เมืองไทย 360 องศา
นึกว่าจะปล่อยผ่านไปให้เรื่องราวไปตามสถานการณ์ แต่เมื่อได้เห็นบรรยากาศที่กำลังเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ มันก็ทำให้ต้องจับตามองเป็นพิเศษว่าสถานการณ์จะพัฒนาไปทิศทางใด หลังจากได้เห็นประชาชนที่ชูพระบรมฉายาลักษณ์ของพระเจ้าอยู่หัว ทั้งรัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 พร้อมกับสวมใส่เสื้อเหลืองที่แสดงถึงสัญลักษณ์การเทิดทูนและปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ออกมาต่อต้าน และขับไล่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ปัจจุบันมาในแบบ “หัวหน้ากลุ่มก้าวหน้า”ระหว่างเดินสายช่วยหาเสียงให้กับผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือ นายกฯอบจ. ที่เขาให้การสนับสนุน
ภาพที่ปรากฏเป็นข่าวเกิดขึ้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ที่มี “คนสวมเสื้อเหลือง”นับร้อยคนมาต่อต้าน และขับไล่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ให้ออกพ้นพื้นที่ โดยข้อความและคำพูดที่ชาวบ้านกลุ่มนี้แสดงออกมาเช่น “คนเนรคุณ”หรือ “คนขายชาติ”เป็นต้น เป็นปรากฏการณ์ที่เขาไม่เคยพบมาก่อน ซึ่งก่อนหน้านี้เหตุการณ์ทำนองเดียวกันนี้ก็เพิ่งเกิดขึ้นที่จังหวัดระยองมาแล้ว เมื่อถูกชาวบ้านในตลาดตะโกนขับไล่
สิ่งน่าจับตามองนอกเหนือไปจากนั้น ความเคลื่อนไหวแบบนี้จะขยายวงกว้างออกไปมากกว่านี้หรือไม่ เพราะบรรดาประชาชนที่ออกมาดังกล่าว ล้วนแสดงออกซึ่งความจงรักภักดีและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และแน่นอนว่าความไม่พอใจดังกล่าวย่อมมีสาเหตุ หากมีความเข้าใจตรงกันว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ มีทัศนคติที่เป็นลบกับสถาบันฯ มาตลอด และสำหรับการเกิด“ม็อบสามนิ้ว”ในช่วงนี้ ก็มีหลายคนมองเห็น และเชื่อว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้อยู่เบื้องหลัง
และที่สำคัญหากพิจารณาจากเนื้อหาของข้อเรียกร้องจำนวน 10 ข้อ ที่แม้จะอ้างว่าเป็นการ“ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์”แต่เมื่อพิจารณาจากเนื้อหา และท่าทีแล้วกลับถูกมองว่ามีเจตนาที่จะ“ล้มล้าง”และเต็มไปด้วยความ“หยาบคาย”ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์รวมไปถึงการชุมนุมครั้ง
ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่มีเนื้อหาในจดหมาย รวมไปถึงการเคลื่อนขบวนที่เหมือนกับสื่อให้เห็นในลักษณะ “หยามพระเกียรติ”ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวทำให้คนที่รักและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ รับไม่ได้ และมีปฏิกิริยาตอบโต้ออกมาทั่วประเทศในเวลานี้ และมีการนัดรวมพลังกันอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน และก็อธิบายสาเหตุได้ไม่ยากว่า ทำไมประชาชนสวมเสื้อเหลืองที่ประกาศปกป้องสถาบันฯ ถึงได้ออกมาต่อต้านและขับไล่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เนื่องจากมีความเชื่อว่า เขาเป็นหนึ่งในผู้อยู่เบื้องหลังคนสำคัญกับ “ม็อบสามนิ้ว”ที่มองว่ามีพฤติกรรมจาบจ้วง และคิด “ล้มล้าง”นั่นเอง ซึ่งพิจารณาเชื่อมโยงแบบง่ายๆไม่ได้ซับซ้อนอะไร
ทีนี้มาพิจารณาใน“สเต็ป”ต่อมาก็คือ แล้วมันจะส่งผลกระทบต่อ “ทีมผู้สมัคร อบจ.”ของพวกเขาทั่วประเทศมากน้อยแค่ไหน เพราะหากรับรู้กันตามข้อมูลที่มีการเปิดเผยออกมา ระบุว่า มีจำนวนกว่า 40 คนทั่วประเทศ โดยก่อนหน้านี้ นายธนาธร หมายมั่นปั้นมือว่าจะใช้การเลือกตั้งระดับท้องถิ่นปูฐานสร้างอำนาจทางการเมืองในระยาวต่อไป และที่ผ่านมาก็ต้องยอมรับความจริงเช่นเดียวกันว่า ได้รับความสนใจและจับตามองพอสมควร
อย่างไรก็ดีเมื่อ “กระแสเปลี่ยนไป”กลายมาเป็น “ความเกลียดชัง”ที่เริ่มพุ่งเป้ามาที่ นายธนาธร กับพวก เนื่องจากถูกมองว่าเป็นตัวการและมีทัศนคติทางลบกับพระมหากษัตริย์และสถาบันฯโดยรวม มันก็ยิ่งน่าจับตาอย่างยิ่งว่าจะพัฒนาไปทางไหน เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และก่อนหน้านี้ ที่จังหวัดระยอง รวมทั้งอีกหลายที่ที่เขากำลังจะไปช่วยลูกทีมหาเสียงเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดในทีมที่ส่งรับสมัครทั่วประเทศ ก็น่าจะมีแนวโน้มจะเกิดเหตุแบบนี้อีก
นี่ยังไม่นับถึงข้อกฎหมายที่มีคนไปร้องว่าพวกเขาทำผิดกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 111 ที่ระบุว่าทำตัวเสมือนพรรคการเมือง หลังจากถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง
เมื่อเกิดปรากฏการณ์แบบที่เห็นในเวลานี้ แน่นอนว่าย่อมมีผลกระทบต่อนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แน่นอน แต่สำหรับผู้สมัครนายกฯอบจ.ในทีมจะส่งผลกระทบแค่ไหน หากมีการกล่าวหาว่า“เป็นผู้สมัครล้มเจ้า”เพราะเกี่ยวข้องกับหัวหน้าทีม มันก็เป็นเรื่องที่ต้องจับตาเหมือนกันว่า ในที่สุดแล้วจะต้อง“รีบชิ่ง”เอาตัวออกห่าง หรือเดินหน้าลุยถั่วแบบเปิดหน้าชน อีกไม่นานก็จะได้เห็นกันว่าจะออกทางไหน !!