xs
xsm
sm
md
lg

“ท่านใหม่” สุดทน ย่ำยีถึงบุพการีในหลวง “สุวินัย” เปรียบปีศาจ “อานนท์” สวน “ลุงตู่” ใช้ ม.112 “รบกับประชาชน”

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ “ท่านใหม่” จากเฟซบุ๊ก จุลเจิม ยุคล ของ ม.จ.จุลเจิม ยุคล
“ท่านใหม่” สุดทน ย่ำยี “ในหลวง” ไม่พอ ยังลามปามถึงบุพการี “สุวินัย” เปรียบ ปีศาจในร่างคน “อดีตบิ๊กข่าวกรอง” หนุนใช้ ม. 112 ได้แล้ว “อานนท์” สวน “ลุงตู่” รบกับ ปชช. “ปวิน” หนุนม็อบจาบจ้วงรุนแรง เพราะสู่โซนสงคราม

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (19 พ.ย. 63) เฟซบุ๊ก จุลเจิม ยุคล ของ ม.จ.จุลเจิม ยุคล หรือ “ท่านใหม่” โพสต์รูปภาพพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า

“เกินจะทนจริงๆ เลวกว่าเป็นมนุษย์ที่บอกตัวเองว่า เป็นคนไทย อิสรภาพ และเสรีภาพ เกินขอบเขตไปกันใหญ่แล้ว

ถึงขนาดเขียนข้อความ สาปแช่ง พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งพระองค์ท่านไม่เคยทำความเดือดร้อนอะไรให้ใคร ตอนนี้ พวกมันไม่ได้ย่ำยีแค่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เท่านั้น ปัจจุบันลามปามไปย่ำยีถึงบุพการี ของพระองค์ท่านกันแล้ว ม.112 ควรนำออกมาใช้ได้แล้ว ก่อนที่จะเหลิงกันมากไปกว่านี้

ม.จ. จุลเจิม ยุคล
(ยินดีต้อนรับทัวร์ เหมือนหมาเยี่ยวรดภูเขาทอง ไม่สั่นสะเทือน)

ตำรวจ และหน่วยความมั่นคงแห่งชาติ กรุณาช่วยหาคนพ่นสี ในภาพ และหลายๆ ภาพดังกล่าว (เปิดดูกันเอง) รับรองว่าจะต้องมีภาพที่ ไอ้/อี เหล่านั้นที่กำลังพ่นสีแน่นอน คงไม่ใช่ พ่นวาทกรรมเลวๆ โดยไม่มีใครเห็นหรือถ่ายรูปเก็บไว้

#ตามล่าหาคนพ่นสี ที่ย่ำยีหัวใจพสกนิกรพวกเราเกินไป”

ภาพ ดร.สุวินัย ภรณวลัย จากแฟ้ม
ขณะเดียวกัน ดร.สุวินัย ภรณวลัย ประธานยุทธศาสตร์วิชาการ สถาบันทิศทางไทย อดีตอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า

“สิ่งที่คนในม็อบจำนวนหนึ่งแสดงออกผ่านการพ่นสีเมื่อวาน

แทบไม่ต่างจากการแสดงออกของ “ปีศาจในร่างคน”

ซึ่งบาดความรู้สึกของผมและคนจำนวนมากที่จงรักภักดี จนไม่สามารถนำภาพต่างๆ ที่คนพวกนั้นพ่นสีเขียนมาลงที่นี่ได้

.... สัมผัสพิเศษของผมไม่น่าพลาด ถ้าจะฟันธงตั้งแต่ตอนนี้ว่า

#ทางการคงตัดสินใช้ ม.112 ดำเนินคดีกับแกนนำม็อบและพวกหัวโจกในไม่ช้านี้

มันเป็นเรื่องของเวลาเท่านั้นว่าจะทำเมื่อไร

ตอนนี้ทางการคงทยอยเก็บหลักฐานเชื่อมโยงไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม แล้วคงรวบตัวมาดำเนินคดีทั้งหมดในไม่ช้านี้

ซึ่งผมมองว่า น่าจะเป็นช่วงต้นปีหน้าเป็นอย่างเร็ว

ทำไมทางการถึงต้องอดทนรอจนถึงต้นปีหน้าด้วยเล่า?

ผมมองว่า การแสดงออกแบบ “ปีศาจในร่างคน” ของม็อบบางส่วนเมื่อวาน จะยิ่งทำให้คนที่เคยมาร่วมม็อบและยังมีสติ มีวิจารณญาณ ถอยห่างจากม็อบมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้จะมีคนมาร่วมม็อบน้อยลงไปอีก #จนถึงจุดๆ หนึ่งที่จำนวนคนที่มาร่วมม็อบคงจะไม่น้อยไปกว่านี้แล้ว (ซึ่งผมมองว่าคือช่วงต้นปีหน้าเป็นอย่างเร็ว)

จำนวนที่เหลือแค่นั้นของม็อบที่ไม่น่าน้อยไปกว่านี้แล้ว คือ พวกที่มีความต้องการ “ล้มเจ้า” จริงๆ และแสดงออกอย่างหยาบคายดุจปีศาจในร่างคนเหมือนเมื่อวานนั่นเอง”

ภาพ นายนันทิวัฒน์ สามารถ จากแฟ้ม
เช่นเดียวกัน เฟซบุ๊ก Nantiwat Samart ของ นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์หัวข้อ “มากเกินไปแล้ว”

โดยระบุว่า “ม็อบ มม.มาไกลเกินไปแล้ว จาบจ้วงใส่ร้าย หมิ่นพระบรมเดชานุภาพทุกครั้งที่่ก่อม็อบ มันทำร้ายความรู้สึกของคนไทยทุกคน

ม็อบเหิมเกริมเกินกว่าจะรับได้ สนุกกันมากพอแล้ว นี่มันคือความตั้งใจล้มล้างสถาบัน อย่าปล่อยให้กระทำผิดรายวัน โดยรัฐไม่จัดการ ผู้คนกำลังอึดอัด เบื่อหน่าย และกำลังจะหมดความอดทนกับมาตรการและความใจเย็นของรัฐบาล เจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องดำเนินการตามกฎหมาย นี่คือ ความผิดตามมาตรา 112 ไม่มีข้อยกเว้นใดๆ หากไม่ดำเนินการถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

ประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพ ต้องไม่ใช่ใบอนุญาตให้ผู้คนไม่ต้องเคารพกฎหมาย อย่าให้ประเทศนี้เป็นรัฐที่กฎหมายไม่มีความหมาย อย่าให้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย มิเช่นนั้น ไทยจะเป็นรัฐที่ล้มเหลว”

ด้าน นายอานนท์ นำภา แกนนำม็อบ “ราษฎร 63” โพสต์หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ประกาศยกระดับการดำเนินคดีกับผู้ชุมนุมอย่างเด็ดขาดทุกคดี และจะมีการนำเอากฎหมายอาญา ม.112 มาใช้เอาผิดกับความผิดที่เข้าข่ายด้วย หัวข้อ “ประยุทธ์ ประกาศรบกับประชาชน”

เนื้อหาระบุว่า “สำหรับข้าราชการที่ยังไม่เลือกข้าง ท่านต้องเลือกแล้วว่า จะอยู่กับอดีตหรือจะสร้างอนาคตไปพร้อมกับพวกเรา

จะให้ความรุนแรงทั้งทางกฎหมายและทางกายภาพใดๆ กับผู้ชุมนุมก็เชิญตามแต่ความชั่วช้าของพวกท่าน

พวกเรายืนยันสันติวิธีขั้นสูงสุด ในการต่อสู้ครั้งนี้ และพร้อมจะยกเพดานการต่อสู้ทางสันติวิธีแบบที่เคยยกเพดานด้านข้อเรียกร้องเช่นกัน

ขอให้เพื่อนร่วมขบวนราษฎรเตรียมรับความชั่วช้าของประยุทธ์กับพวกให้พร้อม เตรียมอุปกรณ์ป้องกัน และดูแลจิตใจให้เข้มแข็ง มุ่งมั่น ต่อสู้เพื่อสังคมใหม่ของเราทุกคน
เชื่อมั่นและศรัทธา”

นอกจากนี้ เฟซบุ๊ก Pavin Chachavalpongpun ของนาย ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ นักวิชาการประจำสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น และผู้ลี้ภัยในญี่ปุ่น โพสต์ข้อความระบุว่า

“ขอเอาสิ่งที่อาจารย์พิชญ์เขียนมาเขียนต่อ เรื่องการชุมนุม ทัศนคติของรัฐต่อผู้ชุมนุม และที่พวกที่หากินกับขบวนการประชาธิปไตย พิชญ์บอกว่า สงครามมันก็คือสงคราม ตอนนี้ เราเข้าสู่สงครามกับรัฐแล้ว เพราะเราต้องการการเปลี่ยนแปลงแบบ drastic จะใช้วาทกรรมว่าผู้ชุมนุมไม่มีอาวุธ เสียงบริสุทธิ์ หรืออะไรก็ว่าไป แต่มันเป็นสงคราม และรัฐไม่เคยแคร์ว่าผู้ชุมนุมจะมีอาวุธหรือไม่ จะเป็นเสียงบริสุทธิ์หรือไม่

ตอนนี้ ผู้ชุมนุมคือศัตรูของชาติ ตอนนี้ ผู้ชุมนุมคือสิ่งที่สมควรต้องถูกปราบปราม นั่นจึงเป็นที่มาของการฉีดน้ำสารพิษ การใช้ก๊าซน้ำตา และการใช้กระสุนยาง ยังไม่พอ ยังใช้ม็อบจัดตั้งเสื้อเหลืองเป็นตัวทำร้ายประชาชนโดยการยิงกระสุนจริงใส่

ประเด็นของพิญช์คือ รัฐไม่ได้มองผู้ชุมนุมเหมือนที่บางคนอยากให้เป็น นั่นหมายถึง อีพวกที่หากินกับขบวนการประชาธิปไตย ที่ยังคิดว่า รัฐบาลเอ็นดูผู้ประท้วง เค้าไม่ได้คิดกับผู้ประท้วงแบบนั้นเลยอีดอก ดังนั้น อีพวกหิวแสงที่กล่าวหาผู้ชุมนุมว่า ใช้คำหยาบ กล่าวหาว่าหิวความรุนแรง มึงดูสถานการณ์จริงด้วยว่า ตอนนี้ เราเข้าสู่โซนสงครามแล้ว และในโซนนี้ อย่าไปหวังว่ารัฐจะเอ็นดูมึง ไอ้การเรียกร้องแบบปัญญาอ่อน ต้องอ่อนหวานใส่เผด็จการ ต้องอย่าออกไปชุมนุม ให้นั่งดูประชุมสภาในทีวีที่บ้าน... อยากรู้ว่ามันจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงประเทศได้ไหม ถ้าคนฝรั่งเศสไม่ลุกขึ้นในวันนั้น วันนี้ก็คงไม่มีฝรั่งเศสอย่างที่เราเห็น

…อีพวก...หิวแสงเหล่านี้ ถ้าไปม็อบ ก็แค่หวังไปเสนอหน้ากับสื่อ ไปให้สัมภาษณ์สวยๆ เป็นเทพีเสรีภาพ ประดิษฐ์คำพูดกลวงๆ แถมหลอกด่าผู้ชุมนุม พอตอนที่รัฐปราบปรามผู้ชุมนุม อีดอกนี่ถึงบ้านแล้ว นั่งคั่วข้าวโพดรอดูเหตุการณ์ทางทีวี จนเมื่อนักศึกษาถูกจับ ถึงไปโผล่ที่โรงพัก เพราะยังหิว และแดกข้าวโพดคั่วไม่อิ่ม เลยต้องหาแสงกินเพื่อบรรเทาความกระสันส่วนตัว”

ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เพจเฟซบุ๊ก The METTAD โพสต์ข้อความระบุว่า

“ภาพต่างๆ ของม็อบได้พิสูจน์ว่า ทำไมต้องมี ม.112 ถ้าไม่มี ม.112 จะเกิดอะไรขึ้น ต้องการล้ม 112 เพื่อวิจารณ์จริงหรือ

ก่อนอื่นเราพยายามเข้าใจกลุ่มคนที่ต้องการยกเลิก 112 ก่อน ว่า ที่ผ่านมา ม.112 ถูกนำไปโจมตีว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง เป็นกฎหมายล้าหลัง ไม่สมเหตุสมผล ทำให้ในยุคสมัยนี้ มีความพยายามหลีกเลี่ยงที่จะใช้

ส่วนหนึ่งแอดมองว่าเป็นการทดลอง ปฏิรูปของสถาบันฯ เมื่อมีประชาชนส่วนหนึ่งอ้างว่า ต้องการวิจารณ์แบบอังกฤษ แต่กฎหมายไทยกดทับ ก็ลองปล่อยให้วิจารณ์ดู ผ่อนปรนการบังคับใช้ ม.112 แต่กลับทำให้ม็อบได้ใจ พากันบิดเบือน ใส่ร้ายสถาบันฯ หมิ่นประมาท ขู่อาฆาตมาดร้าย ไม่ได้วิจารณ์โดยสุจริตตามที่กล่าวอ้าง

และเมื่อยิ่งปล่อย ม็อบก็ยิ่งถ่อย คุกคามหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดความวุ่นวาย มวลชนอีกฝั่งไม่สนุกด้วย เกิดการปะทะกัน เพราะการยั่วยุ คุกคามสถาบันฯ

จนตอนนี้ ไปไกลเกินกว่าจะควบคุม แอดสังเกตเห็นความคุกรุ่นของคนไทยที่จงรักภักดี คนที่เคยเงียบๆ และอดทนต่อม็อบมาตลอด วันนี้พวกเขา ไม่ไหวแล้ว ไม่ทนแล้ว

ภาพ บรรยากาศการชุมนุมของ ม็อบราษฎร 63 เมื่อ 18 พ.ย. ที่เข้าข่ายความผิดหลายข้อหา รวมทั้ง ม.112
มันอาจจะถึงเวลาแล้ว ที่ต้องใช้กฎหมายให้เป็นกฎหมาย

ถ้าจำเป็นต้องดำเนินคดี 112 เพื่อยุติความวุ่นวาย เป็นเหตุผลที่ฟังขึ้นไหม กฎหมายข้อนี้สำคัญหรือไม่ สังคมคงได้ข้อสรุปในใจกันแล้ว

เราต้องรักษาประเทศไว้ให้คนส่วนใหญ่ จึงจำเป็นต้องดำเนินคดีคนส่วนหนึ่ง ที่กระทำความผิด เพื่อรักษาไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง ไม่ใช่ปล่อยให้เกิดอนาธิปไตย ละเมิดกฎหมายหนักขึ้นๆ สร้างความวุ่นวายให้สังคม สร้างความแตกแยกในแผ่นดิน

เรื่องนี้ อยากให้ทุกคนช่วยกันเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่บ้านเมือง บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังเข้มแข็ง พยายามข่มใจ เก็บความไม่พอใจไว้ ปล่อยให้สิ่งที่พวกเขากระทำ เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมของแผ่นดิน

ปล. ไม่ต้องกลัวเรื่องลี้ภัยหรอก 110-116 จัดให้แกนนำครบๆ เบิ้มๆ ได้เลย
#เรียกร้องใช้กฎหมายเพื่อความสงบของบ้านเมือง”

แน่นอน, ปัญหาใหญ่ ยังเป็นปัญหาเดิม เพิ่มเติมด้วยการยกระดับความหยาบคาย จาบจ้วงล่วงละเมิดต่อสถาบันกษัตริย์อย่างร้ายแรง จนทำให้หลายคน รวมทั้งคนไทยทั้งประเทศที่มีความจงรักภักดีสุดที่จะทน และหลายคนไม่ทนแล้ว

ล่าสุด หลายคนต่างดาหน้าออกมาสนับสนุนรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้บังคับใช้กฎหมาย อาญา ม.112 กับการทำความผิดต่อพระมหากษัตริย์ ซึ่งการชุมนุมเมื่อวันที่ 18 พ.ย. 63 หลายกรณีถือว่าเข้าข่ายความผิดนี้อย่างชัดเจน

จริงอยู่นี่คือการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญในการชุมนุมทางการเมือง แต่สิทธินั้น ก็ไม่ใช่ใบอนุญาตให้หมิ่นประมาท จาบจ้วงล่วงละเมิดใคร ซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมาย โดยเฉพาะความผิดต่อพระมหากษัตริย์ วันนี้ถือว่า ม็อบเลยธงการเคลื่อนไหวต่อประเด็นทางการเมืองไม่พอ ยังเลยเถิด ด้วยการทำผิดกฎหมาย ม.112 ด้วย

เหนืออื่นใด ยังมองไม่เห็นสำนึกที่รู้สึกผิดต่อการกระทำดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย หนำซ้ำแกนนำยังออกมาปากกล้าท้าทายสู้รบกับกลไกอำนาจรัฐ เหมือนเห็นบ้านเมืองไม่มีขื่อมีแป เหมือนดูถูกเหยียดหยามคนไทยอีกจำนวนมาก ด้วยการไม่ยี่หระว่าใครจะเดือดร้อน ใครจะไม่พอใจ ใครจะไม่เห็นด้วย ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่ ยังคงเคารพกฎหมาย และอยู่ภายใต้กฎหมาย ที่พวกเขาพากันละเมิดหนักข้อขึ้นทุกวัน

พวกเขาไม่อยู่ในวิสัยที่จะห้ามปรามได้แล้วหรือ พวกเขากู่ไม่กลับแล้วหรือ หรือว่าพวกเขาต้องการนำไปสู่ความรุนแรง อย่างที่ผู้รู้หลายคนวิเคราะห์เอาไว้ ถ้าเช่นนั้น คงถึงเวลา อย่างที่หลายคนแสดงทัศนะ ว่าต้องหยุดยั้งพวกเขาเหล่านี้ให้ได้ นั่นคือ การบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด และไม่มีข้อยกเว้นนั่นเอง

แต่ถึงกระนั้น ก็ยังขึ้นอยู่กับว่า ม็อบราษฎร 63 จะได้รับการสนับสนุนจากคนไทยส่วนใหญ่ จนกลายเป็นพลังอันมหาศาลได้หรือไม่ เป็นเครื่องตัดสินด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น