xs
xsm
sm
md
lg

ตัวเร่ง! “ปิยบุตร” ขู่รัฐสภา ถ้า “ประชาชน” สถาปนา จะไร้ขีดจำกัด “อุ๊” ชี้ รับ รธน.ต่างชาติ “5 วงจรอุบาทว์” กลับมา

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ บรรยากาศการชุมนุมม็อบราษฎร 63 (18 พ.ย.63) ที่แยกราชประสงค์ จากแฟ้ม
“ปิยบุตร” ประดิษฐ์วาทกรรม ขู่ ถ้า “ประชาชน” (ม็อบ) สถาปนา จะไร้กรอบและขีดจำกัด หมายถึงอะไรเดาไม่ยาก แกนนำดาหน้ากล่อมม็อบไม่ใช้ความรุนแรง หลังถูกวิจารณ์หนัก “อุ๊ หฤทัย” ฟันธง รับร่างฉบับรับเงินต่างชาติ วงจรอุบาทว์กลับมาแน่

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (18 พ.ย. 63) เฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล ของ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์หัวข้อ “[ เมื่อระบบไม่สนองตอบ “ประชาชน” ผู้ทรงอำนาจปฐมสถาปนารัฐธรรมนูญจักปรากฏกายขึ้น ]”

โดยระบุว่า “อำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ มี 2 ชนิด
1.) อำนาจปฐมสถาปนา
2.) อำนาจสถาปนาลำดับรอง
เมื่อรัฐธรรมนูญก่อตั้งขึ้นมาแล้ว ก็กำหนดให้มีกระบวนการแก้ไขเอาไว้

รัฐสภา และประชาชน ก็ร่วมกันใช้อำนาจสถาปนาลำดับรองเข้าแก้ไขรัฐธรรมนูญตามกรอบเงื่อนไขที่กำหนด
แต่เมื่อการแก้ไขในระบบถูกสกัดขัดขวาง จนประชาชนไม่อาจแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ สถานการณ์พิเศษก็บังเกิด

ภาพ นายปิยบุตร แสงกนกกุล จากแฟ้ม
“ประชาชน” ผู้ทรงอำนาจปฐมสถาปนาปรากฏกายขึ้น และใช้อำนาจปฐมสถาปนานั้นเข้าก่อตั้งรัฐธรรมนูญใหม่แบบไร้กรอบ ไร้ขีดจำกัด

หากรัฐสภาและสถาบันการเมืองในระบบทั้งหมด ยังคงขัดขวางประชาชนอยู่แบบนี้ อีกไม่นาน สถานการณ์คงนำพาไปสู่อำนาจปฐมสถาปนาแบบไร้ขีดจำกัดของประชาชน

#แก้รัฐธรรมนูญ #รัฐธรรมนูญใหม่ #ม็อบ17พฤศจิกา #ประชุมสภา”
ขณะเดียวกัน นายอานนท์ นำภา แกนนำม็อบคณะราษฎร 63 แชร์โพสต์ของผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ ภัควดี วีระภาสพงษ์ นักแปลและนักเขียนอิสระ แนวร่วมม็อบ 3 นิ้ว ที่โพสต์ข้อความว่า เริ่มมีการกล่าวหาว่า ผู้ชุมนุมใช้ความรุนแรง ทำลายรถฉีดน้ำรถตำรวจ แต่เรายืนยันว่า การทำลายทรัพย์สินพวกนี้ไม่ใช่การใช้ความรุนแรงเพราะ

1. รถพวกนี้ถูกใช้กระทำความรุนแรงต่อประชาชน การทำลายรถพวกนี้คือการไม่ใช้ความรุนแรง เพราะเป็นการสกัดไม่ให้มันถูกนำมาใช้สร้างความรุนแรงต่อชีวิตมนุษย์

2. การทำลายทรัพย์สินราชการที่มาจากภาษีของเราไม่ใช่ความรุนแรง เพราะมันเป็นของของเรา มันไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน

เมื่อวานมีการยั่วยุผู้ชุมนุมโดยใช้พวกมินเนี่ยนมาทำร้ายและมีการใช้อาวุธปืนยิงใส่ เรารู้ว่ามันยาก แต่ถ้าการ์ดและผู้ชุมนุมที่เจ็บแค้นยอมกลืนความเจ็บแค้นไว้ และแปรมันเป็นการพร้อมเจ็บ เราจะชนะ

เราต้องไม่ใช้ความรุนแรงตอบโต้ ไม่ใช่เพราะเราเป็นคนดีสันติอหิงสา แต่เพราะเราเป็นหมาจนตรอก เราไม่มีทางเลือกอื่น ถ้าเราสู้กลับ มันจะระดมความรุนแรงใส่เรายิ่งกว่านี้ เราไม่มีทางชนะในสงครามที่ใช้ความรุนแรง เราต้องกัดฟันสู้ด้วยความไม่รุนแรง เพราะมันเป็นอาวุธอย่างเดียวที่เรามี

โดย นายอานนท์ ระบุว่า ชั่ยครับ ตามนี้

ขณะที่ ร.อ.ทรงกลด ชื่นชูผล เข้าไปคอมเมนต์ว่า 1. รถตู้นี้ทำความรุนแรงอย่างไรหรือทนาย ?
2. ภาษีของเรา หมายถึงภาษีของผมด้วยใช่มั้ย ? (ไทยโพสต์)

ภาพ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ ขณะนำผู้ชุมนุมปิดล้อมสภา (17 พ.ย.63) จากแฟ้ม
สำหรับ เฟซบุ๊ก “เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์ ของ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ แกนนำกลุ่มคณะราษฎร 2563 โพสต์ข้อความว่า

ตอนนี้ ศักดินากำลังหาทางทำอย่างไรก็ได้เพื่อป้ายสีพวกเราว่า เป็นม็อบรุนแรงป่าเถื่อน การที่พวกเขาทำร้ายเราเมื่อวานก็เพื่อยั่วยุให้เราโกรธและล่อลวงให้เราใช้ความรุนแรง และจะเป็นข้ออ้างให้ทหารทำรัฐประหาร เราจะต้องระวังไม่หลงกลติดกับดักศักดินา

ดังนั้น ชุมนุมวันนี้ ขอให้ทุกคนยึดมั่นในหลักการไม่ใช้ความรุนแรงเพื่อไม่ให้มันใส่ร้ายเราได้สำเร็จ

อย่าลืมนะครับ การต่อสู้ของเราเป็นการต่อสู้ทางการเมือง ไม่ใช่การทหาร สงครามครั้งนี้สู้กันด้วยความคิด ไม่ใช่กำลัง เราชนะมาหลายก้าวแล้ว ช่วยกันรักษาชัยชนะที่สะสมมาได้ และช่วงชิงชัยชนะครั้งต่อไปด้วยกันครับ

หมายเหตุ: บอกใบ้ให้ว่า การใช้สีพ่นใส่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ถือเป็นความรุนแรง เป็นการใช้ศิลปะเข้าสู้ และไม่ได้ทำให้ใครเจ็บใครตายแต่อย่างใด

ภาพ “อุ๊” -หฤทัย ม่วงบุญศรี จากแฟ้ม
ด้าน “อุ๊” - หฤทัย ม่วงบุญศรี นักร้องชื่อดัง ผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า

“จะพลิกฟ้าคว่ำดินโดยใช้รัฐธรรมนูญที่สนับสนุนจากต่างชาติ ตีสถาบันฯโดยการยุยงปลุกปั่นให้คนเกลียดชังสถาบันฯ เพราะผลประโยชน์และอำนาจอยากกลับมาผูกขาดประเทศ กราบนั้นไม่จริงใจเลยสักนิดเดียว และอีกพวกคือ ตี๋คนรุ่นใหม่ ที่ตลอดเวลาก้าวร้าวรุนแรงกับสถาบันฯมาโดยตลอด

ถ้าพวกเค้าทำสำเร็จตามใจ ที่ปรารถนา ประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

1. คนไทยอาจสูญเสียสถาบันหลักของชาติ ประเทศไทยจะขาดความมั่นคง แผ่นดินอาจแตกเป็นเสี่ยงๆ เมื่อไม่มีเสาหลักไว้ค้ำยันประเทศ และประเทศไทยจะเหมือนคนจีนที่หนีตายในอดีต หรืออาจจะเหมือนกัมพูชาในอดีต การแย่งชิงอำนาจความขัดแย้งรุนแรง คนที่เดือดร้อนคือประชาชนคนไทยทั้งสิ้น

2. วงจรอุบาทว์การทุจริตคอร์รัปชันในประเทศจะกลับมาอีกครั้ง คือ ทุจริตเชิงนโยบาย แปรรูปสาธารณสมบัติของชาติ ประชานิยมเพื่อซื้อเสียงโดยเงินภาษีประชาชน เช่น นโยบายรถคันแรก ละลายเงินงบประมาณจนหมด เหมือนคดีทุจริตจำนำข้าว แล้วเก็บภาษีใหม่มาใช้หนี้ ทำให้ไม่มีเงินไปลงทุนพัฒนาประเทศ ขาดความยั่งยืน อาจล้มละลายเหมือนละตินอเมริกา มองดูแล้วไทยจะล้าหลังไปอีกเยอะ

3. มีโอกาสความเป็นไปได้ว่า ชาติตะวันตกจะแทรกแซงไทย เพื่อใช้ไทยเป็นฐานที่มั่นในการรบกับจีน หรือไม่ให้ไทยเป็นเส้นทางเชื่อมต่อโครงข่ายกับประเทศเพื่อนบ้าน เพราะประเทศจีนวางแผนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานไว้รอบประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว เช่น พม่า ลาว กัมพูชา และเวียดนาม เป็นต้น

4. นักการเมืองที่ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญจากอดีตถึงปัจจุบัน อาจจะเป็นโมฆะ องค์กรอิสระที่ทำหน้าที่รวบรวมหลักฐานเพื่อใช้ตัดสินคดีทุจริตที่เป็นคดีอาญาแผ่นดิน อาจถูกยกเลิกและอาจเป็นโมฆะ

5. ในอนาคต นักการเมืองอาจแบ่งทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ให้เป็นทรัพย์สินของตัวเองได้โดยถูกกฎหมาย โดยที่พ่อแม่พี่น้องพวกเราคนไทยจะไม่ได้ประโยชน์ใดๆ และไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะได้เข้าไปมีส่วนร่วมยกเว้นพวกนายทุนใหญ่ของนักการเมือง

สิ่งเหล่านี้อุ๊จะเรียกว่า วงจรอุบาทว์ของนักโกงบ้านกินเมือง มันจะกลับมาเป็นวังวนไม่รู้จบ ถ้าคนไทยนิ่งไม่ดูดายประเทศ

สรุปเราควรจะสร้างชาติด้วยความศรัทธาในความดีงามที่คนทั้งโลกล้วนแล้วแต่มองเห็นไทยเป็นประเทศชาติที่มั่นคง เราคนไทยเราจะสู้กับคนทำลายชาติ เราจะเดินทางไปด้วยกัน และจะไม่ยอมให้ใครมาทำลายชาติบ้านเมืองของเรา เพื่อลูกเพื่อหลานของเราสืบต่อไป

คนไทยที่รักชาติจงอยู่บ้านอย่างสงบ

คนทำความผิดให้ใช้กระบวนการทางกฎหมายอย่างเป็นธรรมตามกระบวนการยุติธรรม เพราะนี่คือประเทศไทยที่มีกระบวนการยุติธรรมตามอำนาจอธิปไตยของไทย ขอให้ทุกท่านโชคดี อยู่บ้านแล้วจะปลอดภัยทุกคน!!!”

แน่นอน, สิ่งที่ต้องการชี้ให้เห็นก็คือ โพสต์ของ “ปิยบุตร” และ “อุ๊ หฤทัย” มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ด้านของ นายปิยบุตร พยายามจะชี้ให้เห็น ว่า การรับร่างไอลอว์ ซึ่งระบุชัดเจนว่า ต้องการแก้ไขทั้งฉบับ ไม่เว้นหมวด 1 (ทั่วไป) และหมวด 2 (พระมหากษัตริย์) เป็นไปตามความต้องการของกลุ่มนายปิยบุตร นายธนาธร และพรรคเพื่อไทยนั้น สำคัญอย่างไร และถ้าไม่รับ หมายถึงอะไร

ถ้าให้ตีความจากถ้อยคำที่ประดิษฐ์อย่างค่อนข้างที่จะกำกวมพอสมควรนั้น แปลได้ว่า ถ้ารัฐสภา ไม่รับร่างดังกล่าว ประชาชน ซึ่งในที่นี้อาจหมายถึง “ม็อบราษฎร 63” จะสถาปนารัฐธรรมนูญขึ้นมาเอง และรัฐธรรมนูญนั้นจะไร้กรอบ ไร้ขีดจำกัด

นั่นอาจหมายถึงการชุมนุมประท้วงของกลุ่มราษฎร 63 จะต้องได้รับชัยชนะ ด้วยผลจากอะไรก็ตาม จนไม่มีอะไรขวางกั้นได้อีกแล้ว ใช่หรือไม่ และไร้ขีดจำกัด ก็หมายถึง อยากทำอะไรก็ได้ อย่าว่าแต่ข้อเรียกร้อง 3 ข้อที่เรียกร้องอยู่ในเวลานี้ อาจเลยกว่านั้น ชัดเจนว่า นี่คือ คำขู่ อย่างไม่ต้องสงสัย!?

ด้าน “อุ๊ หฤทัย” พยายามจะชี้ให้เห็นสาระสำคัญของร่างไอลอว์ (องค์กรที่รับทุนจากต่างชาติ) ว่าจะมีผลกระทบนับแต่ สถาบันพระมหากษัตริย์ การแทรกแซงประเทศไทยของต่างชาติ และการกลับเข้ามาแสวงผลประโยชน์อีกครั้งกลุ่มธุรกิจการเมือง กลุ่มการเมืองที่สนับสนุนร่างนี้ จนกลายเป็น “วงจรอุบาทว์” ไม่รู้จบ เนื่องเพราะร่างฉบับนี้ระบุเอาไว้ ให้มีการยกเลิกกฎหมายหลายฉบับ รวมถึงโทษที่เกี่ยวกับการทุจริต และองค์กรปราบปรามทุจริต

ทั้งหมดอยู่ที่ประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศ จะใช้วิจารณญาณตัดสินเอาเอง เพราะในที่สุดแล้ว ไม่ว่าความต้องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ของ ม็อบราษฎร 63 จะจบลงอย่างไร คนไทยเป็นคนแรกที่จะได้รับประโยชน์ หรือผลกระทบสูงสุดนั่นเอง


กำลังโหลดความคิดเห็น