xs
xsm
sm
md
lg

ดุเดือด! “บิ๊กกวิ้น” เหิมเกริม #กูสั่งให้มึงอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ “ปิยบุตร” ขู่รัฐสภารับร่าง “ไอลอว์” ก่อนพวกเขาลงมือเอง

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ ม็อบราษฎร 63 บุกล้อมรัฐสภา (17 พ.ย.63) จากแฟ้ม
เอาแล้ว!!! “แกนนำม็อบ” ดุ “อีแอบ” เดือด “บิ๊กกวิ้น” เหิมเกริม #กูสั่งให้มึงอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ “อานนท์” ปลุกรุนแรง วันนี้บวกแน่! “ปิยบุตร” ขู่ รัฐสภา ไม่ทำ พวกเขาจะลงมือเอง “ช่อ” จารึก “กลิ่นเลือดจะคลุ้งคาว”

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (17 พ.ย. 63) เฟซบุ๊ก เพนกวิน - พริษฐ์ ชิวารักษ์ ของ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ โพสต์ข้อความระบุว่า

ภาพ เพนกวิน - นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ จากแฟ้ม
“ท่าทีของพรรคเพื่อไทยในวันนี้ ถือว่าน่าผิดหวังสำหรับผม ซึ่งเป็นคนที่ลงคะแนนเสียงให้ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด”

พร้อมกับ ติดแฮชแท็ก #กูสั่งให้มึงอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ

สำหรับ แฮชแท็ก นี้ คนที่ติดตามข่าวการเมืองมาตลอดจะรู้ว่า ม็อบราษฎร 63 นำโดย “เพนกวิน” กับพวก ต้องการที่จะ “ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์” ให้อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง แม้ว่า สถาบันกษัตริย์ไทย อยู่ใต้รัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ดังนั้น การต่อสู้เรียกร้อง จึงดูเหมือนมีวาระซ่อนเร้นที่มากกว่านั้น หรือไม่ เช่น นำไปสู่การ “ล้มสถาบัน”?

ขณะเดียวกัน นายอานนท์ นำภา แกนนำม็อบราษฎร 63 โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเช่นกัน ว่า

“บวกแน่วันนี้ เตรียมตัวให้พร้อม”

ภาพ นายอานนท์ นำภา จากแฟ้ม
จากนั้น ร.อ.ทรงกลด ชื่นชูผล หรือ “ผู้กองปูเค็ม” เข้าไปเขียนคอมเมนต์ว่า แกนนำม็อบนิยมความรุนแรงอย่างนี้ เมื่อเกิดความสูญเสียจะโทษใครดีน้อ? ปรากฏว่า ทัวร์ลงผู้กองปูเค็มไปตามระเบียบ (ไทยโพสต์)

นอกจากนี้ เฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล ของ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์หัวข้อ “จดหมายเปิดผนึกถึงพรรคเพื่อไทย”

เนื้อหาระบุว่า “ผมคุ้นเคยกับ ส.ส. และแกนนำพรรคเพื่อไทย หลายคน มีโอกาสพูดคุยและร่วมงานกันบ่อยครั้ง ผมเข้าใจเหตุการณ์ที่ไทยรักไทย พลังประชาชน จนมาเป็นเพื่อไทย และไทยรักษาชาติ ประสบพบเจออย่างดี หลายกรณี ผมออกไปวิจารณ์การตัดสินของศาลและองค์กรอิสระที่เป็นโทษกับ ไทยรักไทย พลังประชาชน เพื่อไทย ไทยรักษาชาติ ผมคิดว่า ผมน่าจะเป็นคนเข้าใจเพื่อไทยดีมากๆ คนหนึ่ง แต่ ณ วันนี้ สถานการณ์เปลี่ยนไปมาก ผมอยากชวนให้คิดใหม่อีกครั้ง

เราต่างก็รู้กันว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญตามกระบวนการ เพื่อให้มี ส.ส.ร. มาทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ทุกหมวด ทุกมาตรา ภายใต้กรอบ “ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” นั้น สามารถทำได้ ไม่มีความผิดฐานล้มล้างการปกครองแต่อย่างใด

แน่นอน พวกเรา “ฝ่ายประชาธิปไตย” ไม่อาจไว้วางใจ นิ่งนอนใจได้ว่า ในท้ายที่สุด เมื่อมี “นักร้อง” ร้องไปยังองค์กรอิสระ ศาลรัฐธรรมนูญ แล้ว พวกเขาจะจัดการพวกเราอีกหรือไม่ แต่หากเรากลัวเรื่องแบบนี้ นั่นก็หมายความว่า กับดัก ค่ายกล ที่พวกเขาวางไว้นับแต่รัฐประหาร 49 ต่อเนื่องมา 57 ยังทำงานได้

มนุษย์ทุกคนต่างมีความกลัว ไม่พร้อมเสี่ยง ไม่กล้าออกจากพื้นที่สะดวกสบาย

แต่ความกลัวตลอดไป ไม่อาจหยุดยั้งไม่ให้พวกเขาหยุดการบดขยี้พวกเราได้

ยิ่งกลัว เขายิ่งกระทำกับพวกเรา

ยิ่งสยบยอม เขายิ่งบดขยี้พวกเราให้จมดิน

การถอยครั้งนี้ จะสร้างบรรทัดฐานที่ผิดไปตลอดกาลว่า ราชอาณาจักรไทย ไม่สามารถเปลี่ยนผ่านรัฐธรรมนูญตามระบบได้

การถอยครั้งนี้ จะสร้างบรรทัดฐานที่ผิดไปตลอดกาลว่า รัฐสภาไม่มีอำนาจแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ทุกหมวด ทุกมาตรา รวมถึง หมวด 1 บททั่วไป และหมวด 2 พระมหากษัตริย์

ภาพ นายปิยบุตร แสงกนกกุล จากแฟ้ม
การถอยครั้งนี้ จะเป็นการ “ปิดประตู” การปฏิรูปทุกสถาบันการเมือง รวมทั้งสถาบันกษัตริย์ โดยวิถีทางสันติ ตามกลไกรัฐสภา

การถอยครั้งนี้ ทำให้หนทาง “การประนีประนอม” ปิดตายลง จนราชอาณาจักรไทย ไม่อาจเป็น “The Land of Compromise” ได้

และการถอยครั้งนี้ ถอยในห้วงเวลาที่มีประชาชนมหาศาลสนับสนุน ย่อมทำให้ประชาชนสิ้นหวังกับสถาบันการเมืองในระบบทั้งหมด เมื่อรัฐสภาไม่ทำให้พวกเขา ประชาชนก็ต้องลงมือทำกันเอง และเมื่อประชาชนหลอมรวมปรากฏกายขึ้น ก็ไม่มีอะไรหยุดยั้งได้ และไม่มีใครคาดหมาย ควบคุม ได้ด้วย

หลายคนวิเคราะห์ว่า พรรคอนาคตใหม่ในวันก่อน และพรรคก้าวไกลในวันนี้ เป็นคู่แข่งกับพรรคเพื่อไทย บางคนบอกว่า ยิ่งพรรคเพื่อไทยเป็นแบบนี้ ยิ่งทำให้คณะก้าวหน้า-พรรคก้าวไกล ได้การสนับสนุน ยิ่งต้องควรดีใจที่พรรคเพื่อไทยตัดสินใจแบบนี้ ผมเห็นต่างครับ นี่ไม่ใช่การแข่งขันระหว่างพรรค ช้าเร็ว คงต้องแข่งกันแน่เมื่อการเลือกตั้งมาถึง

แต่ตอนนี้ ต้องร่วมมือกันผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญในแบบที่ช่วยถอดสลักระเบิดอย่างแท้จริง

ยังพอมีเวลาอีก 1 วันเต็ม ผมอยากขอให้ผู้หลักผู้ใหญ่ แกนนำ ส.ส. ของพรรคเพื่อไทย ได้พิจารณาทบทวนอีกครั้ง ร่วมกันลงมติรับหลักการ ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมของ iLaw ที่ประชาชนกว่าแสนคนร่วมกันเสนอ

ทั้งหมดก็เพื่อการเปลี่ยนผ่านรัฐธรรมนูญอย่างสันติ

ทั้งหมดก็เพื่อการปฏิรูปสถาบันการเมือง องค์กรตามรัฐธรรมนูญ รวมถึงสถาบันกษัตริย์ ให้สอดคล้องกับประชาธิปไตย

ทั้งหมดก็เพื่อการหล่อเลี้ยงความหวังให้กับประชาชน”

ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการแชร์ข้อความในโซเชียลอย่างกว้างขวาง กรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุม 3 นิ้ว เขียนบนผ้าขนาดใหญ่และนำไปกลุ่มอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย หนึ่งในนั้นถูกระบุว่า เขียนโดย “ช่อ” - พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า พร้อมลายเซ็น เป็นบทกลอนของ จิตร ภูมิศักดิ์ โดยเฉพาะท่อนที่เขียนว่า “กลิ่นเลือดจะคลุ้งคาว”

ขื่อแปจะพังครืน และกลิ่นเลือดจะคลุ้งคาว
แต่คนยังเป็นคน ในสายธารอันเหยียดยาว
เคียงคู่กับเดือนดาว ผงาดเด่นในดินแดน

อย่างไรก็ตาม โพสต์ของแกนนำม็อบ และ ปิยบุตร เกิดขึ้นเนื่องจากรับรู้ว่า นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ให้สัมภาษณ์ว่า

ในการประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้าน เมื่อวันที่ 16 พ.ย. มีมติให้รับหลักการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 7 ฉบับ แต่ภายหลังมีการประชุมพรรคเพื่อไทย ส.ส. หลายคนแสดงความกังวล เนื่องจากมีประสบการณ์สมัยปี 2556 ที่เสนอร่างรัฐธรรมนูญ แล้วมีผู้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญอาจจะเป็นการล้มล้างการปกครอง ทำให้ ส.ส.หลายคน ขอรอฟังคำอภิปรายร่างของไอลอว์ ก่อน ว่าจะตีความเป็นการแก้ทั้งฉบับหรือไม่ ถ้าไม่ใช่การแก้ทั้งฉบับก็คงลงมติรับหลักการ

ภาพ นายสุทิน คลังแสง จากแฟ้ม
โดยเหตุผลที่มีการตั้งข้อสังเกตนี้ เนื่องจากร่างของพรรคร่วมฝ่ายค้าน และพรรคร่วมรัฐบาล ที่เสนอให้ตั้ง ส.ส.ร. นั้น มีการยกเว้นหมวด 1, 2 แต่ร่างของไอลอว์ ไม่มีข้อยกเว้น ก็อาจจะตีความได้ นอกจากนี้ ยังต้องพิจารณาหลักการ 11 ข้อ ในร่างของไอลอว์ ด้วยว่า เมื่อเข้าสู่ชั้นกรรมาธิการ จะปรับได้หรือไม่ เพราะตอนนี้มีหลายความคิดเห็น ทั้งปรับได้และปรับไม่ได้ เราจึงต้องฟังการอภิปรายในตอนนี้ก่อน

เมื่อถามว่า หากไม่รับหลักการร่างของไอลอว์ จะทำให้เสียมวลชนหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า นานๆ ทีจะมีร่างของประชาชนเข้ามาก็อยากให้พิจารณา เพราะเราเป็นห่วงความรู้สึกของประชาชนที่เข้าชื่อกันมา แต่เหตุการณ์เมื่อปี 2556 ก็ยังตามหลอกหลอนถึงวันนี้ ดังนั้น ส.ส. ก็ต้องหาทางออกให้ได้ก่อน แต่ก็ยังไม่ปฏิเสธร่างของไอลอว์ ส่วนจะเป็นการหักมติของพรรคร่วมหรือไม่นั้น มติพรรคร่วมเราก็เคารพ อะไรที่ไปกันได้ก็ไปกัน แต่มีหลายเหตุผล บางเรื่องเป็นนโยบายของพรรค ก็ต้องเข้าใจซึ่งกันและกัน

แน่นอน, สิ่งที่สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจน ก็คือ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ ไอลอว์ ที่ให้แก้ไขทั้งฉบับ ไม่เว้นหมวด 1 (ทั่วไป) และหมวด 2 (พระมหากษัตริย์) มีปัญหาอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งการจะแก้ไขทั้งฉบับได้ ต้องมีการทำประชามติเสียก่อน เรื่องนี้เคยมีคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญมาแล้ว

แต่ที่กำลังจะมีปัญหาใหญ่กว่า ก็คือ การชุมนุมกดดันของม็อบราษฎร 63 ที่ปิดล้อมรัฐสภาอยู่ในเวลานี้ เหมือนเป็นการบีบบังคับทางอ้อม รวมทั้งเป็นการข่มขู่คุกคาม ให้ส.ส.และส.ว.รับร่าง ฉบับไอลอว์ แม้รู้ทั้งรู้ว่ามีปัญหาให้จงได้ มิเช่นนั้น ส.ส., ส.ว. ก็จะออกจากรัฐสภาไม่ได้ นี่เป็นสิ่งที่หลายคนเป็นห่วงว่า จะเกิดความรุนแรง

รวมทั้งโพสต์ของ แกนนำม็อบราษฎร 63 และ นายปิยบุตร ที่ออกมาในทำนองปลุกเร้า ให้รัฐสภารับร่าง ฉบับไอลอว์ โดยไม่ต้องกลัวอะไรทั้งสิ้น และอย่าถอย เพราะการถอยครั้งนี้ จะไม่มีโอกาสอีกแล้ว หลังมติพรรคเพื่อไทย มีท่าทีที่จะไม่รับร่างฉบับ ไอลอว์ เพราะกลัวข้อหาล้มล้างการปกครอง ยิ่งทำให้สถานการณ์ในอนาคตอันใกล้น่ากลัวว่า จะเกิดความรุนแรง หลังจากร่างฉบับ ไอลอว์ ถูกเขี่ยตกไปในการลงมติรับหลักการครั้งนี้?

เหนืออื่นใด ต้องยอมรับว่า ข้อเรียกร้องที่แข็งขืน ของ ม็อบราษฎร 63 และอีแอบที่อยู่เบื้องหลัง คือ ปัญหาใหญ่ที่ทำให้การเมืองไทยในเวลานี้ วิกฤตซ้ำ วิกฤตซ้อน และนับวันเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดสงครามกลางเมืองมากขึ้นทุกที เพราะถือว่าเป็นการต่อสู้เรียกร้องในประเด็นที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์การชุมนุมทางการเมืองแล้ว และเกินกว่าที่ระบบการเมืองไทยจะแก้ปัญหาให้ได้ เพราะเป็นเรื่องของคนไทยทั้งประเทศ จะยอมหรือไม่

ไม่เกี่ยวกับการเมืองเลยก็ว่าได้ เพราะตามรัฐธรรมนูญ สถาบันกษัตริย์ ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง

เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงเท่ากับเป็นการบีบบังคับให้ทั้งรัฐสภา และคนไทยทั้งประเทศ ยอมจำนน และทำตามม็อบราษฎร 63 ทุกอย่าง ไม่มีทางปฏิเสธ ไม่มีทางเลือก หาไม่แล้ว ก็อย่าได้อยู่ดีมีสุขกันเลย อย่างนั้นหรือไม่?

ถ้าเช่นนั้น ก็อยู่ที่ประชาชนคนไทยทั้งประเทศ จะตัดสินอย่างไร ก็แล้วกัน!!!


กำลังโหลดความคิดเห็น