เมืองไทย 360 องศา
ในที่สุด การลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้ง 7 ฉบับ ของสมาชิกรัฐสภา ด้วยวิธีการขานชื่อ และลงมติพร้อมกันทีเดียวทั้งหมดทุกร่างแก้ไข ก็ผ่านไปโดยไม่มีการพลิกโผ คือ ร่างแก้ไขฉบับที่ 1 ที่เสนอโดยพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่นำโดยพรรคเพื่อไทย (ไม่มีพรรคก้าวไกล) และ ร่างแก้ไข ฉบับที่ 2 ที่เสนอโดยพรรคร่วมรัฐบาล ผ่านไปได้
ส่วนที่เหลืออีก 5 ฉบับ แยกเป็นเสนอแก้ไขรายมาตรา 4 ฉบับ ที่เสนอโดยพรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดยพรรคเพื่อไทย และ ร่างฉบับที่ 7 ที่เป็นร่างที่เสนอโดยภาคประชาชน หรือที่เรียกว่า ร่างของ “ไอลอว์” ของ นายจอน อึ๊งภากรณ์ นั้นโดนคว่ำแบบไม่มีลุ้น
เมื่อพิจารณาจากการโหวตตั้งแต่เริ่มต้น ก็เห็นแววแล้วว่า ฉบับที่ 1 และ ฉบับที่ 2 มีสมาชิกรัฐสภาจากพรรคร่วมฝ่ายค้าน และฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาล รวมไปถึงวุฒิสมาชิกบางส่วน โหวตรับหลักการในวาระแรกแบบเห็นได้ชัด แม้ว่าจะมีรายละเอียดของการโหวตที่ต้องพิจารณาแยกย่อยในลำดับถัดไปในแต่ละฉบับที่เหลือ แต่เมื่อต้องพึ่งพาเสียงของวุฒิสมาชิกอีกไม่น้อยกว่า 84 เสียง ฉบับที่ 3-7 จึงผ่านยาก
สำหรับเนื้อหาสาระหลักการของร่าง ฉบับที่ 1 และ 2 มีความคล้ายคลึงกัน นั่นคือ เสนอให้แก้ไข มาตรา 256 ให้มี ส.ส.ร.เพื่อมายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ โดยไม่แก้ไขในหมวดที่ 1 ที่เกี่ยวกับระบบการปกครอง และ 2 หมวดพระมหากษัตริย์ เพียงแต่ว่ามีความต่างกันเล็กน้อยในเรื่องของจำนวน ส.ส.ร. ว่าจะมาจากการเลือกตั้งเท่าใด เท่านั้น โดยยังมีสาระหลักอีกอย่างหนึ่งก็คือ ให้มีการแก้ไขให้มีบัตรเลือกตั้งสองใบ
ขณะที่ร่างฉบับที่ 7 นั้น ให้แก้ไขทุกมาตรา ไม่มีข้อยกเว้น และยังมีหลักการ ให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญสำคัญ ที่เกี่ยวกับศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ต้องพ้นสภาพไป อีกทั้งยังส่งผลให้ความผิดที่เกิดขึ้นจากการบังคบใช้จากองค์กรตามรัฐธรรมนูญดังกล่าว ต้องสิ้นผลไปโดยปริยาย ในความหมาย คือ ใครที่เคยมีความผิดจากคดีทุจริต คดีที่เกี่ยวกับความผิดจากกฎหมายพรรคการเมือง การเลือกตั้ง เช่น ถูกตัดสิทธิ์เมืองก็จะพ้นไปแบบ “เนียนๆ” ยิ่งกว่านิรโทษกรรมสุดซอยเสียอีก
แน่นอนว่า เพียงแค่นี้ก็ถือว่าหนักหนาสาหัสมากพอแล้ว นี่ยังไม่นับข้อกังวลในเรื่องการแก้ไขทุกมาตรา รวมหมวดเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ที่มีสมาชิกรัฐสภาหลายคนท้วงติง และไม่เห็นด้วยอย่างชัดเจน รวมไปถึงการยอมรับว่าได้รับเงินอุดหนุนจากต่างชาติ ซึ่งในกรณีที่ถูกนำมาใช้เคลื่อนไหวแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นกฎหมายสูงสุด กระทบกับความมั่นคงของชาติ บอกได้เลยว่า “ไม่มีทางผ่านแน่นอน”
แม้จะอ้างเรื่อง “ประชาธิปไตยของปวงชน” แต่หากมาแนวนี้ มันก็น่าจะ “เกินไป” เพราะแต่ละเรื่องเมื่อพิจารณาจากอารมณ์ของชาวบ้านแล้วต้อง “ขึ้น” ทุกคน และที่ผ่านมา “ไอลอว์” ซึ่งเป็นเอ็นจีโอ รวมทั้งแกนนำหลักล้วนแล้วแต่มีทัศนคติในทางลบกับสถาบันพระมหากษัตริย์แทบทั้งสิ้น และยังเคลื่อนไหวในแนวทางเดียวกับพวก “ม็อบสามนิ้ว” ที่ถูกมองว่ามีเจตนาแท้จริงเพื่อ “ล้มล้างสถาบันฯ” อีกด้วย
ทีนี้เมื่อมาพิจารณากันถึงการ “สมประโยชน์” ของบรรดาพรรคการเมือง ซึ่งทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน ต่างได้ประโยชน์หากการแก้ไขเป็นผลสำเร็จ ยกเว้น พรรคก้าวไกลที่เคยได้ประโยชน์จากรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่พวกเขาบอกว่าเป็นเผด็จการนั่นแหละ
อย่างไรก็ดี ต้องโฟกัสไปที่ “พรรคเพื่อไทย” ที่ได้ประโยชน์และสมประโยชน์มากที่สุดแบบ “กินทุกหน้า” ไม่ว่าออกทางไหน แม้ว่าเป้าหมายหลักคือ ร่างแก้ไข ฉบับที่ 1 ที่นำเสนอเอง หรืออย่างน้อยก็เป็น ฉบับที่ 2 ที่เสนอโดยฝ่ายรัฐบาล เพราะเนื้อหาใกล้เคียงกัน นั่นคือ แก้ไขมาตรา 256 ให้มี ส.ส.ร. โดยไม่แตะหมวด 1-2 แต่ขณะเดียวกัน ยังโชว์ลีลา “หลอกต้มม็อบสามนิ้ว” เสียเปื่อยยุ่ย เพราะใช้วิธีลงมติเห็นชอบทั้ง 7 ร่าง นั่นคือ รวมร่างของ ไอลอว์ ที่รู้ว่า “ถูกตีตกแน่” อยู่แล้ว แต่ขอเอากำไรไว้ก่อน
ลักษณะอาการที่แสดงออกมาให้เห็น เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ของนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่นำทีม ส.ส.บางส่วนของพรรคลงเรือ เผ่นกลับบ้านก่อนใคร ขณะที่ม็อบสามนิ้วกำลังล้อมสภา แม้ว่าจะอ้างภายหลังว่า จะไปหาหมอ หลังจากถูกพวกเดียวกันเฉ่งไม่มีชิ้นดี ว่าทิ้งประชาชน แต่ในความหมายที่มองอีกแบบคือ “สะบัดก้น” ไปหลังเห็นท่าทีของส.ว.และ ส.ส.จากฝ่ายรัฐบาล โจมตีร่างของ “ไอลอว์” ในทำนอง “ขายชาติ” ก็รู้ว่าถูกคว่ำแน่นอน จึงทำให้ในวันรุ่งขึ้น จึงมีมติให้ความเห็นชอบทั้ง 7 ร่าง นั่นแหละ
ดังนั้น หากพิจารณาแบบปลีกย่อย งานนี้พรรคเพื่อไทย มีแต่กำไร เพราะถึงอย่างไรร่างแก้ไขที่ตัวเองเสนอ และได้ประโยชน์ต้องผ่านวาระแรกอยู่แล้ว เพราะอย่างน้อย ก็มีโอกาสที่จะกลับไปใช้วิธีการเลือกตั้งแบบเดิม นั่นคือใช้บัตรเลือกตั้งสองใบ ที่ตัวเองมั่นใจว่าจะชนะการเลือกตั้งเหมือนในอดีต
ขณะที่ “ราษฎรสามนิ้ว” ก็ถูกต้มเปื่อย หลังจากนี้บรรดาแกนนำก็รอรับหมายเรียกหมายจับตามมาเพิ่ม เพราะแค่สองวันที่ผ่านมาสะสมคดีหนักๆ อีกเพียบ !!