xs
xsm
sm
md
lg

จับตาให้ดี! บิ๊กเซอร์ไพรส์ “อานนท์” เกมเลื่อนม็อบท้าทาย ม.112 “บิ๊กกวิ้น” แฉมือวางแผน “3 นิ้ว” ระดับ CIA

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ นายอานนท์ นำภา จาก MGR PHOTO
ไม่กลัว! “อานนท์” ลั่น มี “บิ๊กเซอร์ไพรส์” โต้ แก๊สน้ำตา-กระสุน “บิ๊กกวิ้น” เลื่อนม็อบ 22 พ.ย.ท้าทาย ม.112 อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ แฉผู้วางแผน “3 นิ้ว” ระดับ ซีไอเอ “สุวินัย” ยกเจ้าตำรับ “กองโจร” ในเมือง ตายอนาถ “ผมเตือนแล้วนะ”

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (21 พ.ย. 63) นายอานนท์ นำภา แกนนำกลุ่มราษฎร 63 โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า

“ราษฎรเขาไม่ดิ้นไปตามพวกคุณหรอกครับ ความรุนแรงทั้งกฎหมาย แก๊สน้ำตาและกระสุน จะถูกตอบโต้ด้วยข้อมูลข้อเท็จจริงที่ขนาดสุนัขรับใช้ยังอาจอายแทนนายของมัน เตรียมพบกับบิ๊กเซอร์ไพรส์ได้เร็วนี้”

ก่อนหน้านี้ ไม่กี่ชั่วโมง นายอานนท์ นำภา โพสต์ว่า ปี 2553 ก็ประยุทธ์ ประวิตร อนุพงษ์ นี่แหละที่สลายการชุมนุมทำเสื้อแดงตายเป็นร้อยศพ

มาปีนี้คนกลุ่มนี้กำลังจะเดินไปทางนั้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ง่ายหรอก บอกเลย

คนรุ่นใหม่มาเอาแน่
คนเสื้อแดงมาเอาคืน”

ภาพ ผู้ชุมนุมม็อบราษฎร 63 เตรียมฝ่าแนวกั้นที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 17 พ.ย.จากแฟ้ม
ขณะเดียวกัน นายวันชัย รุจนวงศ์ อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ อดีตอธิบดีกรมราชทัณฑ์และกรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดยมีรายละเอียดดังนี้

การชุมนุมประท้วงคราวนี้ ออกจะแปลกและแตกต่างจากการประท้วงครั้งก่อนๆ ชัดเจน

อันแรกเลย คือ มีการถือธงชาติของต่างประเทศ ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในไทย เคยมีที่ฮ่องกง ที่ผู้ประท้วงถือธงชาติอังกฤษ อเมริกา ออกมาประท้วง

เรื่องที่สอง คือ ถ้าประท้วงไล่รัฐบาล แก้รัฐธรรมนูญเรื่อง ส.ว. ป่านนี้มีมวลชนสนับสนุนมาก และสำเร็จนานแล้ว แต่การประท้วงครั้งนี้ กลับชูประเด็นเปลี่ยนแปลงสถาบัน ที่หลายฝ่ายมองว่า เป็นการล้มล้างสถาบัน เพื่อไม่ให้จบเร็ว จบง่าย แต่ต้องการให้ประเด็นยืดเยื้อและรุนแรง

จนดูเหมือนว่า เป้าจริงคือ ปะทะกับสถาบัน เรื่องไล่รัฐบาลเป็นประเด็นบังหน้า

เพราะผู้วางแผนรู้ว่า ประเด็นสถาบัน สร้างความรุนแรงได้ง่าย

เรื่องที่สาม คือ แปลกที่ปกติผู้ชุมนุม จะไม่อยากให้เจ้าหน้าที่ใช้ความรุนแรง แต่การประท้วงครั้งนี้ ดูเหมือนแกนนำระดับหัวจริงๆ ต้องการให้เกิดความรุนแรง พยายามยั่วยุให้เกิดการปะทะ ต้องการให้มีคนเจ็บและตาย

เพื่อเรียกมวลชน ให้คนเห็นใจและออกมาสนับสนุนมากขึ้น

เพื่อใช้เป็นเหตุอ้างให้ต่างชาติมีข้ออ้างเข้ามาแทรกแซงกดดันประเทศไทย เพราะรัฐบาลไม่ตามใจตามคำขอที่จะให้ไทยเป็นเป้าในความขัดแย้งระหว่างอเมริกากับจีน

แกนนำจึงพยายามสร้างสถานการณ์ให้เจ้าหน้าที่สลายการชุมนุม เพื่อให้มีคนเจ็บและตาย ตามที่ได้รับแผนและทุนมา

ผู้ชุมนุมที่ไปด้วยใจบริสุทธิ์ เลยตกเป็นเหยื่อ และเป็นเบี้ยของแกนนำที่ต้องเจ็บ

ฝ่ายรัฐก็รู้แผนนี้ พยายามที่จะไม่ใช้การสลายการชุมนุม จนสุดท้ายจึงต้องใช้การฉีดน้ำและแก๊สน้ำตา

การชุมนุมที่รัฐสภา เกิดเรื่องทุกครั้ง เพราะตำรวจต้องป้องกันรัฐสภา ในขณะที่แกนนำก็รู้และต้องฝ่าเข้าไปให้มีเรื่อง

ฝ่ายสีเหลืองก็รู้แผนนี้ ไม่ยอมออกมาปะทะ เพราะจะเข้าแผนของต่างชาติผ่านแกนนำ

แรกๆ แกนนำไม่อยากออกหน้า เพื่อสร้างภาพว่าการชุมนุมไม่มีแกนนำ เป็นการชุมนุมอิสระ (แต่มีการนำทางออนไลน์ในรูปแบบใหม่)

สองวันหลังที่รัฐสภาและราชประสงค์ชัดเจน เพราะถ้าแกนนำไม่ออกมา แผนจะไม่สำเร็จ เพราะมวลชนประท้วงเสร็จก็กลับบ้าน จนแกนนำและผู้สนับสนุนไม่พอใจว่าไม่อึด

ที่น่ากลัวและต้องระวังคือ ผู้วางแผนเบื้องหลังจะจัดคนมายิงผู้ประท้วงเสียเองแล้วป้ายสีเจ้าหน้าที่ หรือฝ่ายเหลือง เพื่อสร้างสถานการณ์ ที่หน้ารัฐสภา ก็มีการใช้ปืนยิงและมีการแสดงปลอกกระสุน ซึ่งยังไม่รู้ว่าใครยิง

การประท้วงครั้งนี้ ผู้วางแผนและแนวทางมืออาชีพระดับ CIA ทีเดียว (จากไทยโพสต์)

ภาพ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน” จากแฟ้ม
ยิ่งกว่านั้น ในท่ามกลางกระแสรัฐบาล และเจ้าหน้าตำรวจพร้อมดำเนินคดีด้วยกฎหมายทุกข้อ รวมถึง ม.112 ที่เคยอนุโลมเอาไว้นั้น

วันนี้ เฟซบุ๊ก เพนกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ์ ของนาย พริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน” แกนนำกลุ่มธรรมศาสตร์ฯ และราษฎร 63 โพสต์ข้อความ ระบุว่า

“รวมพลังประชาธิปไตย ณ ถนนอักษะ พรุ่งนี้สี่โมงเป็นต้นไป”

ภาพ ดร.สุวินัย ภรณวลัย จากแฟ้ม
ด้าน ดร.สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า

“จุดจบของ คาร์ลอส มาริเกลล่า นักปฏิวัติผู้แต่งหนังสือ Minimanual of the Urbarn Guerrilla (1969) อันโด่งดัง เกิดขึ้นหลังจากที่เจ้าตัวเขียนหนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์เสร็จในเดือนมิถุนายน 1969 เพียงแค่ห้าเดือนเท่านั้น

ตอนนั้น คาร์ลอส มาริเกลล่า (1911-1969) อายุ 57 ปีแล้ว และกำลังเคลื่อนไหวแบบกองโจรในเมืองเพื่อต่อต้านรัฐบาลเผด็จการทหารของบราซิล โดยหวังว่า จะเป็นกำลังประสานเสริมการทำสงครามประชาชนของทัพปฏิวัติของกลุ่มชาวนาในชนบทแบบป่าล้อมเมืองได้

ขณะนั้นคือ ปี ค.ศ. 1969 ถือเป็นช่วงพีคของขบวนการปฏิวัติสากลของฝ่ายซ้ายทั่วโลก โดยที่พวกฝ่ายซ้ายทั้งหลายล้วนมีความหวังร่วมกันว่าการปฏิวัติสังคมนิยมคงสำเร็จในไม่ช้านี้

ขบวนการกองโจรในเมืองของคาร์ลอส มาริเกลล่า เน้นการปล้นบ้านพวกคนรวยและจับพวกคนรวยมาเรียกค่าไถ่ ซึ่งทำได้สำเร็จติดต่อกันหลายครั้ง จนทางการจำเป็นต้องตัดสินใจ "เด็ดหัว" เขา

คาร์ลอส มาริเกลล่า ถูกตำรวจยิงเสียชีวิตในขณะบุกเข้าจับกุมในช่วงเช้า วันที่ 4 เดือนพฤศจิกายน 1969

การรบแบบสงครามกองโจรในเมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานคร เกิดขึ้นได้ยากมาก และไม่คิดว่าจะมีกลุ่มใดมีศักยภาพที่จะทำเช่นนั้นได้

ขนาดเจ้าตำรับการทำสงครามกองโจรในเมือง อย่าง คาร์ลอส มาริเกลล่า ยังตายอย่างอนาถเลย

ผมเตือนแล้วนะ”

แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือ การชุมนุมทางการเมือง ที่ดูเหมือนยากเข้าใจในเบื้องหลังของม็อบ 3 นิ้วขณะนี้ กำลังนำไปสู่การคลี่คลายออกมาเรื่อยๆ ทำให้ “จิ๊กซอว์” เริ่มปะติดปะต่อให้เห็นเด่นชัดขึ้น กระทั่งล่าสุด เห็นทั้งผู้วางแผน ทิศทาง และเป้าหมาย ที่พวกเขาต้องการ

แต่เชื่อว่า หลายคนก็ยังมีคำถามอีกมากมาย และยังไม่อาจปักใจเชื่อด้วยข้อมูลเพียงเท่านี้ โดยเฉพาะฝ่ายที่ยังเชื่อว่า นักเรียน นิสิต นักศึกษา ชุมนุมด้วยความบริสุทธิ์ใจ และประเด็น “ปฏิรูปสถาบัน” ก็มีคนไทยจำนวนหนึ่ง เห็นด้วยจริง

แต่ไม่ว่า จะจริงหรือไม่ เพียงใด ดีที่สุดคือกันเอาไว้ดีกว่าแก้ ไม่ใช่ “วัวหายล้อมคอก” ไม่ใช่นิ่งดูดาย ปล่อยไปตามสถานการณ์ โดยเชื่อว่า ม็อบจะอ่อนแรงเอง เหมือนอย่างที่หลายคนวิเคราะห์ เพราะข้อมูลชุดนี้ ถือว่า ไม่ธรรมดา

ลองคิดดู ถ้าเกิดมีการยิงกันตาย โดยมือที่ 3, 4 ขึ้นมาในที่ชุมนุม อะไรจะเกิดขึ้น ยิงกันไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าระเบิดลง เมื่อไหร่ หายนะมาเยือนทันที

อย่าลืมว่า คนที่ก่อการอาจไม่ใช่คนไทยเท่านั้น อย่างที่ชุดข้อมูลของ อธิบดีอัยการฝ่ายต่างประเทศ ชี้ให้เห็น อาจมาจากมือรับจ้างก็เป็นได้ เพราะที่ผู้วางแผนต้องการ คือ ความรุนแรง และระดับนี้ไม่ใช่รุนแรงธรรมดา ที่จะก่อให้เกิดผลกระทบตามเป้าหมายได้ ต้องระดับสะเทือนไปทั่วโลกได้ด้วย

ที่สำคัญ เรื่องนี้แม้แต่แกนนำม็อบ ก็อาจยังไม่รู้ว่า ผู้วางแผนเป็นใคร เพราะถ้ารู้ก็คงไม่กล้าท้าทายขนาดนี้ หรือ อาจนึกออกว่า ชะตากรรมตัวเองจะเป็นอย่างไร หากในที่สุดแล้ว ไม่ใครก็ใครจะต้องสังเวยหมากเกมนี้?

คิดแล้วน่ากลัว ได้แต่หวังว่า เรื่องนี้จะไม่ใช่เรื่องจริง และถ้าจริง ขออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์จงดลบันดาลให้แกนนำม็อบ และผู้ชุมนุมทั้งหลาย ตาสว่างขึ้นมาเถิด ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป เพราะไม่เช่นนั้น จะไม่เพียงผู้ชุมนุมเท่านั้นที่อันตราย ประเทศไทย ก็จะไม่พ้นสูญเสียอธิปไตยตามไปด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น