลความปลอดภัย และเป็นแนวหน้าในการบุกทะลวงฝ่าการสกัดกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และสิ่งกีดขวาง

ท่ามกลางกระแสข่าวจะมี “ม็อบชนม็อบ”... จะมีการประกาศ “กฎอัยการศึก” ให้ทหารออกมาร่วมดูแลความสงบเรียบร้อย มีการขอหมายจับแกนนำม็อบตามมาตรา 112 ...กระทั่งข่าว “รัฐประหาร” !!
ระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงก็ระดมจัดวางสิ่งกีดขวาง ขึงรั้วลวดหนามหีบเพลง ทั้งตู้คอนเทนเนอร์ ปิดกันเส้นทางโดยรอบที่จะไปสำนักงานทรัพย์สินฯ กันอย่างแน่นหนา และประกาศปิดการจราจรถนนสายหลักๆ บริเวณโดยรอบหลายสาย
ทำเอาเช้าวันที่ 25 พ.ย. ต่อเนื่องไปตลอดทั้งวัน คนกรุงบ่นกันขรมเมือง เจอหน้ากันไม่มีใครไม่บ่นถึง “นรกรถติด” !!


แล้วกลุ่มผู้ชุมนุมก็ “แกง” เจ้าหน้าที่ โดยประกาศย้ายจุดรวมพลจาก “สำนักงานทรัพย์สินฯ” ไปที่หน้าสำนักงานใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ “ตึก SCB” แยกรัชโยธิน อ้างว่าเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการปะทะกับเจ้าหน้าที่ หรือมวลชนฝ่ายตรงข้าม ที่อาจเกิดขึ้นได้ ...และจุดหมายใหม่ก็ถือเป็น “สัญลักษณ์” ที่ไม่แตกต่างกัน เพราะสำนักงานทรัพย์สินฯ คือ ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ “ธนาคารไทยพาณิชย์”
เมื่อถึงเวลานัดหมาย 16.00 น. มวลชนก็หลั่งไหลไปกันล้นหลามที่หน้าตึก SCB ยาวต่อเนื่องไปบนถนนรัชดาภิเษก แบบสุดลูกหูลูกตา ...สร้างความคึกคักให้กับบรรดาแกนนำที่มากันพร้อมหน้า ทั้ง “อานนท์-เพนกวิน-รุ้ง” มีการตั้งโต๊ะแจก “คูปอง” ที่ทำเลียนแบบธนบัตร เรียกว่า “ธนบัตรราษฎร” มีสัญลักษณ์รูปเป็ดยางสีเหลืองสวมมงกุฎ และนกพิราบขาว ... 1 ใบ มีมูลค่า 10 บาท แจกให้ผู้ชุมนุมสำหรับใช้ซื้อลูกชิ้นปิ้ง ลูกชิ้นทอด ผลไม้ ของบรรดารถเข็น CIA ที่ติดตราสัญลักษณ์รูปธนบัตรนี้
เรียกว่าเป็นมุกเลียนแบบในเชิงเสียดสี “โครงการคนละครึ่ง” ที่รัฐบาลกำลังภูมิอกภูมิใจอยู่ในขณะนี้
“เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์ ขึ้นรถเวทีเครื่องเสียงปราศรัย ต้อนรับผู้ร่วมชุมนุมว่า “ขณะนี้มวลชนมาอยู่ที่แห่งนี้สุดลูกหูลูกตา และพวกไดโนเสาร์ได้กินแกงหม้อใหญ่อีกหนึ่งหม้อ”

พริษฐ์ ชิวารักษ์ - อานนท์ นำภา
ขณะที่ “อานนท์ นำภา” แกนนำคนสำคัญ ก็ประกาศว่า... วันไหนเราจะไปสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เราก็จะเดินไป อย่าคิดว่าตู้คอนเทนเนอร์ จะเอาอยู่ อย่าดูถูกการ์ดอาชีวะ และหากมีการรัฐประหาร เราจะสู้ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ไม่เชื่อลองรัฐประหารดู แล้วเจอกัน... แล้วเรายังมีนัดชุมนุมกันอีกก่อนสิ้นปีนี้ บิ๊กๆ เบิ้มๆ แน่นอน !!
และที่เป็น “บิ๊กเซอร์ไพรส์” ก็คือ “ส.ศิวรักษ์” สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ปัญญาชนสยาม ก็โผล่มาร่วมปราศรัยในครั้งนี้ด้วย...โดยพุ่งเป้าไปที่การใช้มาตรา 112 ที่รัฐบาลงัดมาจัดการแกนนำม็อบว่า... พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ มีพระราชกระแสว่า ใครนำ “มาตรา 112” มาใช้ เป็นการทำลายพระองค์ท่าน และเป็นการทำให้สถาบันกษัตริย์เสื่อมโทรม ... แต่ “พล.อ.ประยุทธ์” อ้างว่าจงรักภักดี แล้วทำไมไม่ทำตามกระแสพระราชดำรัส
นอกจากนี้ ในหลวงองค์ปัจจุบัน ตอนเสวยราชสมบัติ ทรงมีพระราชหัตถ์ถึงอัยการสูงสุด ประธานศาลฎีกา ให้ยุติมาตรา 112 ตอนนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กลับเอา มาตรา 112 มาใช้ เป็นการขัดพระราชโองการ เป็นการทำลายล้างสถาบันกษัตริย์ เป็นการรังแกพระเจ้าแผ่นดิน เพราะฉะนั้น ประเด็นนี้ประเด็นเดียว ที่เราจะต้องร่วมกันถีบ พล.อ.ประยุทธ์ ออกไปให้พ้นอำนาจรัฐบาลให้ได้ เพราะทำสิ่งที่ขัดพระราชกฤษฎีกา รัชกาลที่ ๙ และรัชกาลที่ ๑๐
ดูจากจำนวนมวลชนและแนวร่วมในการชุมนุมครั้งนี้ ต้องยอมรับว่า “เบิ้มๆ” และคำประกาศของ “อานนท์” หากมีการรัฐประหาร เราจะสู้ตาต่อตา ฟันต่อฟัน แล้วยังจะมีนัดแบบ บิ๊กๆ เบิ้มๆ ไปจนถึงสิ้นปี หรือจนกว่าจะได้รับชัยชนะ
นั่นแสดงว่า หลังจากนี้ การจัดชุมนุมจะมีระบบ “ออร์แกไนซ์” อย่างดี และจะชุมนุมต่อเนื่องนั่นแสดงว่า มี “ท่อน้ำเลี้ยง” เข้ามาให้การสนับสนุนอย่างจริงจังแล้ว!!

สุลักษณ์ ศิวรักษ์
คำถามจึงมีว่า “ท่อน้ำเลี้ยงนั้นมาจากไหน” !! ซึ่งคำตอบก็คงหนีไม่พ้นจากนักการเมือง พรรคการเมือง ที่กำลังเปิดยุทธการ “โค่นบิ๊กตู่” อยู่ในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่า “บิ๊กตู่” ก็ไม่ยี่หระ ยังคงยืนยันว่าจะไม่มีรัฐประหาร ไม่ใช้กฎอัยการศึก จะมีก็แต่การใช้กฎหมายปกติให้เข้มข้นขึ้นหากมีการละเมิด ...ประกาศชุมนุมยืดเยื้ออีก 5 วัน ก็ประกาศไปสิ ประกาศไปเถอะ กฎหมายมีอยู่แล้ว !!
แถมยังย้อนถามสื่อว่า... “เมื่อเช้านี้รถติดอย่างมหาศาล คนเดือดร้อนจำนวนเท่าไหร่ มันติดเพราะอะไร เพราะผมหรือเปล่า ก็ไปดูเอาเองแล้วกัน” ...
ดูท่าว่า “ศึกชิงบ้านชิงเมือง” จะยังคงยืดเยื้อ ม็อบเบิ้มๆ ก็ยังคงมีทุก 3 วัน 5 วัน รัฐบาลก็คงต้องขนตู้คอนเทนเนอร์ กางรั้วลวดหนาม ตามปิดกั้น...ประชาชนคนกรุงก็คงหนีไม่พ้น “นรกประจำวัน” จากปัญหาจราจรกันต่อไป




**เบื้องหลัง “Friendly deal” ซื้อขาย รพ.บำรุงราษฎร์ หมื่นล้าน มิตรภาพระหว่าง “หมอเสริฐ” และ “สาธิต” ทายาท “หมอพงษ์ศักดิ์” ผู้ก่อตั้ง รพ.กรุงเทพ

สาธิต วิทยากร - นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ
เมื่อวันก่อน บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS) ของกลุ่ม “หมอเสริฐ” ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ประกาศขายหุ้นโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ทั้งหมดให้กับผู้ซื้อรายหนึ่ง ซึ่งคิดเป็นมูลค่าถึง 18,613 ล้านบาทนั้น หลายคนก็สนใจอยากรู้ว่า ผู้ซื้อรายนั้น คือใคร ?
มาวันนี้มีคำตอบออกว่า ผู้ซื้อรายหนึ่งนั้นก็คือ “สาธิต วิทยากร” ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ PRINC นั่นเอง
ถามว่า “สาธิต” คือใคร... ดูจากโปรไฟล์นักบริหารธุรกิจคนนี้ต้องบอกว่า “ไม่ธรรมดา” เป็นบุตรชายของ “นพ.พงษ์ศักดิ์ วิทยากร” อดีตผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลกรุงเทพ เครือข่ายโรงพยาบาลใหญ่ในเมืองไทย
ส่วนตัวมีดีกรี จบตรีวิศวะ จุฬา แล้วไปต่อ MBA บริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัย Golden Gate University สหรัฐอเมริกา และปริญญาเอกด้านการจัดการเชิงกลยุทธ์ (Strategic Management) หลักสูตรร่วมของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ และ University of Nebraska-Lincoln สหรัฐฯ โดยมีผลงานวิทยานิพนธ์ดีเด่น เรื่อง Alliance Strategy of Hospitals บ่งบอกว่า ความเป็นทายาทที่มาจากครอบครัวที่ทำธุรกิจด้านโรงพยาบาลได้เป็นอย่างดี
“สาธิต” ก่อนจะรับไม้ธุรกิจโรงพยาบาลต่อมาจาก “หมอพงษ์ศักดิ์” แจ้งเกิดมาจากการเข้าเทกโอเวอร์ บริษัท เมโทรสตาร์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ METRO บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ เมื่อปี 2556
ว่ากันว่า ช่วงนั้น “สาธิต” หันไปลงทุนด้านอสังหาฯ เพราะเป็นช่วงที่พ่อ และตัวเขาเพิ่งขายหุ้นโรงพยาบาลกรุงเทพออกทั้งหมด
หลังทำอสังหาฯ 2 ปี ก็หันมาเริ่มธุรกิจโรงพยาบาลอีกครั้ง เมื่อปี 2558 และเปลี่ยนชื่อจาก “เมโทรสตาร์” มาเป็น “พริ้นซิเพิล แคปิตอล PRINC” พร้อมๆ กับขยับขยายธุรกิจโรงพยาบาลในชื่อพริ้นซิเพิล มีเครือข่ายทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดหลายแห่ง
เบื้องหลังดีลนี้ “สาธิต” เปิดเผยว่า เป็นผู้เข้าทำสัญญาซื้อหุ้นโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จากกลุ่ม “หมอปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ” โดยเป็นการซื้อในนามส่วนตัว ในรูปแบบ “Friendly deal” ซื้อเพื่อลงทุน และเชื่อมั่นในศักยภาพของ BH
ขณะที่ว่ากันว่า กลุ่มหมอเสริฐ ก็ “วิน” เพราะต้องการระดมทุนไปลงทุนที่เป็นอนาคตของกลุ่มที่สนามบินอู่ตะเภาที่ประมูลได้ พร้อมกับการขายให้คนในธุรกิจเดียวกัน
งานนี้ “Friendly deal” วิน-วินกันไป !!




กำลังโหลดความคิดเห็น