เมืองไทย 360 องศา
ก็ต้องเตือนด้วยความหวังดี สำหรับทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นพวก “ม็อบสามนิ้ว” รวมไปถึงม็อบอีกฝ่าย หรือหลายฝ่ายที่มีข่าวว่าจะไปเคลื่อนไหวชุมนุมหน้าสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ในวันที่ 25 พฤศจิกายน นี้ โดยเฉพาะพวกแนวร่วม มวลชนทั้งหลาย ควรหลีกเลี่ยงเข้าพื้นที่ไปร่วมชุมนุมให้ไกลที่สุด เพราะเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์แล้ว “มีความเสี่ยงสูง” ที่จะเกิดเหตุการณ์ความรุนแรง
เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์แล้ว มันเหมือนกับว่า มีความพยายาม “จงใจ” ให้เกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้นมา เพื่อใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ดังกล่าวสำหรับตัวเอง และฝ่ายของตัวเอง แม้ว่านาทีนี้ไม่อยากชี้ชัดไปที่ใครว่าต้องการให้เกิดความรุนแรง แต่หากติดตามมาอย่างต่อเนื่อง ก็พอคาดเดาได้ไม่ยาก
ขณะที่เสียงเตือนที่ว่านี้ ไม่ได้ส่งไปถึงบรรดาแกนนำสำคัญของม็อบ เนื่องจากพวกเขามี “แบ็กดี” เพราะหากเกิดอะไรขึ้น ก็น่าจะได้รับคุ้มครองให้ “ลี้ภัย” ในประเทศตะวันตก อย่างน้อยเวลาเกิดเรื่อง ก็สามารถหลบเข้าไปในสถานทูตประเทศเหล่านั้นได้อยู่แล้ว
ดังนั้น ที่น่าเป็นห่วงก็คือ บรรดามวลชนทั้งหลายที่อาจตกเป็น “เหยื่อ” ได้ตลอดเวลา ถึงได้บอกว่าไม่จำเป็นก็อย่าไปร่วม ไม่ว่าฝ่ายไหนทั้งนั้น เพราะถือว่ามีความเสี่ยงสูงกว่าปกติ
สิ่งที่ต้องพิจารณากันก่อน ก็คือ ทำไม “ม็อบสามนิ้ว” ถึงได้นัดชุมนุมที่สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ แน่นอนว่าชัดเจนอยู่แล้วว่า มีเจตนา “สื่อโดยตรง” ไปถึงพระมหากษัตริย์ และสถาบันฯ อีกทั้งแกนนำไม่ว่าจะเป็น นายอานนท์ นำภา และ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ ก็เคยเน้นย้ำมาก่อนหน้านี้แล้วว่าต้องการ “ทุบหม้อข้าว” ความหมายมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว
พร้อมกันนี้ พวกเขายังได้พูดสื่อสารออกมาในลักษณะที่ว่า ได้กลิ่น “รัฐประหาร” แต่ที่ผ่านมาได้รับการปฏิเสธ จาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยระบุว่า เป็นเพียงความพยายามในการ “เรียกแขก” มาร่วมชุมนุมเท่านั้น รวมทั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง
แต่ที่น่าสังเกตก็คือ มีความพยายาม “กระพือ” เรื่องดังกล่าวในโลกโซเชียล ในช่วงนี้กันมากผิดปกติ
แม้ว่านาทีนี้ไม่มีใครสามารถการันตีได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่า จะไม่มีการรัฐประหารเกิดขึ้น เพราะหากจะเกิดก็จะไม่มีใครเปิดเผยล่วงหน้าแน่นอน รวมไปถึงต้องมาพิจารณากันแบบ “รู้ทัน” ว่า ใครกันแน่ได้ประโยชน์จากสถานการณ์มากกว่ากัน หากมีการรัฐประหารเกิดขึ้นจริง และหากเกิดขึ้นจะทำได้สำเร็จ หรือสามารถควบคุมสถานการณ์หลังจากนั้นได้แค่ไหน หรือใครกันแน่ที่มีความพยายาม “ยั่วยุ” ให้เกิดการรัฐประหาร ซึ่งเงื่อนไขสำคัญก็คือ การจงใจ “ก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์” ซึ่งหนึ่งในเจตนาดังกล่าว ก็คือ การจงใจมาชุมนุมหน้าสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ในวันที่ 25 พฤศจิกายน นี่แหละ
เพราะนอกจากจะเสี่ยงต่อ “ความรุนแรง” ที่เกิดขึ้นหลายรูปแบบ และหลายสาเหตุ นั่นคือ จากการ “สร้างเหยื่อ” ให้เกิดขึ้นมา เพื่อเป็นสาเหตุให้เกิดการ “แทรกแซง” จากต่างประเทศ หรือการยั่วยุนำม็อบบุกเข้าประชิดสำนักงานทรัพย์สินฯ ที่ทำให้เกิดความเสี่ยงการปะทะกับเจ้าหน้าที่ ที่ต้องป้องกันอย่างเต็มที่ นอกเหนือจากการประกาศพื้นที่หวงห้ามในรัศมี 150 เมตร ที่เป็นเขตพระราชฐานตามกฎหมาย
ทางหนึ่งการชุมนุมหน้าสำนักงานทรัพย์สินฯ หากมองกันด้วยเหตุผลและความจำเป็นแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าสงสัย เพราะหากเป็นการแสดงท่าทีในเชิง “สัญลักษณ์” ก็สามารถทำได้ในพื้นที่อื่น เหมือนกับที่เคยชุมนุมก่อนหน้านี้
ส่วนอีกด้านหนึ่ง การเคลื่อนไหวที่มีเจตนาในแบบดังกล่าวย่อมต้องทำให้เกิดปฏิกิริยาไม่พอใจกับประชาชนที่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่มองว่ากลุ่ม “ม็อบสามนิ้ว” หรือ “แกนนำ” มีความเหิมเกริม มีความเห็นว่าเป็นการชุมนุมที่มีข้อเรียกร้อง “เกินเพดาน” ในแบบที่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ขณะเดียวกัน สิ่งที่ต้องจับตากันอย่างใกล้ชิด ก็คือ หากพิจารณาจากสถานการณ์การชุมนุมของม็อบสามนิ้วในช่วงที่ผ่านมา ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ก็ต้องยอมรับความจริงว่า “ไม่อาจขยายวง” หรือ “สร้างแนวร่วม” ได้เพิ่มเติมกว่าเดิม เนื่องจากเป็นข้อเรียกร้องในเรื่องการปฏิรูปที่มีเจตนา “ล้มล้าง” ยังไม่ได้รับการตอบสนองจากประชาชนส่วนใหญ่ อีกทั้ง “เงื่อนไขสำคัญ” คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เวลานี้กำลังดำเนินการไปตามเส้นทางประชาธิปไตย ตามกลไก ซึ่งทุกฝ่ายกำลังเฝ้ามองกันอยู่ว่าจะมีรายการ “ตุกติก” เกิดขึ้นหรือไม่ แต่อย่างน้อยก็กำลังเดินหน้า และหากเรียบร้อยตามเป้าหมายภายในระยะเวลาไม่เกินปีกว่านับจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็จะต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ และมีการเลือกตั้งใหม่ตามกติกาใหม่
ดังนั้น การนัดชุมนุมของ “แกนนำ” ม็อบสามนิ้ว ที่หน้าสำนักงานทรัพย์สินฯ จึงมีข้อพิรุธว่า มีเจตนาอะไรกันแน่ ต้องการยั่วยุให้เกิดความรุนแรง หรือเพื่อให้ตัวเองได้ “หาทางลง” จากเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้น เพื่อจะให้ “ลี้ภัย” ตามรายงานก่อนหน้านี้ หรือไม่ แต่ทุกทางถือว่ามีความเสี่ยงอย่างยิ่ง !!